อีกลอต!ศาลฎีกาฯฟัน 4 นักการเมืองท้องถิ่น คดีบัญชีทรัพย์สิน นายก อบต.โพนทัน จ.ยโสธร บ่อแร่ จ.ชัยนาท รองฯ ตะนาวศรี จ.ราชบุรี ยื่นเท็จ ขณะที่ นายก อบต.ท่ากูบ จ.ชัยภูมิ จงใจไม่ยื่น 3 รายโดนโทษจำคุก 1-2 เดือน ปรับ 4,000-8,000 บาท รอลงโทษ 1 ปี ให้พ้นตำแหน่งทันที 2 อีก 1 ยกคำร้อง อยู่ ประจวบคีรีขันธ์
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ วันที่ 30 เม.ย.2562 ,8 พ.ค.2562, ,13 พ.ค.2562 และ 14 พ.ค.2562 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 4 ราย มีความผิดคดีการยื่นบัญชีทรัพย์สิน จำแนกเป็น
1.คดีจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด จำนวน 1 ราย คือ นายสมศักดิ์ วะลัยศรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ท่ากูบ อ.ซับใหญ่ จ.ชัยภูมิ
2.จงใจ ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จำนวน 3 ราย คือ นางณัฐชนก โคตรภักดี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโพนทัน อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร นายอดิเรก อรุณวัฒนะ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ตะนาวศรี อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี และ นายศักดา กิ่มเกิด นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บ่อแร่ อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท จงใจยื่นบัญชี ฯเท็จ
และ พิพากษายกคำร้อง 1 ราย คดีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯ เท็จ คือ นายวินัย เกตุพรม รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) วังก์พง อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์
รวมคดีทั้งสิ้น 5 ราย มีรายละเอียดดังนี้
คดีจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน
นายสมศักดิ์ วะลัยศรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ท่ากูบ อ.ซับใหญ่ จ.ชัยภูมิ จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดารงตำแหน่งนายก อบต. ท่ากูบ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 6 ก.ย.2556 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหา พ้นจากตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จำคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 4 เดือน และปรับ 16,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่า ผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 103/2562 วันที่ 8 พ.ค.2562)
คดีจงใจยื่นบัญชีฯเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ
1.นางณัฐชนก โคตรภักดี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโพนทัน อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้นกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งนายก อบต.โพนทัน ครั้งที่ 1
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายก อบต.โพนทัน ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2552 โดยแถลงนโยบายเพื่อเข้ารับหน้าที่เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2552 และพ้นจาก ตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 ก.ย.2556 ต่อมาผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่ง นายก อบต.โพนทัน ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 28 พ.ย.2556 และยังดำรงตาแหน่งอยู่จนถึงปัจจุบัน ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 1/2557 ลงวันที่ 25 ธ.ค.2557 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ 25 ก.พ.2562 ซึ่งเป็นวันที่ศาลมีคาสั่ง ให้รับคำร้องไว้พิจารณา ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯ ต่อผู้ร้อง ในการดำรงตำแหน่งนายก อบต.โพนทัน ครั้งที่ 1 กรณีพ้นจากตำแหน่งไม่แสดง รายการทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ เงินฝากธนาคาร 1 บัญชี ไม่แสดงรายการทรัพย์สินของ บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ได้แก่ เงินฝากธนาคาร 2 บัญชี และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว เป็นเวลาหนึ่งปีไม่แสดงรายการทรัพย์สินของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ได้แก่ เงินฝากธนาคาร 2 บัญชี
พิพากษาว่า นางณัฐชนก โคตรภักดี ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินฯ เท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตาแหน่งนายก อบต.โพนทัน ครั้งที่ 1 ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใด ในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 6 ก.ย.2556 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่ง อบต.โพนทัน ครั้งที่ 1 และให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งนายก อบต.โพนทัน ครั้งที่ 2 ที่ดำรงอยู่ในปัจจุบัน นับแต่วันที่ 25 ก.พ.2562 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้ ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 17 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตำแหน่ง นายก อบต.โพนทัน ครั้งที่ 1 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก. (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 104/2562 วันที่ 8 พ.ค.2562)
