“...กรณีนี้เข้าเงื่อนไขที่จะต้องมีการเสนอเรื่องให้เป็นผู้ทิ้งงานมานานแล้ว แต่ก็ไม่ได้มีการดำเนินการอะไร ครั้งนี้มีหนังสือแจ้งเป็นทางการไปแล้ว หากหน่วยงานราชการยังไม่ดำเนินการอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ และการทำหนังสือแจ้งครั้งนี้ ให้นับรวมจังหวัดสระแก้ว และสมุทรปราการ ที่มีการจัดซื้อเครื่องมือเหล่านี้มาใช้งานด้วย แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่ได้ดำเนินการเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเอกชคู่สัญญาเหมือนหน่วยงานอื่นด้วย...”
........................................
ประเด็นตรวจสอบกรณีกลุ่มบริษัทเอกชนขายเครื่องจีที 200 และเครื่องอัลฟ่า 6 ที่ถูกหน่วยงานราชการคู่สัญญาฟ้องร้องดำเนินคดีความอาญาในข้อหาฉ้อโกง และยังไม่ถูกขึ้นบัญชีดำเป็นผู้รับงาน หากแต่ยังปรากฎชื่อเป็นคู่สัญญารับงานว่าจ้างจากหน่วยงานราชการหลายแห่งในปัจจุบัน
ที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ให้ความสำคัญติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้ว!
เมื่อสำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลจากแหล่งข่าวกระทรวงการคลัง ว่า นอกจากมติผลการประชุมคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2564 ที่มีการมอบหมายให้อธิบดีกรมบัญชีกลางเป็นประธาน ได้มีมติให้ทำหนังสือแจ้งหน่วยงานราชการจำนวนนับ 10 แห่ง ที่ทำสัญญาซื้อขายเครื่องจีที 200 และอัลฟ่า 6 กับกลุ่มเอกชนที่มีคดีฟ้องร้องข้อหาฉ้อโกง ซึ่งเข้าข่ายเป็นคู่สัญญาของหน่วยงานของรัฐ ที่มีลักษณะเป็นการกระทําการโดยไม่สุจริต ตามมาตรา 109 (3) ของพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุ ภาครัฐ พ.ศ.2560 ให้ยื่นเรื่องพร้อมความเห็นเสนอกลับมายังปลัดกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาสั่งการให้เป็นผู้ทิ้งงานตามขั้นตอนทางกฎหมายไปแล้ว
พร้อมคำยืนยันจากแหล่งข่าวว่า “กรณีนี้เข้าเงื่อนไขที่จะต้องมีการเสนอเรื่องให้เป็นผู้ทิ้งงานมานานแล้ว แต่ก็ไม่ได้มีการดำเนินการอะไร ครั้งนี้มีหนังสือแจ้งเป็นทางการไปแล้ว หากหน่วยงานราชการยังไม่ดำเนินการอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ และการทำหนังสือแจ้งครั้งนี้ ให้นับรวมจังหวัดสระแก้ว และสมุทรปราการ ที่มีการจัดซื้อเครื่องมือเหล่านี้มาใช้งานด้วย แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่ได้ดำเนินการเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเอกชคู่สัญญาเหมือนหน่วยงานอื่นด้วย”
(อ่านประกอบ :ไม่ทำเข้าข่ายละเว้น! คกก.วินิจฉัยฯ แจ้งหน่วยงานรัฐ ส่งเรื่องขึ้นบัญชีดำ บ.ขายจีที-อัลฟ่า)
ในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2564 ที่ผ่านมา คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ได้เริ่มทยอยออกหนังสือแจ้งเวียนให้ หน่วยงานราชการจำนวนนับ 10 แห่ง ที่ทำสัญญาซื้อขายเครื่องจีที 200 และอัลฟ่า 6 กับกลุ่มเอกชนที่มีคดีฟ้องร้องข้อหาฉ้อโกง ให้ยื่นเรื่องพร้อมความเห็นเสนอกลับมายังปลัดกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาสั่งการให้เอกชนกลุ่มนี้เป็นผู้ทิ้งงานตามขั้นตอนทางกฎหมายแล้ว
