"...กรณีกองทัพอากาศ จัดซื้อสินค้าอาวุธยุทโธปกรณ์ กับบริษัทที่ปรากฎชื่อเป็นคู่สัญญาขายเครื่องจีที 200 นั้น จากการสืบค้นฐานข้อมูลข่าวของสำนักข่าวอิศรา พบว่า ในช่วงเดือนต.ค.2562 ที่ผ่านมา สำนักข่าวอิศรา เคยได้รับข้อมูลร้องเรียนจากผู้ที่ไม่ประสงค์ออกนาม เกี่ยวกับการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพอากาศ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเอกชนรายหนึ่งมีความเกี่ยวข้องกับบริษัทเคยเครื่องมือตรวจสอบวัตถุระเบิดหรือ จีที 200 ที่มีปัญหาในอดีตมาแล้ว..."
............................
ประเด็นตรวจสอบกรณี บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด คู่สัญญาขายเครื่องตรวจสารระยะไกลและอุปกรณ์ยี่ห้อ Global Technical รุ่น GT200 ให้กับหน่วยงานราชการไทยหลายแห่ง ซึ่งมีข้อพิพาทต่อสู้คดีในชั้นศาล และแพ้คดีไปแล้ว โดยผู้บริหารบริษัทถูกตัดสินจำคุกหลายปี
แต่ปรากฏว่า ปัจจุบันบริษัทแห่งนี้ ยังไม่ถูกขึ้นบัญชีดำเป็นผู้ทิ้งงาน (Blacklist) และยังขายสินค้าจำนวนมากให้กับ กองทัพอากาศ และกองทัพเรือ หลายสัญญาวงเงินหลายสิบล้านบาท นั้น
กรณีของกองทัพเรือ นั้น พลเรือโทเชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ ได้ออกมาชี้แจงต่อสาธารณชนไปแล้วว่า กรณีการทำสัญญาจัดซื้ออะไหล่และพัสดุตามการรายงานข่าวนั้น เป็นการจัดซื้ออะไหล่สำหรับระบบเรดาร์ ระบบสื่อสารและระบบควบคุมการยิง ตราอักษร SAAB จากบริษัท SAAB ประเทศสวีเดน ที่กองทัพเรือได้ดำเนินการจัดซื้อในปีงบประมาณ 2563 โดยระบบเรดาร์ ระบบสื่อสารและระบบควบคุมการยิงนี้ กองทัพเรือได้จัดหามาจากบริษัท SAAB และติดตั้งไว้ใช้ในราชการในเรือรบอยู่แล้ว ทำให้การจัดหาอะไหล่เพื่อการซ่อมบำรุงจำเป็นต้องจัดหาจากบริษัทผู้ผลิตที่เป็นเจ้าของระบบหรือเจ้าของผลิตภัณฑ์เท่านั้น ไม่สามารถจัดซื้อจากบริษัทผู้ผลิตรายอื่นได้ ซึ่งบริษัท SAAB ได้แต่งตั้งบริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายอะไหล่ประเภทดังกล่าวให้กับหน่วยงานภาครัฐเพียงรายเดียวภายในประเทศไทย การจัดซื้ออะไหล่นี้ทำโดยวิธีเฉพาะเจาะจง เนื่องจากเป็นการจัดซื้อผ่านตัวแทน
นอกจากนี้ ในขณะที่ทำสัญญานั้น บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด ยังไม่ได้ถูกระบุชื่อให้เป็นผู้ทิ้งงานในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐของกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง กองทัพเรือจึงสามารถทำสัญญากับบริษัทตามพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ได้
ขณะที่ สำนักข่าวอิศรา สืบค้นข้อมูลพบว่า กองทัพเรือ ก็เป็นหนึ่งในหน่วยงานราชการไทย ที่มีข้อพิพาทต่อสู้คดีในชั้นศาล กับ บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด จากการถูกฉ้อโกงหลอกลวงขายเครื่อง GT200 จำนวน 8 เครื่อง 9,120,000 บาท โดยศาลฯ มีคำพิพากษาให้ บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด แพ้คดี ริบของกลาง คืนเงินจำนวน 9,120,000 บาท ให้กับกองทัพเรือด้วย
ปรากฎข้อมูลยืนยันตามคำพิพากษาศาลแขวงดอนเมือง ความอาญา เมื่อวันที่ 13 ส.ค.2562 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ ฟ้อง บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด เป็นจำเลย ในคดีฉ้อโกง จากการหลอกลวงให้กองทัพเรือ ในฐานะผู้เสียหาย ซื้อเครื่อง GT200 จำนวน 8 เครื่อง 9,120,000 บาท