2.นายอดิเรก อรุณวัฒนะ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ตะนาวศรี อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯเท็จ
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าเมื่อวันที่ 13 ต.ค.2552 ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายกอบต.ตะนาวศรี และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 ก.ย.2556 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง กรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายก อบต.ตะนาวศรี เมื่อวันที่ 14 พ.ย.2556 โดยไม่แสดงรายการรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า คันหมายเลขทะเบียน ษข 8595 กรุงเทพมหานคร ที่มีชื่อผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ครอบครอง
พิพากษาว่า นายอดิเรก อรุณวัฒนะ ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายก อบต.ตะนาวศรี ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 6 ก.ย.2556 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งกับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จาคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาทผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่า ผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกาหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 106/2562 วันที่ 13 พ.ค.2562)
3.นายศักดา กิ่มเกิด นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บ่อแร่ อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท จงใจยื่นบัญชีฯ เท็จ
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายก อบต.บ่อแร่ ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2552 และพ้นจากตาแหน่งเมื่อวันที่ 1 พ.ค.2556 ต่อมา ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่ง อบต.บ่อแร่ ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2556 และยังดำรงตำแหน่งอยู่จนถึงปัจจุบัน ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 1/2557 ลงวันที่ 25 ธ.ค.2557 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ 18 ธ.ค.2561 ในการดำรงตำแหน่ง นายก อบต.บ่อแร่ ครั้งที่ 1 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินต่อผู้ร้องโดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตนและคู่สมรสหลายรายการ กล่าวคือ
กรณีเข้ารับตาแหน่ง ผู้ถูกกล่าวหาไม่แสดงรายการหุ้นสหกรณ์การเกษตรวัดสิงห์ จำกัด จำนวน 35,200 บาท และเงินกู้สหกรณ์การเกษตรวัดสิงห์ จำกัด จำนวน 80,000 บาท
กรณีพ้นจากตำแหน่งไม่แสดงรายการ เงินฝากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาวัดสิงห์ จำนวน 19,664.26 บาท และหุ้นสหกรณ์การเกษตรวัดสิงห์ จำกัด จำนวน 35,800 บาท
และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ไม่แสดงรายการกองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้นของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จากัด จำนวน 37,159.82 บาท หุ้นสหกรณ์การเกษตรวัดสิงห์ จำกัด จำนวน 36,000 บาท และเงินเบิกเกินบัญชีธนาคารกสิกรไทย จากัด (มหาชน) สาขาวัดสิงห์ จำนวน 142,781.79 บาท
ผู้ร้องมีมติว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งนายก อบต.บ่อแร่ ครั้งที่ 1 สำหรับกรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งนายก อบต.บ่อแร่ ครั้งที่ 1 คดีขาดอายุความทางอาญาแล้ว
พิพากษาว่า นายศักดา กิ่มเกิด ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีฯ เท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งนายก อบต.บ่อแร่ ครั้งที่ 1 ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 1 พ.ค.2556 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งนายก อบต.บ่อแร่ ครั้งที่ 1 และให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งนายกอบต.บ่อแร่ ครั้งที่ 2 ที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันนับแต่วันที่ 18 ธ.ค.2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลมีคาสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542
มาตรา 17 วรรคสอง ข้อหาและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก.