ยืนยันข้อมูลจากหนังสือที่แจ้งถึงกองบัญชาการกองทัพไทย ให้ดำเนินการกับกรณีบริษัท เอ็ม-แลนดาร์ช จำกัด (ดูหนังสือประกอบ)
ทั้งนี้ การออกหนังสือแจ้งเวียนให้ หน่วยงานราชการจำนวนนับ 10 แห่ง ที่ทำสัญญาซื้อขายเครื่องจีที 200 และอัลฟ่า 6 กับกลุ่มเอกชนที่มีคดีฟ้องร้องข้อหาฉ้อโกง ให้ยื่นเรื่องพร้อมความเห็นเสนอกลับมายังปลัดกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาสั่งการให้เอกชนกลุ่มนี้เป็นผู้ทิ้งงานตามขั้นตอนทางกฎหมายดังกล่าว
นับเป็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น อันเป็นผลสืบเนื่องมาตั้งแต่ ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้เผยแพร่บทความเรื่อง ไฉนกองทัพไม่ขึ้นบัญชีดำบริษัทขาย ‘จีที200 - อัลฟ่า6’ ตั้งข้อกังขาว่าทำไมหลังจากแพ้คดีฟ้องร้องข้อหาฉ้อโกง กลุ่มเอกชนขายเครื่องจีที 200 และเครื่องอัลฟ่า 6 ยังคงปรากฎชื่อเป็นคู่สัญญาจ้างงานจากหน่วยงานรัฐอยู่อีก
"น่ากังขามากกับสิ่งที่เกิดขึ้นใน “กองบัญชาการกองทัพไทย” เมื่อศาลมีคำพิพากษาให้กองทัพไทยชนะคดีที่เอกชนร่วมกันฉ้อโกงขายเครื่องตรวจจับสารเสพติด อาวุธและวัตถุระเบิด GT200 และ ALPHA6 คดีดำเลขที่ อ284/62 คดีแดงที่ 931/62 วันที่ 23 กันยายน 2562 ซึ่งตามกฎหมายแล้วกองทัพไทยควรเอาเหตุนี้ยื่นเรื่องให้กระทรวงการคลังพิจารณาสั่งให้เอกชนรายนั้นเป็น “ผู้ทิ้งงาน” ตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ แต่ผ่านมาปีกว่าผู้มีอำนาจในกองทัพไทยกลับนิ่งเฉยไม่ทำอะไร เปิดโอกาสให้บริษัทและบุคคลกลุ่มนี้สามารถขายอาวุธยุทโธปกรณ์และสินค้าอื่นให้แก่สามเหล่าทัพ กองบัญชาการกองทัพไทยและอีกหลายหน่วยราชการได้เรื่อยมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"
"ทราบกันดีว่าขบวนการต้มตุ๋น GT200 และ ALPHA6 สร้างความเสียหายแก่รัฐราว 1.13 พันล้านบาท เป็นคดีคอร์รัปชันฉาวโฉ่ที่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องจำนวนมาก ปัจจุบันมีคดีค้างคาใน ป.ป.ช. ดีเอสไอและศาลหลายคดี"
"ตามเงื่อนไขของ พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้างฯ เอกชนรายใดถูกขึ้นบัญชีผู้ทิ้งงานจะถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้ค้าขายกับรัฐได้อีก รวมทั้งคนที่เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการ ผู้บริหาร หรือผู้มีอำนาจในการดําเนินงานในกิจการของนิติบุคคลนั้น บทลงโทษนี้ยังโยงไปถึงนิติบุคคลอื่นในกิจการประเภทเดียวกันที่มีชื่อเป็นผู้ทิ้งงานร่วมเป็นกรรมการอยู่ด้วย (มาตรา 29(5) มาตรา 109 และ 120 ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างฯ ข้อ 193 และข้อ 196)"
"การขึ้นบัญชีผู้ทิ้งงาน (Blacklist) จึงเป็นมาตรการเพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐ ด้วยการปิดโอกาสไม่ให้พวกคนโกงหรือชอบเอาเปรียบเข้ามาสร้างความเสียหายให้กับรัฐได้อีก มาตรการนี้จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ทุกหน่วยงานต้องใส่ใจ ไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะไม่มีทางควบคุมคอร์รัปชันในการจัดซื้อจัดจ้างฯ ได้"
ขณะที่ สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบยืนยันข้อมูลที่ ดร.มานะ นิมิตรมงคล เผยแพร่ต่อสาธารณะดังกล่าว พบข้อเท็จจริงใน 3 ประเด็นหนัก คือ
หนึ่ง.
