
‘แบงก์ชาติ’ เผยเครื่องชี้เศรษฐกิจ เม.ย.68 ดีขึ้นจากเดือนก่อน จาก ‘ภาคการผลิต’ ปรับตัวดีขึ้น ‘ภาคท่องเที่ยว’ เริ่มกระเตื้อง ส่วน ‘การบริโภค’ แม้ลดลง แต่ยังไม่ถึงขั้น ‘ฝืด’ ระบุผลเจรจาการค้า ‘สหรัฐ-จีน’ มีสัญญาณค่อนข้างดี ‘จีดีพี’ ปีนี้อาจโตเกิน 2%
............................................
เมื่อวันที่ 30 พ.ค. น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงรายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินเดือน เม.ย.2568 ว่า เศรษฐกิจไทยในเดือน เม.ย.2568 ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน จากภาคการผลิตและภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับการผลิต เช่น ภาคการค้าและการขนส่งสินค้า โดยการผลิตที่เพิ่มขึ้น บางส่วนเป็นการผลิตเพื่อเติมสินค้าคงคลังหลังจากได้เร่งส่งออกไปในช่วงก่อนหน้า
ส่วนการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้นจากหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์เป็นสำคัญ ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวต่อเนื่อง สำหรับภาคการท่องเที่ยวปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนเล็กน้อย แต่ยังหดตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ตาม การส่งออกสินค้าและการบริโภคภาคเอกชนปรับลดลงจากเดือนก่อน
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบเล็กน้อยตามหมวดพลังงานเป็นสำคัญ จากราคาน้ำมันขายปลีกที่ลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลกและมาตรการลดราคาพลังงานของภาครัฐ ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นตามราคาอาหารสำเร็จรูปและราคาเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลจากดุลการค้าเป็นสำคัญ ด้านตลาดแรงงานโดยรวมปรับดีขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน

น.ส.ชญาวดี กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยระยะต่อไปว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาพรวมยังขยายตัวได้ แม้ว่าแรงส่งจากภาคท่องเที่ยวจะชะลอตัวลง แต่การผลิตบางหมวดมีแนวโน้มขยายตัวจากการเร่งส่งออกในช่วง grace period โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ 1.นโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก รวมถึงผลการเจรจาการค้าระหว่างประเทศเศรษฐกิจหลักและประเทศคู่ค้า
2.พัฒนาการของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งต้องติดตามว่าจะมีผลกระทบต่อการบริโภคและการจ้างงานมากน้อยเพียงใด 3. การปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมที่ต้องเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างและการแข่งขันที่สูงขึ้น และ4.แรงส่งจากภาคการคลัง
“เศรษฐกิจไตรมาส 1/2568 ออกมาค่อนข้างดี และดีกว่าที่คาด แต่คาดว่าไตรมาส 2/2568 น่าจะเริ่มเห็นผลกระทบ โดยเฉพาะเรื่องความเชื่อมั่น ถ้ามองอาจยังไม่มีความชัดเจน โดยผลกระทบจริงๆ น่าจะไปอยู่ในช่วงครึ่งหลังของปี ดังนั้น ในช่วงไตรมาส 2 จึงต้องขอดูก่อน เพราะภาพเศรษฐกิจยังค่อนข้าง Mix มีความไม่แน่นอนค่อนข้างสูง และน่าจะ Flat แต่ก็ต้องขอดูก่อน เพราะสถานการณ์เปลี่ยนทุกวัน” น.ส.ชญาวดี กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไตรมาส 2/2568
น.ส.ชญาวดี ระบุด้วยว่า แม้ว่าในเดือน เม.ย.2568 การบริโภคจะปรับตัวลดลง แต่เป็นการลดลงในบางจุด และยังไม่ถึงขั้นฝืดจนกระทั่งอุปสงค์ติดลบ แต่แน่นอนว่าเรามองเห็นถึงความระมัดระวังในการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งเกิดจากความไม่แน่นอนที่มีมากขึ้น ทำให้ประชาชนและภาคธุรกิจมีความระมัดระวัง ส่วนภาคการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลงนั้น เป็นผลจากทั่วโลกมี sentiment แย่ลง ประเทศคู่ค้ามีรายได้ลดลง จึงไปกระทบต่อการใช้จ่าย รวมทั้งมีปัจจัยของเมืองไทยที่ทำให้ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวถูกกระทบไปบ้าง