(คดีหมายเลขแดงที่ อม. 110/2562 วันที่ 14 พ.ค.2562)
ยกคำร้อง 1 ราย คดียื่นบัญชีฯเท็จ
นายวินัย เกตุพรม รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) วังก์พง อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตาแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายก อบต.วังก์พง เมื่อวันที่ 9 ต.ค.2551 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 30 ส.ค.2555 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีโดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ บัญชีเงินฝากกองทุนเพื่อการเกษตร 1 บัญชี ไม่แสดงรายการทรัพย์สินของ นางวนิสา เกตุพรม คู่สมรส และ เด็กชายนครินทร์ เกตุพรม และ เด็กชายวนรินทร์ เกตุพรม บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ได้แก่ เงินฝากธนาคารออมสิน 2 บัญชี รถจักรยานยนต์ 1 คัน ไม่แสดงรายการหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ เงินกู้ยืมสามัญกลุ่มออมทรัพย์ข้าราชการ ลูกจ้าง ประชาชนทั่วไป อบต.วังก์พง 1 บัญชี ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความ อันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ผู้ถูกกล่าวหามีหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงต่อผู้ร้องแล้วแต่ผู้ร้องเห็นว่าพฤติการณ์ดังกล่าวของผู้ถูกกล่าวหามีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน ผู้ร้องมีมติว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีฯเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ
ศาลวินิจฉัยว่าแม้คดีนี้ผู้ร้องมีมติเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2561 ก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ใช้บังคับ แต่ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลในวันที่ 19 ก.ย.2561 อันเป็นเวลาภายหลังที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ใช้บังคับแล้วจึงต้องใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับขณะยื่นคำร้องมาบังคับแก่คดีนี้ และเมื่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ไม่ได้กำหนดให้ผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่นผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่น มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี จึงเป็นกรณีที่บทบัญญัติของกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นไม่เป็นความผิดต่อไป ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งกระทำการนั้น ย่อมพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง ทั้งไม่อาจห้ามมิให้ ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 8 วรรคท้าย
พิพากษาให้ยกคำร้อง.
(คดีหมายเลขแดงที่ อม. 101/2562 วันที่ 30 เม.ย.2562)
อ่านประกอบ:
ศาลฎีกาฯพิพากษาคุก 1 เดือน รอลงโทษ 1 ปี ‘ฉลอง’ คดียื่นบัญชีฯเท็จ
ออกหมายจับ! ศาลฎีกาฯคุกจริง 2 เดือน ‘ระพิพรรณ’ - ยึดทรัพย์รวยผิดปกติ 42 ล.
คำพิพากษาศาลฎีกาฯฟัน 14 นักการเมืองท้องถิ่น ซุกทรัพย์สิน 9 - ไม่ยื่นบัญชีฯ 5 ราย
‘พลภูมิ’รอด!ศาลฎีกาฯยกคำร้องคดีทรัพย์สิน ชี้ ป.ป.ช.ส่งตัวไม่ทันใน 5 ปี-ขาดอายุความ
รับสารภาพ ยื่นบัญชีฯเท็จ! ศาลฎีกาฯ นัดฟังคำพิพากษา ‘ฉลอง เรี่ยวแรง' 17 ก.ย.นี้
‘นิชนันท์’แจงคดีทรัพย์สินถูกศาลฎีกาฯปรับ 4,000 บ.รอลงอาญา 2 ปี-ปัดถูกตัดสิทธิ์การเมือง
ป.ป.ช.ส่งศาลฎีกาฯ เลขาฯ รมช.คลังยุค‘เบญจา’ ยื่นบัญชีฯเท็จ
ศาลฎีกาฯยกคำร้อง รองนายกเทศฯเมืองยโสธร ไม่แจ้งหนี้บัตรเครดิตเมีย 4 ใบ
รอลงโทษจำคุก 1 ปี! ศาลฎีกาฯให้ ส.อบจ. สตูล พ้นทันที ยื่นบัญชีฯเท็จ 3 ครั้ง
ศาลฎีกาฯฟัน ส.อบจ.เชียงใหม่ -เลขาฯนายก ชัยนาท ซุกทรัพย์สินอื้อ ให้พ้นทันที
ศาลฎีกาฯฟันอีก 5 นักการเมืองท้องถิ่นคดีบัญชีฯ-ให้นายกอบต.ไกรใน สุโขทัย พ้นทันที
13 นักการเมืองท้องถิ่นรอด! ศาลยกคำร้อง คดีบัญชีทรัพย์สิน เหตุยื่นฟ้องหลัง กม.ใหม่
รับสารภาพ!คุก1 เดือน รอลงโทษ1 ปี 'ชญาดา'เมีย 'พลภูมิ'ส.ส.เพื่อไทย ยื่นบัญชีฯเท็จ
เงินลงทุน 2 แห่ง 2.3 ล. นายก อบต.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี-เมีย คดียื่นเท็จ ป.ป.ช.