จากการสืบค้นข้อมูลคำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงจัดซื้อเครื่องจีที 200 และ อัลฟ่า 6 ดังกล่าว พบว่า มีจำนวน 16 คดี ที่ศาลมีคำพิพากษาตัดสินลงโทษเอกชนคู่สัญญาไปแล้ว ในช่วงปี 2561 -ต้นปี 2563 ที่ผ่านมา
หน่วยงานราชการที่เป็นผู้เสียหาย มีจำนวน 15 แห่ง ได้แก่ 1.จังหวัดสุโขทัย, 2.ศูนย์รักษาความปลอดภัย ส่วนราชการในสังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย, 3. กรมการปกครอง, 4. กองทัพบก โดย กรมสรรพาวุธทหารบก, 5.จังหวัดยะลา, 6. จังหวัดสิงห์บุรี, 7. อบจ.สงขลา, 8.จังหวัดเพชรบุรี, 9.จังหวัดภูเก็ต, 10. สถาบันนิติวิทยาศาสตร์, 11.กรมราชองครักษ์, 12.กองทัพเรือ, 13.กรมศุลกากร, 14.กองบัญชาการกองทัพไทย 15. จังหวัดพิษณุโลก
ส่วน บริษัทเอกชน ผู้ขายสินค้า มีจำนวน 6 แห่ง ได้แก่ 1. บริษัท ยูจีซี เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด หรือ บริษัทกัญจน์ณพัฒน์ จำกัด 2. บริษัทแจ๊คสัน อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด 3. บริษัท เปโตรกรุงเทพฯ จำกัด 4. บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด , 5.บริษัท เอ เอส แอลเอ็มเทรดดิ้ง จำกัด , 6. บริษัท เอ็ม-แลนดาร์ช จำกัด
ในนามกรรมการผู้มีอำนาจที่ศาลตัดสินว่ามีความผิดให้ลงโทษจำคุก มี 3 ราย ได้แก่ 1. นายสุทธิวัฒน์ วัฒนกิจ 2. นายธานี ธราภาค และ 3. นายณธกรหรือนายรัชกฤต ภูชัชวนิชกุล โดยในภายหลังนั้นทางด้านของนายธานี ธราภาคได้ยืนยันกับสำนักข่าวอิศราว่าศาลไม่ได้มีการสั่งจำคุกแต่อย่างใด
(อ่านประกอบ : เช็คชื่อ 15 หน่วยงานรัฐ-6 เอกชน คดีฉ้อโกงจีที-อัลฟ่า วัดใจ คกก.วินิจฉัยฯ สั่งขึ้นบัญชีดำ)
สอง.
สำนักข่าวอิศรา สืบค้นฐานข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานภาครัฐ พบว่า นับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562 เป็นต้นมา บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด , บริษัทกัญจน์ณพัฒน์ จำกัด หรือชื่อเดิมว่า บริษัท ยูจีซี เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด , บริษัท เอ็ม-แลนดาร์ช จำกัด และ บริษัท เอ เอส แอลเอ็มเทรดดิ้ง จำกัด ยังปรากฎชื่อเป็นคู่สัญญาหรือร่วมเป็นบริษัทสืบราคากลางงานจัดซื้อจัดจ้างให้หน่วยงานราชการอยู่จำนวนมาก (อ่านรายละเอียดข้อมูลข่าวฉบับท้าย)
สาม.