น.ส.ชญาวดี กล่าวถึงกรณีที่ศาลอุทธรณ์สหรัฐมีคำสั่งระงับคำสั่งของศาลการค้าสหรัฐฯ ซึ่งสั่งให้ยกเลิกมาตรการภาษี reciprocal tariffs ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อนหน้านี้ ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ตอกย้ำว่า ความไม่แน่นอนยังอยู่ และอยู่ในระดับที่สูง อีกทั้งความไม่แน่นอนเหล่านี้จะออกมาเรื่อยๆ ส่วนผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยจะเป็นเท่าไหร่นั้น คงต้องขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับตัว หรือความตั้งใจที่จะปรับตัวของเรา
“ผลที่ออกมาชัดกว่า คือ ตลาดการเงินที่มีความผันผวนค่อนข้างสูง ถ้าในฝั่งเศรษฐกิจจริงต้องระมัดระวังการใช้จ่าย หรือระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น แต่ในฝั่งตลาดเงินเอง คงต้องดูแลเรื่องความเสี่ยง ซึ่งการป้องกันความเสี่ยงเป็นเรื่องสำคัญ” น.ส.ชญาวดี กล่าว
เมื่อถามว่า ธปท. จะปรับประมาณการเศรษฐกิจหรือไม่ และเมื่อไหร่ น.ส.ชญาวดี กล่าวว่า จากความไม่แน่นอนที่สูงมาก โดยเฉพาะเรื่อง tariffs ในอนาคตว่า จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกอย่างไร จึงต้องติดตามสถานการณ์การอย่างใกล้ชิด โดยในช่วงเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) นั้น จะมีการอัพเดตมุมมองภาพเศรษฐกิจอีกครั้ง แต่หากให้มองภาพตอนนี้ น่าจะค่อนไปทาง Reference Scenario (Lower tariff) ตามที่เคยประเมินไว้
“ถ้ามองภาพตอนนี้ ภาพน่าอาจจะค่อนไปทาง Reference Scenario ที่เราให้ไว้ (จีดีพี) อยู่ที่ 2% หรืออาจจะดีกว่า 2% เพราะตัวเลขตั้งต้นไตรมาส 1 ออกมาค่อนข้างดี และการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนออกมาค่อนข้างดี เพราะจริงๆแล้ว Reference Scenario ที่เราให้ไว้ tariffs ที่จีนได้สูงกว่านี้ซ้ำ จึงเป็นภาพที่ออกมาบวกหน่อยๆ แต่คงต้องดูต่อว่าไทยและคู่ค้าหลักๆของเราจะเป็นอย่างไรบ้าง” น.ส.ชญาวดี ระบุ
ส่วนกรณีที่รัฐบาลปรับเปลี่ยนงบโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1.57 แสนล้านบาท และนำไปใช้ในการดำเนินโครงการภายใต้แผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นั้น น.ส.ชญาวดี กล่าวว่า การที่รัฐบาลมีการปรับเปลี่ยนแนวทางการใช้จ่ายงบประมาณก้อนนี้ ธปท.ไม่ขัดข้อง และเห็นด้วยกับทบทวนแผนการใช้งบประมาณดังกล่าว เพราะตอนนี้คงต้องเน้นไปการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รักษาระดับการจ้างงาน
ตลอดจนเน้นการใช้งบประมาณไปที่การบรรเทาความเดือดร้อนของกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าโดยตรง เช่น กลุ่มที่ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐ และกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบจากการทะลักเข้ามาของสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการดูแลในภาพการท่องเที่ยว
“ถ้ามองตัว multiplier (ตัวคูณ) การใช้จ่ายเหล่านี้ พบว่ามีค่อนข้างสูง เช่น โครงการคนละครึ่งในด้านการท่องเที่ยว จะเห็นได้ว่าในช่วงที่ผ่านมามี multiplier ที่สูงเช่นเดียวกัน ก็หวังว่าอันนี้จะช่วย ซึ่งอาจไม่ใช่การกระตุ้นๆ แต่เป็นการทำให้เศรษฐกิจค่อนๆปรับตัวและผ่านจุดที่ยากลำบากไปได้ไม่ยากจนเกินไป” น.ส.ชญาวดี กล่าว