เท่ากับเป็นการยอมรับโดยปริยาย ว่า หลังจากชนะคดีไปแล้ว ในช่วงเดือน ส.ค.2562 กองทัพเรือ ยังไม่ได้เสนอเรื่อง ให้ปลัดกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณาสั่งให้เป็นผู้ทิ้งงานแต่อย่างใด และยังคงจัดซื้อสินค้าจากบริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด เรื่อยมา (เพราะต้องผูกซื้อสินค้ากับบริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของ บริษัท SAAB ในไทยเพียงแห่งเดียว)
(อ่านประกอบ : ข้อมูลใหม่! คดีจีที200 'ทร.' โดนหลอกซื้อ 8 เครื่อง 9.1 ล. แต่ไม่ขึ้นบัญชีดำ บ.เอวิเอฯ)
ในส่วนกรณีของ กองทัพอากาศ ปัจจุบันยังไม่มีผู้แทนออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสาธารณชนเป็นทางการแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี กรณีกองทัพอากาศ จัดซื้อสินค้าอาวุธยุทโธปกรณ์ กับบริษัทที่ปรากฎชื่อเป็นคู่สัญญาขายเครื่องจีที 200 นั้น จากการสืบค้นฐานข้อมูลข่าวของสำนักข่าวอิศรา พบว่า ในช่วงเดือนต.ค.2562 ที่ผ่านมา สำนักข่าวอิศรา เคยได้รับข้อมูลร้องเรียนจากผู้ที่ไม่ประสงค์ออกนาม เกี่ยวกับการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพอากาศ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเอกชนรายหนึ่งมีความเกี่ยวข้องกับบริษัทเคยเครื่องมือตรวจสอบวัตถุระเบิดหรือ จีที 200 ที่มีปัญหาในอดีตมาแล้ว ใน 3 ประเด็น คือ
1. การปรับปรุงเครื่องบินรุ่น Alpha Jet ไม่คุ้มค่า เนื่องจากเป็นเครื่องบินรุ่นเก่า อีกทั้งค่าบำรุงรักษาก็แพงกว่าเครื่องบินรบ F-16 เพราะเป็นเครื่องบินที่มีจำนวน 2 เครื่องยนต์ ขณะที่การส่งซ่อมใหญ่ นั้น ต้องดำเนินการโดยผ่านบริษัทเอกชนรายนี้
2. การจัดซื้อขีปนาวุธอากาศสู่อากาศรุ่น IRIS T ที่มีราคาแพงมาก และมีขีดความสามารถใกล้เคียงกับอาวุธที่กองทัพอากาศมีอยู่แล้วในปัจจุบัน ซึ่งบริษัทเอกชนรายเดิมก็เป็นผู้จัดหาขีปนาวุธรุ่นดังกล่าวด้วยเช่นกัน
3. บริษัทเอกชนรายนี้ ยังทำระบบ Link T ซึ่งเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพสามารถใช้ได้กับเครื่องบินรบบางรุ่นเท่านั้น ตัวอย่างเช่น มีการกำหนดว่าจะต้องมีการปรับปรุงเครื่องบิน F-5 E/F ว่าจะต้องใช้ระบบ Link T ได้ จึงทำให้การปรับปรุงเครื่องบิน F-5 E/F ไม่สามารถที่จะทำโดยบริษัทอื่นได้
ทั้งนี้ ในท้ายจดหมายร้องเรียน ยังระบุด้วยว่า ที่ผ่านมากองทัพอากาศมีการใช้งบประมาณจัดซื้อจัดจ้างไปกับบริษัทเอกชนรายนี้ ไปจำนวนถึงร้อยละ 40-50 ขณะที่ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเอกชนรายนี้ พบว่า มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทที่เคยเครื่องมือตรวจสอบวัตถุระเบิดหรือ จีที 200 ที่มีปัญหาในอดีตด้วย
ขณะที่ พล.อ.ท.พงษ์ศักดิ์ เสมาชัย โฆษกกองทัพอากาศ (ทอ.) ในขณะนั้น ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงสำนักข่าวอิศรา ยืนยันว่า การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากบริษัทแห่งนี้ มีความคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ
“การพัฒนาระบบร่วมกันกับบริษัทเอกชนรายนี้ อย่าไปมองว่าเราทำกับบริษัทเอกชนรายนี้แห่งเดียว เพราะลักษณะการทำธุรกิจของบริษัทรายนี้ มีความร่วมมือกับบริษัททางด้านการทหารหลายแห่งในต่างประเทศ บริษัทสามารถที่จะนำเอาองค์ความรู้จากบริษัทพันธมิตรในต่างประเทศมาช่วยกันพัฒนาระบบ Link ของกองทัพอากาศอีกทีหนึ่ง”