ในส่วนข้อเท็จจริงทางกฎหมายนั้น สำนักข่าวอิศรา ศึกษาพบว่า ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุ ภาครัฐ พ.ศ.2560 ระบุมาตราไว้ดังนี้
มาตรา 29 (5) เป็นการระบุเรื่องอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการวินิจฉัย ในการเสนอความเห็นต่อปลัดกระทรวงการคลังในการพิจารณาสั่งให้ผู้ยื่นข้อเสนอหรือคู่สัญญา เป็นผู้ทิ้งงาน และการเพิกถอนรายชื่อผู้ทิ้งงาน รวมทั้งเสนอความเห็นต่อปลัดกระทรวงการคลังและรัฐมนตรี ในการพิจารณาอุทธรณ์คําสั่งลงโทษให้เป็นผู้ทิ้งงาน
มาตรา 109 อยู่ในหมวด 12 ว่าด้วยการทิ้งงาน ในกรณีที่ปรากฏว่าผู้ยื่นข้อเสนอหรือคู่สัญญาของหน่วยงานของรัฐกระทําการ 6 ประการ โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ให้ถือว่าผู้ยื่นข้อเสนอหรือคู่สัญญานั้นกระทําการอันมีลักษณะเป็นการทิ้งงาน
โดยใน (3) ระบุไว้ชัดเจนว่า เมื่อปรากฏว่าผู้ยื่นข้อเสนอหรือคู่สัญญาของหน่วยงานของรัฐกระทําการอันมีลักษณะเป็น การขัดขวางการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม หรือกระทําการโดยไม่สุจริต
มาตรา 120 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าหน้าที่หรือเป็นผู้มีอํานาจหน้าที่ในการดําเนินการเกี่ยวกับการจัดซื้อ จัดจ้างหรือการบริหารพัสดุ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการจัดซื้อจัดจ้างหรือการบริหารพัสดุ ตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวง ระเบียบ หรือประกาศที่ออกตามความในพระราชบัญญัตินี้โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการจัดซื้อจัดจ้าง หรือการบริหารพัสดุตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวง ระเบียบ หรือประกาศที่ออกตามความในพระราชบัญญัตินี้ โดยทุจริต ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ผู้ใดเป็นผู้ใช้หรือผู้สนับสนุนในการกระทําความผิดตามวรรคหนึ่ง ผู้นั้นต้องระวางโทษตามที่ กําหนดไว้สําหรับความผิดตามวรรคหนึ่ง (ดูรายละเอียดข้อกฎหมายประกอบ http://www.ops.moc.go.th/ewt_dl_link.php?nid=3918)
ขณะที่ ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง และบริหารพัสดุ ภาครัฐ พ.ศ.2560 ระบุข้อไว้ดังนี้
ข้อ 193 ในกรณีที่ปรากฏว่าผู้ยื่นข้อเสนอหรือคู่สัญญาของหน่วยงานของรัฐกระทําการอันมี ลักษณะเป็นการทิ้งงาน ตามความในมาตรา 109 ให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐพิจารณาให้ผู้ยื่นข้อเสนอ คู่สัญญา หรือผู้รับจ้างช่วงที่หน่วยงานของรัฐอนุญาตให้รับช่วงงานได้ หรือที่ปรึกษา หรือผู้ให้บริการ ออกแบบหรือควบคุมงาน เป็นผู้ทิ้งงาน แล้วแต่กรณี พร้อมความเห็นของตนเสนอไปยังปลัดกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณาสั่งให้เป็นผู้ทิ้งงานโดยเร็ว เมื่อปลัดกระทรวงการคลังได้พิจารณาหลังจากที่ได้ฟังความเห็นของคณะกรรมการวินิจฉัย ตามมาตรา 29 (5) แล้ว และเห็นว่าบุคคลดังกล่าวสมควรเป็นผู้ทิ้งงาน ก็ให้ปลัดกระทรวงการคลัง สั่งให้บุคคลดังกล่าวเป็นผู้ทิ้งงาน โดยระบุชื่อผู้ทิ้งงานไว้ในบัญชีรายชื่อผู้ทิ้งงาน พร้อมทั้งแจ้งเวียนชื่อ ผู้ทิ้งงานให้หน่วยงานของรัฐต่างๆ ทราบ รวมทั้งแจ้งให้ผู้ทิ้งงานรายนั้นทราบทางไปรษณีย์ลงทะเบียนด้วย ในกรณีปลัดกระทรวงการคลังเห็นว่าบุคคลดังกล่าวไม่สมควรเป็นผู้ทิ้งงาน ให้แจ้งผลการพิจารณา ไปให้หน่วยงานของรัฐนั้นทราบด้วย
ข้อ 196 ในกรณีที่นิติบุคคลใดถูกสั่งให้เป็นผู้ทิ้งงานตามข้อ 193 ข้อ 194 หรือข้อ 195 ถ้าการกระทําดังกล่าวเกิดจากหุ้นส่วนผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการ ผู้บริหาร หรือผู้มีอํานาจในการดําเนินงานในกิจการของนิติบุคคลนั้น ให้ปลัดกระทรวงการคลังสั่งให้บุคคลดังกล่าวเป็นผู้ทิ้งงานด้วย