ก่อนหน้านี้ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. ได้เสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เกี่ยวกับแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ว่า การจัดสรรงบประมาณดังกล่าว ควรจัดสรรงบประมาณโดยให้ความสำคัญกับการบรรเทาความเดือดร้อนต่อกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าโดยตรง ได้แก่ กลุ่มผู้ส่งออกสินค้าไปสหรัฐ รวมถึงธุรกิจที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ที่เกี่ยวข้อง และกลุ่มผู้ผลิตที่จะถูกกระทบจากการทะลักของสินค้าจากต่างประเทศ (import flooding) ที่รุนแรงขึ้น
นอกจากนี้ นายเศรษฐพุฒิ เสนอว่า รัฐบาลควรมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อรับมือกับ import flooding เพราะถ้าไม่ดำเนินการในเรื่องนี้ก่อน โครงการหรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อาจไม่มีประสิทธิผลเท่าที่ควร (อ่านเอกสารประกอบด้านล่าง)


สำหรับรายละเอียดรายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินเดือน เม.ย.2568 มีดังนี้
การผลิตภาคอุตสาหกรรม ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนในทุกกลุ่มที่แบ่งตามสัดส่วนส่งออก โดยเฉพาะกลุ่มที่ส่งออกในสัดส่วนร้อยละ 30-60 เพิ่มขึ้นจากหมวดยานยนต์ ตามการผลิตรถยนต์นั่งเป็นสำคัญ สอดคล้องกับยอดขายในประเทศที่ปรับดีขึ้น สำหรับกลุ่มผลิตเพื่อส่งออกน้อยกว่าร้อยละ 30 ปรับดีขึ้นจากหมวดอาหารและเครื่องดื่มตามการผลิตน้ำมันปาล์มจากผลผลิตปาล์มน้ำมันและอุปสงค์ต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งอาหารสัตว์ตามอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น
ด้านกลุ่มผลิตเพื่อส่งออกมากกว่าร้อยละ 60 เพิ่มขึ้นจากการผลิตเครื่องปรับอากาศเพื่อเติมสินค้าคงคลัง หลังเร่งส่งออกไปในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม การผลิตในบางหมวดปรับลดลง อาทิ หมวดแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน หลังจากที่เร่งผลิตไปในช่วงก่อนหน้า
การส่งออกสินค้า มูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วลดลงจากเดือนก่อน ตามการส่งออก (1) สินค้าเกษตร ตามการส่งออกยางธรรมชาติไปจีนที่ชะลอลงหลังเร่งไปมากในช่วงก่อนหน้า และการส่งออกทุเรียนไปจีน (2) ยานยนต์ ตามการส่งออกรถกระบะไปออสเตรเลียและอาเซียน ชิ้นส่วนยานยนต์ไปสหรัฐฯ และรถยนต์นั่งไปตะวันออกกลางและอาเซียน และ
(3) สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ จากการส่งออกอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมไปสหรัฐฯ หลังเร่งส่งออกไปในเดือนก่อน อย่างไรก็ดี การส่งออกในบางหมวดปรับเพิ่มขึ้น อาทิ สินค้าเกษตรแปรรูป ตามการส่งออกน้ำตาลไปอินโดนีเซียและน้ำมันปาล์มไปอินเดีย
การนำเข้าสินค้า มูลค่าการนำเข้าสินค้าไม่รวมทองคำที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน จากหมวดสินค้าทุนไม่รวมเครื่องบินตามการนำเข้าเครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า และคอมพิวเตอร์ รวมถึงหมวดวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางที่ไม่รวมเชื้อเพลิง ตามการนำเข้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า สอดคล้องกับการผลิตและการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังอยู่ในระดับสูง
อย่างไรก็ตาม หมวดเชื้อเพลิงปรับลดลง ตามปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบเป็นสำคัญ และหมวดสินค้าอุปโภคและบริโภคลดลงตามสินค้าคงทน โดยเฉพาะการนำเข้าอัญมณีจากอาเซียนหลังเร่งไปมากในช่วงก่อนหน้า

