ออกหมายจับ! ศาลฎีกาฯคุกจริง 2 เดือน ‘ระพิพรรณ’

ศาลฎีกาฯ พิพากษาคุก 2 เดือนไม่รอการลงโทษ ‘ระพิพรรณ พงศ์เรืองรอง’ ภรรยา ‘กี้ร์-อริสมันต์’ จงใจปกปิดทรัพย์สินเป็น สัญญาซื้อขายที่ดิน 15 ล.-สัญญาจ้างทำของสามี 27 ล้าน หุ้นลม 25 ล้าน ซุกหนี้ 13 ล้าน เจ้าตัวไม่มาศาล ออกหมายจับ ไม่มีกำหนดอายุความ - ยึดทรัพย์คดีรวยผิดปกติด้วย 42 ล้าน

PIC rapepun 16 9 62 7

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2562 เวลาประมาณ 13.30 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 2 เดือน ไม่รอการลงโทษ แก่นางระพิพรรณ พงศ์เรืองรอง อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ภรรยานนายอริสมันต์ พงศ์เรือง อดีตแกนนำ นปช. คดีแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ และปกปิดข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบแก่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อย่างไรก็ดีนางระพิพรรณไม่ได้เดินทางมาศาล จึงได้ออกหมายจับมาบังคับตามคำพิพากษาโดยไม่มีกำหนดอายุความแล้ว พร้อมกับพิพากษาคดีร่ำรวยผิดปกติ สั่งยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินกว่า 42 ล้านบาทด้วย

สำหรับสาระสำคัญในคำวินิจฉัย ศาลฎีกาฯ ระบุว่า นางระพิพรรณ แสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน โดยระบุว่า มีหนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ คือ สัญญากู้ยืมเงิน 3 ฉบับ รวม 13 ล้านบาท โดยมิได้มีการกู้ยืมเงินกันจริง แสดงรายได้ตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจำนวน 15 ล้านบาท โดยนางระพิพรรณไม่ได้รับเงินจริง แสดงรายได้จากสัญญาจ้างทำของของนายอริสมันต์ คู่สมรส จำนวน 27 ล้านบาท โดยไม่มีหลักฐานมีน้ำหนักน่าเชื่อถือว่า นายอริสมันต์มีการรับจ้างงานดังกล่าวจริง จึงเป็นการจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ การกระทำดังกล่าวทำขึ้นเพื่อปกปิดอำพรางแหล่งที่มาของทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติของนางระพิพรรณและคู่สมรส

นอกจากนี้นางระพิพรรณไม่ได้ระบุในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินว่า เงินลงทุนของนางระพิพรรณในบริษัท เฮ้าส์ ออฟ ฮาร์ท พร๊อพเพอร์ตี้ 2012 จำกัด มูลค่า 25 ล้านบาท เป็นหุ้นที่ยังไม่ได้ชำระเงินค่าหุ้น จึงทำให้เข้าใจว่า นางระพิพรรณนำเงินไปลงทุนในบริษัทตามมูลค่าหุ้นดังกล่าว อันเป็นการปกปิดข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบ การกระทำของนางระพิพรรณจึงมีความผิดฐานจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และปกปิดข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบ โดยมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินตามคำร้อง ให้จำคุกนางระพิพรรณ มีกำหนด 2 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ และห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี และศาลได้ออกหมายจับนางระพิพรรณมาบังคับตามคำพิพากษาโดยไม่มีกำหนดอายุความแล้ว

S 20832293

วันเดียวกัน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาคดีที่อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นผู้ร้องยื่นฟ้อง นางระพิพรรณ พงศ์เรืองรอง เป็นผู้ถูกกล่าวหา มี น.ส.จันทาภา พิษณุไวศยวาท ผู้คัดค้านที่ 1 บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้คัดค้านที่ 2 นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ผู้คัดค้านที่ 3 เรื่อง ขอให้ทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน โดยนางระพิพรรณ ไม่มาฟังคำพิพากษา คงมอบหมายทนายความให้มาฟังคำพิพากษาแทน

ศาลวินิจฉัยในสาระสำคัญว่า การที่จะตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินหรือหนี้สินเมื่อพ้นตำแหน่งว่า เพิ่มขึ้นผิดปกติไปจากกรณีเข้ารับตำแหน่งหรือไม่นั้น ตามธรรมดาย่อมจะต้องพิจารณาถึงเหตุแห่งการได้มา การโอน ยักย้าย แปรสภาพ หรือซุกซ่อนทรัพย์สินในระหว่างดำรงตำแหน่งนั้นมีอย่างไรประกอบด้วย เมื่อศาลพิจารณาข้อเท็จจริงดังกล่าวตามที่นางระพิพรรณมีภาระการพิสูจน์แล้ว พบว่า นางระพิพรรณมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติอย่างมีนัยสำคัญรวม 42,816,226.64 บาท

สำหรับรถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู รุ่น 730LD เลขทะเบียน ถ-8988 (ป้ายแดง) ฟังได้ว่า ผู้คัดค้านที่ 2 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ตามคำร้อง ได้ให้นางระพิพรรณเช่าซื้อรถยนต์ไปตามธรรมดาทางการค้าปกติ ย่อมไม่อาจทราบได้ว่าเงินที่ชำระค่ารถยนต์ที่เช่าซื้อจะมาจากทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติของนางระพิพรรณ ทั้งต่อมาเมื่อถูกกล่าวหาผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อ ผู้คัดค้านที่ 2 ได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ และฟ้องร้องจนศาลแพ่งมีคำพิพากษาแล้ว เมื่อผู้คัดค้านที่ 2 เป็นเจ้าของ ย่อมมีสิทธิตามเอาทรัพย์สินที่ให้เช่าซื้อคืนได้ การยื่นคำคัดค้านขอคืนรถยนต์ตามคำร้องเพื่อประโยชน์ของตนมิใช่ผู้ถูกกล่าวหา จึงสมควรคืนรถยนต์ของกลางให้แก่ผู้คัดค้านที่ 2

พิพากษาให้ทรัพย์สินมูลค่า 42,816,226.64 บาท พร้อมดอกผลที่เกิดขึ้นตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4, 38 ประกอบมาตรา 83 ให้คืนรถยนต์คันดังกล่าวแก่ผู้คัดค้านที่ 2

S 20832288