ในกรณีที่นิติบุคคลรายใดถูกสั่งให้เป็นผู้ทิ้งงานตามข้อ 193 ข้อ 194 หรือข้อ 195 ให้คําสั่งดังกล่าวมีผลไปถึงนิติบุคคลอื่นที่ดําเนินธุรกิจประเภทเดียวกัน ซึ่งมีหุ้นส่วนผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการ ผู้บริหาร หรือผู้มีอํานาจในการดําเนินงานในกิจการของนิติบุคคลนั้นเป็นบุคคลเดียวกันกับหุ้นส่วนผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการ ผู้บริหาร หรือผู้มีอํานาจในการดําเนินงานในกิจการของนิติบุคคลที่ถูกพิจารณาให้เป็นผู้ทิ้งงานด้วย
ในกรณีที่บุคคลธรรมดารายใดถูกสั่งให้เป็นผู้ทิ้งงานตามข้อ 193 ข้อ 194 หรือข้อ 195 ให้คําสั่งดังกล่าวมีผลไปถึงนิติบุคคลอื่นที่เข้ายื่นข้อเสนอ ซึ่งมีบุคคลดังกล่าวเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหาร หรือผู้มีอํานาจในการดําเนินงานในกิจการของนิติบุคคลนั้นด้วย (ดูรายละเอียดข้อกฎหมายประกอบ http://www.ops.moc.go.th/ewt_dl_link.php?nid=3926)
หากพิจารณาข้อกำหนดในกฎหมายและระเบียบ ทั้ง 2 ฉบับนี้ จะพบว่า กรณีกลุ่มบริษัทขายเครื่องจีที 200 และเครื่องอัลฟ่า ให้กับหน่วยงานราชการไทย ที่มีข้อพิพาทต่อสู้คดีในชั้นศาล และแพ้คดีไปแล้ว ในช่วงปี 2561 น่าจะเข้าเงื่อนไขมาตรา 109 (3) ที่ว่าด้วยคู่สัญญาของหน่วยงานของรัฐกระทําการโดยไม่สุจริต
ตามกระบวนการทางกฎหมายควรจะต้องมีการเสนอเรื่องให้เป็นผู้ทิ้งงาน และยังมีผลไปถึงกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหาร หรือผู้มีอํานาจในการดําเนินงานในกิจการของนิติบุคคลด้วย
โดยหัวหน้าหน่วยงานของรัฐ ที่ทำสัญญาด้วยจะต้องยื่นเรื่องพร้อมความเห็นของตนเสนอไปยังปลัดกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณาสั่งให้เป็นผู้ทิ้งงานโดยเร็ว ซึ่งถ้าหากไม่ดำเนินการจะมีโทษตามมาตรา 120 ของพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุ ภาครัฐ พ.ศ.2560 ด้วย
(อ่านประกอบ : กางกฎหมายถาม! ทำไม กองทัพบก ไม่ขึ้นบัญชีดำ บ.ขายจีที 200)
ขณะที่การนำเสนอข่าวดังกล่าว ส่งผลทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ออกมาสั่งการให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ โดยเฉพาะในส่วนของกองทัพอากาศ และ กองทัพเรือ ที่ให้ไปตรวจสอบรายละเอียดตรงนี้ขึ้นมาแล้วว่าจะทำอย่างไรด้วย
พร้อมย้ำว่า "ในส่วนการขึ้นบัญชีดำต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป ก็ให้ตรวจสอบเรื่องนี้มา” ตามที่ปรากฎเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ดี ในการติดตามตรวจสอบเบื้องหน้าเบื้องหลังเรื่องนี้ สำนักข่าวอิศรา พบข้อมูลสำคัญอีก 2 ส่วน คือ
1. ปัจจุบันยังมีหน่วยงานราชการที่เป็นคู่สัญญาซื้อเครื่องจีที 200 และเครื่องอัลฟ่า ที่ยังไม่ได้รับการชดใช้เงินค่าเสียหายจากการถูกฉ้อโกงตามคำพิพากษาของศาลฯ
2. เอกชนคู่สัญญาขาย เครื่องจีที 200 และเครื่องอัลฟ่า หลายแห่ง ยืนยันตรงกันว่า พวกเขาเป็นฝ่ายถูกหลอกเหมือนกัน เพราะไม่ใช่ผู้ผลิตสินค้า แต่ไปรับซื้อเครื่องมาขายต่ออีกที และในการทำสัญญาขายเครื่องมือเหล่านี้ ได้รับเงินหรือผลกำไรตอบแทนไม่มากนัก เงินค่าเครื่องส่วนใหญ่ ตกไปเป็นของบริษัทที่ไปซื้อต่อมา
ส่วนเส้นทางเงินค่าเครื่องจีที 200 และอัลฟ่า 6 สุดท้ายแล้วไปอยู่ที่ใคร? ใครที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังที่ได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้ไปจริงๆ?
