‘เอดีบี’ หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เป็นเติบโต 0.1% ต่ำสุดในรอบ 60 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2504 จากผลกระทบของโควิด-19 ระบุเศรษฐกิจเอเชียมีความเสี่ยงเจอขาลงอีก หากเชื้อโควิดระบาดระลอก 2 และวิกฤติการเงินที่ไม่สามารถควบคุมได้ พร้อมประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้จะหดตัว 6.5%
เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือ เอดีบี เปิดเผยรายงานการวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย (Asian Development Outlook: ADO) ประจำปี 2563 ฉบับเพิ่มเติมล่าสุด (Supplement) หลังจากที่เคยรายงานไปครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยระบุว่า ในปี 2563 ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกจะเติบโตเพียงร้อยละ 0.1 ลดลงจากที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 2.2 ในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นการเติบโตที่ช้าที่สุดสำหรับภูมิภาคตั้งแต่ปี 2504
ส่วนการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียในปี 2564 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 6.2 เช่นเดียวกับที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนเมษายน ในขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) คาดว่าจะยังคงต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้และต่ำกว่าแนวโน้มก่อนเกิดวิกฤติ ส่วนประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย (ไม่รวมเศรษฐกิจอุตสาหกรรมใหม่ของฮ่องกง จีน เกาหลี สิงคโปร์ และไทเป) คาดว่าจะเติบโตที่ร้อยละ 0.4 ในปีนี้ และร้อยละ 6.6 ในปี 2564
“เศรษฐกิจในเอเชียและแปซิฟิกจะยังคงได้รับผลกระทบจากการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ในปีนี้ แม้ว่าการปลดล็อคจะค่อยๆ คลี่คลายและมีการผ่อนปรนกิจกรรมทางเศรษฐกิจในรูปแบบ ‘ปกติใหม่’” นายยาซูยูกิ ซาวาดะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำเอดีบี กล่าว
พร้อมระบุว่า “ในขณะที่เราเห็นแนวโน้มการเติบโตที่สูงขึ้นสำหรับภูมิภาคในปี 2564 แต่นั่นเป็นเพราะตัวเลขที่อ่อนแอในปีนี้และจะไม่ใช่การฟื้นตัวในรูปแบบตัววี (V-shaped recovery) รัฐบาลควรดำเนินมาตรการเชิงนโยบายเพื่อลดผลกระทบเชิงลบของ COVID-19 และทำให้มั่นใจว่าจะไม่มีการแพร่ระบาดของโรคระลอกใหม่”
เอดีบี ระบุด้วยว่า แนวโน้มทางเศรษฐกิจเอเชียยังมีความเสี่ยงขาลงจากผลกระทบของการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ที่อาจเกิดขึ้นหลายระลอกในช่วงเวลาที่กำลังจะมาถึง บวกกับหนี้รัฐบาลและวิกฤตการณ์ทางการเงินที่ไม่สามารถควบคุมได้ นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากการเพิ่มระดับความตึงเครียดทางการค้าที่เกิดขึ้นใหม่ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนอีกด้วย
เอดีบี ยังคาดการณ์ว่า เอเชียตะวันออกคาดว่าจะเติบโตร้อยละ 1.3 ในปี 2563 ซึ่งเป็นอนุภูมิภาคเดียวที่ยังมีการเติบโตในปีนี้ ในขณะที่การเติบโตในปี 2564 คาดว่าจะฟื้นตัวอยู่ที่ร้อยละ 6.8 การเติบโตของจีนคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 1.8 ในปีนี้และ 7.4 ในปี 2564 เมื่อเทียบกับประมาณการเมื่อเดือนเมษายนที่ร้อยละ 2.3 และร้อยละ 7.3 ตามลำดับ
ส่วนเศรษฐกิจของเอเชียใต้คาดว่าจะหดตัวร้อยละ 3.0 เมื่อเทียบกับการเติบโตร้อยละ 4.1 ที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนเมษายน เนื่องจากมีการแพร่ระบาดอย่างหนักของเชื้อไวรัส COVID-19 ในอนุภูมิภาค ขณะที่แนวโน้มการเติบโตในปี 2564 ถูกปรับลดลงเหลือร้อยละ 4.9 จากร้อยละ 6.0 โดยเศรษฐกิจของอินเดียคาดว่าจะหดตัวร้อยละ 4.0 ในปีงบประมาณ 2563 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 ก่อนจะกลับมาเติบโตที่ร้อยละ 5.0 ในปีงบประมาณถัดไป
ขณะเดียวกัน กิจกรรมทางเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คาดว่าจะหดตัวที่ร้อยละ 2.7 ในปีนี้ ก่อนที่จะกลับมาเติบโตร้อยละ 5.2 ในปี 2564 การหดตัวดังกล่าวเกิดจากประเทศเศรษฐกิจหลักในอนุภูมิภาคได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อควบคุมโรคระบาดซึ่งส่งผลกระทบต่อการบริโภคและการลงทุนในประเทศ
โดยคาดว่าเศรษฐกิจอินโดนีเซียจะหดตัวที่ร้อยละ 1.0 ฟิลิปปินส์จะหดตัวที่ร้อยละ 3.8 และไทยจะหดตัวที่ร้อยละ 6.5 ตามลำดับ ในขณะที่เวียดนามคาดการณ์ว่าจะเติบโตที่ร้อยละ 4.1 ในปี 2563 ต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์เมื่อเดือนเมษายน 0.7 จุด แต่ยังคงเป็นอัตราการเติบโตที่เร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ เศรษฐกิจของเอเชียกลางคาดว่าจะหดตัวร้อยละ 0.5 เมื่อเทียบกับการคาดการณ์เมื่อเดือนเมษายนที่ร้อยละ 2.8 เนื่องจากการหยุดชะงักทางการค้าและการตกต่ำของราคาน้ำมัน แต่อย่างไรก็ตาม การเติบโตคาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวที่ร้อยละ 4.2 ในปี 2564
“มาตรการจำกัดการค้าและจำนวนการท่องเที่ยวที่ลดลงส่งผลกระทบต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคแปซิฟิก โดยคาดว่าเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคจะหดตัวที่ร้อยละ 4.3 ในปี 2563 ก่อนที่จะกลับมาเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 1.6% ในปี 2564” เอดีบีระบุ
สำหรับอัตราเงินเฟ้อของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 2.9 ในปี 2563 ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 3.2 ในเดือนเมษายน ซึ่งสะท้อนถึงอุปสงค์และราคาน้ำมันที่ลดลง ส่วนในปี 2564 อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 2.4
อ่านประกอบ :
ทุ่ม 2.2 หมื่นล้าน กระตุ้นการท่องเที่ยวแจกส่วนลดค่าที่พัก-ค่าอาหารสูงสุดคนละ 18,400 บาท
ดอลล์อ่อน-เงินไหลกลับ ทำ ‘บาทแข็ง’! ธปท.ชี้สอดคล้องภูมิภาค-พบ 11 วัน เพิ่ม 2.71%
ทั่วโลกอัดฉีดฟื้นเศรษฐกิจ ‘ยังไม่เห็นผล’ ส่งออกไทย รอสร่าง ‘ไข้โควิด’ ปีหน้า
'บิ๊กตู่'แจงโอนงบปี 63 เรื่องจำเป็นแก้โควิด'ชลน่าน'เผย 6 ปีโอน 5 ครั้งรวม 5.3 หมื่นล้าน
กำชับดูแลค่าบาท! กนง.หวั่นกระทบการฟื้นตัวเศรษฐกิจ-เตรียมรื้อจีดีพีปี 63
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/