ส่วนกรณีที่เอกชนรายนี้ มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องมือตรวจสอบวัตถุระเบิด หรือ จีที 200 ที่มีปัญหาในอดีตนั้น พล.อ.ท.พงษ์ศักดิ์ เสมาชัย ระบุว่า “ในเรื่องคดีความของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกรณี จีที 200 นั้น ต้องขอเรียนว่าต้องแยกกันให้ออกว่าเป็นคนละเรื่องกัน กรณีของบริษัทเอกชนที่เข้ามารับงานการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพอากาศในปัจจุบันนั้น อย่างที่ผมได้เรียนไปแล้วว่าบริษัทแห่งนี้ มีความร่วมมือกับบริษัทต่างประเทศมากมาย ดังนั้นการที่บริษัทในต่างประเทศนั้นมีปัญหาแล้วบริษัทนั้นเป็นบริษัทที่มีความร่วมมือกับทางบริษัทไทย ก็ไม่ได้หมายความว่าบริษัทไทยนั้นจะต้องมีปัญหาไปด้วย เพราะว่าถ้าคิดแบบนี้มันก็มีปัญหากันหมด”
(อ่านประกอบ : ร้อง 'ทอ.' ผูกจ้าง บ.กลุ่มจีที 200 รับงานอาวุธเพียบ-โฆษกฯ แจงมีศักยภาพ ปัดซื้อ F-35)
อย่างไรก็ดี ในการชี้แจงข้อมูลดังกล่าว พล.อ.ท.พงษ์ศักดิ์ เสมาชัย ไม่ได้ระบุว่า บริษัทเอกชนคู่สัญญาจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมาก ที่มีความเกี่ยวข้องกับ บริษัทเครื่องมือตรวจสอบวัตถุระเบิด หรือ จีที 200 คือ บริษัทอะไร
แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฎชัดเจนในขณะนี้ คือ ในช่วงปี 2563 -2564 บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด คู่สัญญาขายเครื่องตรวจสารระยะไกลและอุปกรณ์ยี่ห้อ Global Technical รุ่น GT200 ให้กับหน่วยงานราชการไทยหลายแห่ง
ยังปรากฎชื่อเป็นคู่สัญญาขายอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับ กองทัพอากาศ จำนวน 6 สัญญา วงเงินหลายสิบล้านบาท
ส่วนใหญ่เป็นงานจัดซื้อ Radar Giraffe 40/18 ซึ่งเป็นอุปกรณ์ของ บริษัท SAAB ที่มีความสัมพันธ์กับ บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด โดยตรง (ดูข้อมูลประกอบในตาราง)
ขณะที่เพจ ลับลวงพราง Exclusive อ้างข้อมูลของ 'วาสนา นาน่วม' ผู้สื่อข่าวสายทหาร เกี่ยวกับคำชี้แจงอย่างไม่เป็นทางการของ ทอ. ถึงสาเหตุที่ยังจัดหาอุปกรณ์ ของ บริษัท SAAB จาก บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด เป็นผู้แทน ว่าเป็นเพราะดำเนินการมาก่อนจะมีคดีความ GT-200 ทั้ง Radar Giraffe 40/180 รวมทั้ง ACCS ยังต้องจัดหาอะไหล่ผ่านบริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด
ส่วนเรื่องการขึ้นบัญชีดำ ยังไม่มีการฟ้องแจ้งกรมบัญชีกลาง ให้ขึ้นบัญชีดำในระบบ จึงทำให้ปัจจุบันยังไม่มีบัญชีดำในระบบ
ยืนยันจากคำให้สัมภาษณ์ พลอากาศโท ฐานัตถ์ จันทร์อำไพ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ในฐานะโฆษกกองทัพอากาศ ที่ชี้แจงว่า ตามที่ได้มีการรายงานข้อมูลของสื่อมวลชนในประเด็นที่ บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด ได้ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีความกรณีการจัดซื้อเครื่องมือ GT-200 ซึ่งมีข้อพิพาทต่อสู้คดีกับหน่วยงานภาครัฐในชั้นศาล
โดยมีการตั้งข้อคำถามว่าเพราะเหตุใดจึงยังมีการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างกับกองทัพอากาศ มีข้อมูลสำคัญดังนี้
1.ในปี 2563 กองทัพอากาศได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างกับ บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด จริง เพื่อดำรงขีดความสามารถในการป้องกันทางอากาศตามภารกิจของกองทัพอากาศ
2.การจัดซื้อจัดจ้าง มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหาพัสดุอะไหล่และจ้างเหมาการซ่อมบำรุง ระบบป้องกันทางอากาศ (ระบบ ACCS) ระบบเรดาร์เคลื่อนที่ แบบ Giraffe – 40 และ Giraffe – 180