นับเป็นปริศนาสำคัญที่ต้องค้นหาคำตอบต่อไป
อ่านประกอบ:
@ คดีฉ้อโกงขายอัลฟ่า บ.เอ เอส แอลเอ็มฯ
ผ่าเครื่องเจอแค่กระดาษสีดํา4แผ่น! เปิดคำพิพากษาคดีฉ้อโกงขายอัลฟ่าสถาบันนิติฯ 8.9 แสน
เปิดตัว 'บ.เอ เอส แอลเอ็มฯ' ผู้ขายต่อเครื่องอัลฟ่า ให้ 2 เอกชนคดีฉ้อโกงหน่วยงานรัฐ
หลังแพ้คดีฉ้อโกงอัลฟ่า! บ.เอเอสแอลฯ ได้งาน 45 สัญญา 245 ล.- 'สตช.' จ้างมากสุด
เจาะกองทัพไทย ผูกซื้อกล้องจับรังสีความร้อน บ.คดีฉ้อโกงอัลฟ่า 2 สัญญา 48 ล.
@ ซื้อเครื่องบิน บริษัท เอ็ม-แลนดาร์ช จำกัด
แห่งที่ 3! บ.เอ็ม-แลนดาร์ช แพ้คดีฉ้อโกงอัลฟ่า 6 แต่ยังได้งานขายเครื่องบิน ทบ. 326 ล.
เบื้องลึก! ทบ.ซื้อเครื่องบิน 326 ล. บ.คดีอัลฟ่า มีปัญหาเปลี่ยนแปลงงบไม่ผ่าน ครม.ด้วย?
บ.เอ็ม-แลนดาร์ช เปิดเบื้องหลังข้อหาฉ้อโกงอัลฟ่า 6 เป็นห่วงโซ่ลำดับท้ายๆ-ชดใช้ครบแล้ว
@ ซื้อเครื่องตรวจ 3 จชต. กองทัพบก
สัญญาล่าสุด! ทบ.ซื้อเครื่องตรวจวัตถุต้องสงสัย 3 จชต. จาก บ.คดีฉ้อโกงอัลฟ่าอีก 3.2 ล.
ไส้ใน ทบ.ซื้อเครื่องตรวจวัตถุฯ 3 จชต. อ้างอิง บ.คดีฉ้อโกงอัลฟ่า สืบราคากลางด้วย
พบหลักฐาน 'ผู้ชนะ-คู่เทียบ' ขายเครื่องตรวจวัตถุฯ ทบ. แจ้งเบอร์โทรฯ-อีเมล์ เดียวกัน
หลักฐานใหม่! ทบ.ซื้อเครื่องตรวจวัตถุฯ อดีต กก.-หุ้นใหญ่ 'คู่เทียบ' เคยรับมอบอำนาจ 'ผู้ชนะ'
รู้จักเครื่องตรวจวัตถุต้องสงสัยชนิดเสา ทบ.จ่อส่งลงใต้ ผู้ขายเจ้าเก่า "อัลฟ่า6"
เปิดคำชี้แจง บ.กัญจน์ณพัฒน์ ปมบัญชีดำคดีอัลฟ่า-เอาเครื่องตรวจชนิดเสาที่ไหนมาขาย ทบ.?
@ ขึ้นบัญชีดำ บ.ขายจีที-อัลฟ่า
ไฉนกองทัพไม่ขึ้นบัญชีดำบริษัทขาย ‘จีที200 - อัลฟ่า6’
ข้อมูลจริง! บ.เอวิเอฯ แพ้คดีจีที200 แต่ยังได้งาน 'ทอ.-ทร.' เพียบ 54 ล.