เจาะไส้ใน 10 นักการเมืองท้องถิ่นซุกทรัพย์สินอย่างไร? ก่อนศาลฎีกาฯฟันยื่นบัญชีฯเท็จ
ศาลฎีกาฯฟัน 10 นักการเมืองท้องถิ่น ยื่นบัญชีฯเท็จ-ให้พ้นตำแหน่งทันที 6 คน
สรรพากรสอบภาษี ห้างรับเหมา นายกเทศฯพรหมบุรี จ.สิงห์บุรี- คู่สัญญารัฐ 26 ล้าน
ดูชัดๆ นายกเทศมนตรีพรหมบุรี จ.สิงห์บุรี-เมีย โยกหุ้น 2 บ.12 ล้าน - ไม่แจ้ง ป.ป.ช.
โผล่อีกบริษัท! นายกเทศมนตรี ต.พรหมบุรี สิงห์บุรี ถือหุ้น 9.8 ล. ไม่แจ้ง ป.ป.ช.
นายกเทศมนตรีพรหมบุรี ถือหุ้น หจก. 2 ล.ไม่แจ้ง ป.ป.ช.- อ้าง จนท.ขอดูแค่ทรัพย์สินบุคคล
นายกเทศมนตรีพรหมบุรี สิงห์บุรี คดียื่นบัญชีฯเท็จ มีทรัพยสิน 172 ล.- รายได้ 427.2 ล.
ศาลฎีกาฯฟันนายกเทศมนตรีพรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ซุก ป.ป.ช. เงินฝาก 10 ล. ที่ดิน 3 แปลง
4 คดีทรัพย์สินนักการเมืองท้องถิ่น ศาลฎีกายกคำร้อง เหตุ ป.ป.ช.ยื่นหลัง กม.ใหม่บังคับ
สรุปคำพิพากษาฟัน 4 นักการเมืองท้องถิ่น จ.ปัตตานี สกลนคร กาญจนบุรี ตาก ไม่ยื่นบัญชีฯ
พฤติกรรม ส.อบจ.ลำปาง ซุกเงินฝาก เงินกู้ยืม ป.ป.ช.-ศาลจำคุก 1 เดือน รอลงโทษ 1 ปี
ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก 2 เดือน ไม่รอลงโทษ นักการเมืองท้องถิ่น จ.อุตรดิตถ์ ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
ศาลฎีกาฯคุก 1 เดือน รอลงโทษ 1 ปี 2 นักการเมืองท้องถิ่น จ.สุราษฎร์ฯ-ร้อยเอ็ดไม่ยื่นบัญชีฯ
ศาลฎีกาฯสั่งคุก 1 เดือน-รอลงโทษ 1 ปี รองฯเทศมนตรี จ.นครสวรรค์ ซุกหุ้น-เงินฝาก 13 บัญชี
ศาลฎีกาฯยกคำร้อง 2 นักการเมืองท้องถิ่น จ.ลำพูน-นราฯ ซุกบัญชีฯ เหตุ ป.ป.ช.ยื่นหลัง กม.บังคับ
ดูชัดๆ อดีตปธ.สภา อบจ.สมุทรสาคร ซุกหุ้น 2 บ. ศาลฎีกาฯฟันยื่นบัญชีฯเท็จ
อย่าลืมฉัน! สมบัติ-นพ.วีระวุฒิ-เมียอริสมันต์ มีคดีรวยผิดปกติในศาลฎีกาฯปี 62
รายชื่อ 190 คนไม่ยื่นบัญชีฯ-ซุกทรัพย์สินรอบปี 61 - รองนายก อบต.อื้อ 93 ราย
เผยปี 2561 คดีไม่ยื่นบัญชีฯ-ซุกทรัพย์สิน ทะลัก 190 คน ‘ธาริต-พงศ์พัฒน์-ชูวิทย์’ติดกลุ่ม