3.การดำเนินการจัดซื้อพัสดุอะไหล่และจ้างเหมาซ่อมบำรุงมีความจำเป็นต้องดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง กับ บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด เนื่องจากระบบเรดาร์และระบบบัญชาการและควบคุมการป้องกันทางอากาศถูกใช้มาเป็นระยะเวลายาวนาน ส่งผลให้อะไหล่บางส่วนหมดอายุ และหยุดสายการผลิต ไม่สามารถจัดหาตามแหล่งจัดหาทั่วไปได้
ซึ่งบริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้แทนอย่างถูกต้องตามกฎหมายเพียงผู้เดียวในประเทศไทย ในการจัดหาพัสดุอะไหล่และการซ่อมบำรุงรักษาอุปกรณ์จากบริษัทผู้ผลิตที่กองทัพอากาศได้จัดซื้อซึ่งมีความจำเป็นในการดำเนินการ เพื่อมิให้มีผลกระทบต่อภารกิจของทางราชการ
4.ก่อนการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง กองทัพอากาศได้ดำเนินการจัดตั้งคณะทำงานดำเนินการตรวจสอบ บริษัท เอวิเอ แซทคอม แล้ว ไม่พบหลักฐานว่าเป็นผู้ที่อยู่ในบัญชีผู้ทิ้งงานตาม พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ประกอบระเบียบของกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560
กองทัพอากาศ ขอยืนยันว่าการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างของกองทัพอากาศได้ดำเนินการด้วยความรอบคอบและผ่านการพิจารณาของ ผู้เชี่ยวชาญ คณะกรรมการที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง และผู้เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงความถูกต้อง รัดกุม ตามระเบียบของทางราชการเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ (อ้างอิงข้อมูลจากเพจ ลับลวงพราง Exclusive https://www.facebook.com/LLP.Exclusive/)
พิจารณาคำชี้แจงของ กองทัพอากาศ และกองทัพเรือ ต่อกรณีแล้ว พบว่า มีเหตุผลสำคัญ 2 ประการ เหมือนกัน คือ
1. จำเป็นต้องผูกซื้อสินค้าจากบริษัท SAAB ที่มี บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด เป็นตัวแทนในไทยเพียงแห่งเดียว
2. ที่ผ่านมา ยังไม่มีการขึ้นบัญชีดำในระบบ จึงสามารถซื้อสินค้ากับ บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด ต่อไปได้
แตกต่างกันเพียงแค่ กองทัพเรือ แท้จริงแล้วก็มีฐานะเป็นหนึ่งในหน่วยงานราชการไทย ที่มีข้อพิพาทต่อสู้คดีในชั้นศาล กับ บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด จากการถูกฉ้อโกงหลอกลวงขายเครื่อง GT200 จำนวน 8 เครื่อง 9,120,000 บาท โดยศาลฯ มีคำพิพากษาให้ บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด แพ้คดี ริบของกลาง คืนเงินจำนวน 9,120,000 บาท ให้กับกองทัพเรือด้วย
แต่จนถึงปัจจุบัน กองทัพเรือ ยังไม่ได้เสนอเรื่องให้ปลัดกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณาสั่งให้เป็นผู้ทิ้งงานโดยเร็วแต่อย่างใด?
เหตุผลเป็นเพราะอะไร ต้องรอฟังคำชี้แจงจาก กองทัพเรือ อีกครั้ง
*** หมายเหตุ ผู้สนใจสามารถสืบค้นข้อมูลข่าวเก่าของสำนักข่าวอิศรา ได้ในช่องค้นหา...ด้านบนขวามือของเว็บไซต์ https://www.isranews.org/article/
อ่านประกอบ:
ข้อมูลจริง! บ.เอวิเอฯ แพ้คดีจีที200 แต่ยังได้งาน 'ทอ.-ทร.' เพียบ 54 ล.
กางกฎหมายถาม! ทำไม กองทัพบก ไม่ขึ้นบัญชีดำ บ.ขายจีที 200
'บิ๊กตู่'สั่ง ทอ.-ทร.ตรวจสอบปม บ.เอวิเอฯแพ้คดีจีที 200 แต่ยังได้งานกองทัพ
ยังไม่ขึ้นบัญชีดำ -ตัวแทนเจ้าเดียวในไทย! ทร.แจงซื้อจ้าง บ.เอวิเอฯ คู่กรณีจีที200 กองทัพ
สอบยัน! คำชี้แจง ทร.ปมซื้อจ้างคู่กรณีจีที 200 กองทัพ - ข้อมูล 'SAAB' ในมืออิศรา
ข้อมูลใหม่! คดีจีที200 'ทร.' โดนหลอกซื้อ 8 เครื่อง 9.1 ล. แต่ไม่ขึ้นบัญชีดำ บ.เอวิเอฯ
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/