กางกฎหมายถาม! ทำไม กองทัพบก ไม่ขึ้นบัญชีดำ บ.ขายจีที 200
'บิ๊กตู่'สั่ง ทอ.-ทร.ตรวจสอบปม บ.เอวิเอฯแพ้คดีจีที 200 แต่ยังได้งานกองทัพ
ยังไม่ขึ้นบัญชีดำ -ตัวแทนเจ้าเดียวในไทย! ทร.แจงซื้อจ้าง บ.เอวิเอฯ คู่กรณีจีที200 กองทัพ
สอบยัน! คำชี้แจง ทร.ปมซื้อจ้างคู่กรณีจีที 200 กองทัพ - ข้อมูล 'SAAB' ในมืออิศรา
ข้อมูลใหม่! คดีจีที200 'ทร.' โดนหลอกซื้อ 8 เครื่อง 9.1 ล. แต่ไม่ขึ้นบัญชีดำ บ.เอวิเอฯ
ผูกซื้อสินค้า บ.SAAB ด้วย! ล้วงเหตุผล ทอ. ทำไมจัดจ้าง บ.คู่กรณีฉ้อโกงจีที 200 กองทัพ
เตรียมแจ้งทิ้งงานโดยทุจริต! คกก.วินิจฉัยฯ นัดเคลียร์ปมขึ้นบัญชีดำ บ.ฉ้อโกงขายจีที200
คกก.วินิจฉัยฯสั่งทำหนังสือจี้ 15 หน่วยงานรัฐ-เอกชน แจงคืบหน้าคดีโกงจีที200
รอคำตอบ SAAB! 'อิศรา' ส่งอีเมล์ถาม ปมตั้งบ.แพ้คดีฉ้อโกงจีที200 ตัวแทนจำหน่ายไทย
ไม่เคยระบุเจาะจงให้จัดซื้ออย่างไร! ฟังคำตอบ SAAB แจงปมตั้ง บ.คดีฉ้อโกงจีทีตัวแทน
@ ตามคืนเงินค่าจีที-อัลฟ่า
รายได้ 113 ล.! สถานะธุรกิจล่าสุด บ.อดีตคู่สัญญาขายอัลฟา 6 ปค. 33 ล้าน
อบจ.สงขลา ตามไล่บี้ บ.ยูจีซีฯ คืนเงินเครื่องอัลฟาฯ 4.9 ล. หลังชนะคดี 'ฉ้อโกง'
ปค.382 ล.-เพชรบุรี 8.5 แสน! ชนะคดีโกงอัลฟา 6 ยังไม่ได้เงินคืน-อัยการตามสืบทรัพย์แล้ว
เจาะลึก บ.เปโตรฯ ก่อนขายอัลฟา 6 ปค. 349 ล.-คนตระกูล 'รัชกิจประการ' เป็นกก.เพียบ!
กก.คนสุดท้าย บ.เปโตรฯ ขายอัลฟา 6 ปค. 349 ล. คือ น้องชาย 'นาที รัชกิจประการ'?
พลิกปูมคดีฮั้ว-ผู้เกี่ยวข้อง จัดซื้ออัลฟาฯ ปค. 2 สัญญา 382 ล. -ก่อนขาดอายุความปริศนา!
ขายไปก่อนแล้ว! 'พิพัฒน์' แจงสัมพันธ์ธุรกิจ 'รัชกิจประการ'- บ.คู่สัญญาอัลฟ่าฯ ปค. 349 ล.
@ ทุจริตจัดซื้อเครื่องจีที-อัลฟ่า
ข้อมูลลับ ปค.จัดซื้อ ‘ALPHA 6’ 328 ล.- ผู้ชนะซื้อของคู่เทียบ–ต้นทุน 1 พัน ขายต่อ 5 แสน
ขู่ใช้อำนาจกม.ลงโทษอธิบดีปค.! สตง.จี้รายงานผลสอบวินัย 4ขรก.- จัดซื้อเครื่อง ALPHA 6
บ.ขายอัลฟา349 ล.เลิกกิจการแล้ว!แกะรอยเอกชนพันคดีจีที200 ในบัญชีสอบป.ป.ช.
ป.ป.ช.แจ้งข้อหากราวรูด 200 ราย! จนท.รัฐพันจัดซื้อ GT200-‘อิศรา’พบมี 10 แห่ง 767 ล.
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/