ให้พ้นตำแหน่งทันที 2 ! ศาลฎีกาฯฟัน 3 รายยื่นบัญชีฯเท็จ -ส.อบจ.พิจิตรซุกเงินฝาก 12 ล.

ศาลฎีกาฯฟัน 3 นักการเมืองท้องถิ่นจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ ป.ป.ช.รองนายก อบต. จ.สิงห์บุรี รองนายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหาร ขณะที่ ส.อบจ.พิจิตร ซุกเงินฝาก ที่ดินของเมีย 14 ล. พ้นตำแหน่งทันที 2 จำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท รองลงโทษจำคุก 1 ปี

161119 rgb

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า นอกจากนายจรัลดิษฐาอภิชัย ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการป.ป.ช.) ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี จำคุก 4 เดือน ปรับ 16,000 บาท รอลงโทษจำคุก 1 ปี (อ่านข่าว:ศาลฎีกาฯสั่งคุก 4 เดือน ‘จรัล ดิษฐาอภิชัย’ไม่ยื่นบัญชีฯ ที่ปรึกษารองนายกฯ รอลงโทษ 1 ปี)

เมื่อวันที่ 29-30 พ.ค.2562 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 3 รายมีความผิดคดีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารเป็นเท็จ ห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี ให้พ้นตำแหน่งที่ดำรงอยู่ในปัจจุบัน 2 ราย และจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท รอลงโทษจำคุก 1 ปี 2 รายดังนี้

1.นายสนม อวยชัย รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ท่าข้าม อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น

ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายก อบต.ท่าข้าม อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี เมื่อวันที่ 27 ก.ค.2552 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2556 ต่อมาผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายก อบตงท่าข้าม เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2556 และยังดำรงตำแหน่งอยู่จนถึงปัจจุบัน ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 1/2557 ลงวันที่ 25 ธ.ค.2557 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ 18 มี.ค.2562 ในการดำรงตำแหน่งรองนายก อบต.ท่าข้าม ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินต่อผู้ร้องโดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตนและคู่สมรสหลายรายการ กล่าวคือ กรณีเข้ารับตำแหน่ง ผู้ถูกกล่าวหาไม่แสดงรายการที่ดินโฉนดเลขที่ 2330 ตำบลท่าข้าม อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรีและรถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน กนค-0610 สิงห์บุรี กรณีพ้นจากตำแหน่ง ไม่แสดงรายการเงินฝากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาค่ายบางระจัน จำนวน 13,087.44 บาท ที่ดินโฉนดเลขที่ 2330 รถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน กนค-0610 สิงห์บุรี และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ไม่แสดงรายการเงินฝากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาสิงห์บุรี จำนวน 16,118.47 บาท ที่ดินโฉนดเลขที่ 2330 รถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน กนค – 0610 สิงห์บุรี และเงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาค่ายบางระจัน 3 บัญชี วงเงิน 500,000 บาท 300,000 บาท และ 500,000 บาท ตามลำดับ

พิพากษาว่า นายสนม อวยชัย ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายก อบต.ท่าข้าม ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใด ในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 10 มิ.ย.2556 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งรองนายก อบต.ท่าข้าม ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง และให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งนายก อบต.ท่าข้าม ที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันนับแต่วันที่ 18 มี.ค.2562 ซึ่งเป็นวันที่ศาลมีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 17 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายก อบต.ท่าข้าม จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหา ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ข้อหาและคำขออื่น นอกจากนี้ให้ยก. (คดีหมายเลขแดงที่ อม.140/2562 วันที่ 29 พ.ค.2562)

161119 news111

2.นายสุเทพย์ เซียสกุล รองนายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหาร อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหารจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น

ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 3 ต.ค.2554 ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหาร อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 16 ส.ค.2556 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 3 พ.ย.2554

ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 25 ก.ย.2556 และยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี เมื่อวันที่ 3 ต.ค.2557 โดยการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ทั้งสามกรณีดังกล่าวผู้ถูกกล่าวหาไม่แสดงเงินฝากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขามุกดาหาร เลขที่บัญชี 073-2-52698-7 ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการไม่แสดงรายการเงินฝากดังกล่าวแล้ว แต่ผู้ถูกกล่าวหาเพิกเฉย สำหรับกรณียื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีเข้ารับตำแหน่งขาดอายุความทางอาญาแล้ว

พิพากษาว่า นายสุเทพย์ เซียสกุล ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีเข้ารับตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหาร ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 16 ส.ค.2556 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่ง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตำแหน่ง จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ข้อหาและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก. (คดีหมายเลขแดงที่ อม.141/2562 วันที่ 30 พ.ค.2562)

161119 news222

3.นายยงยุทธ ต่อมยิ้ม สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พิจิตร จังหวัดพิจิตร จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ โดยมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น

ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร จังหวัดพิจิตร (ส.อบจ.พิจิตร) ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 28 ส.ค.2554 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2555 ต่อมาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภา อบจ.พิจิตร ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 29 ส.ค.2555 และดำรงตำแหน่งอยู่จนถึงปัจจุบัน

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ 11 มี.ค.2562 ซึ่งเป็นวันที่ศาลมีคำสั่งให้รับคำร้องไว้พิจารณา

ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 16 พ.ค.2555 โดยไม่ได้แสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินของ นางสุพรรณนิกา ต่อมยิ้ม คู่สมรส ได้แก่ เงินฝากธนาคาร 3 บัญชี รวมเป็นเงิน 12,882,254.95 บาท และผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่ง ส.อบจ.พิจิตร ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 17 พ.ค.2556 โดยไม่ได้แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ นางสุพรรณนิกา ต่อมยิ้ม คู่สมรส ได้แก่ เงินฝากธนาคาร 2 บัญชี รวมเป็นเงิน 9,022,750.80 บาท และที่ดิน จำนวน 6 แปลง รวมมูลค่า 14,350,000 บาท

พิพากษาว่า นายยงยุทธ ต่อมยิ้ม ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร ครั้งที่ 1 ให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร ครั้งที่ 2 ที่ดำรงอยู่ในปัจจุบัน นับแต่วันที่ 11 มี.ค.2562 ซึ่งเป็นวันที่ศาลมีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 17 วรรคสอง และห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 19 เม.ย.2555 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร ครั้งที่ 1 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนญูว่าด้วยการปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสองข้อหาและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก. (คดีหมายเลขแดงที่ อม.144/2562 วันที่ 30 พ.ค.2562)

161119 news333