การบริโภคภาคเอกชน เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วลดลงจากเดือนก่อน จากหมวดบริการที่ลดลงจากหมวดโรงแรมและภัตตาคาร ตามการใช้จ่ายของคนไทยในประเทศและคนไทยที่ไปเที่ยวต่างประเทศ อย่างไรก็ดี หมวดสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นจากยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ส่วนหนึ่งจากการส่งมอบรถยนต์ที่สั่งจองในงานจัดแสดงรถยนต์ (Motor Show)
หมวดสินค้าไม่คงทนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากยอดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคและเครื่องดื่ม หมวดสินค้ากึ่งคงทนเพิ่มขึ้นตามปริมาณการนำเข้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม สำหรับความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงต่อเนื่อง จากความกังวลต่อความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐฯ และการชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยว รวมถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนและธุรกิจที่ยังอยู่ในระดับสูง

การลงทุนภาคเอกชน เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน จากหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ และหมวดยานพาหนะ โดยหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะการนำเข้าสินค้าทุนในหมวดคอมพิวเตอร์และเครื่องใช้สำนักงาน และหมวดอุปกรณ์ไฟฟ้า สำหรับหมวดยานพาหนะเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะยอดจดทะเบียนรถยนต์นั่งและการลงทุนในเครื่องบิน เรือ และหัวรถจักร
ด้านหมวดก่อสร้างทรงตัว โดยหมวดที่อยู่อาศัยปรับดีขึ้น ขณะที่หมวดที่มิใช่ที่อยู่อาศัยลดลงตามการก่อสร้างโรงแรมเป็นสำคัญ

จำนวนและรายรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้น จากเดือนก่อน แต่ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในหลายสัญชาติ โดยเฉพาะจากมาเลเซียและตะวันออกกลาง หลังสิ้นสุดเดือนรอมฎอน รวมทั้งนักท่องเที่ยวจีน หลังจากลดลงมากในช่วงก่อนหน้า ประกอบกับนักท่องเที่ยวยุโรปเพิ่มขึ้นจากวันหยุดเทศกาลอีสเตอร์ สำหรับรายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ตามค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริปที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งจากนักท่องเที่ยวระยะไกล (long-haul) ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีการใช้จ่ายสูงในบางสัญชาติ อาทิ กลุ่มตะวันออกกลางและยุโรป
ภาคบริการ เครื่องชี้ภาคบริการที่ไม่รวมการซื้อขายทองคำและขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน จากภาคการค้าและการขนส่งสินค้า ตามยอดขายรถยนต์และการผลิตภาคอุตสาหกรรม ประกอบกับการขนส่งผู้โดยสารเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บริการในธุรกิจโรงแรมและภัตตาคารลดลง ตามการใช้จ่ายของคนไทยที่ลดลง

รายได้เกษตรกร รายได้เกษตรกรหดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน จากด้านราคาเป็นสำคัญ เป็นผลจากอุปทานไทยและโลกที่เพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย ราคาสินค้าเกษตรสำคัญที่หดตัวได้แก่ (1) ข้าวขาว ตามอุปทานข้าวทั้งของไทยและของโลกที่เพิ่มขึ้นตามการกลับมาส่งออกข้าวของอินเดีย (2) ทุเรียน ตามการส่งออกที่ลดลงจากความล่าช้าในการตรวจสอบสารตกค้างของตลาดส่งออกหลัก (3) ยางพาราและอ้อย จากผลผลิตที่เพิ่มขึ้น และ (4) มันสำปะหลัง ตามความต้องการมันเส้นจากจีนที่ลดลง
การใช้จ่ายภาครัฐ การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอนขยายตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน จากทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนของรัฐบาลกลาง โดยรายจ่ายประจำขยายตัวตามการเบิกจ่ายเงินบำนาญ ค่าตอบแทนบุคลากร และค่ารักษาพยาบาลข้าราชการ สำหรับรายจ่ายลงทุนขยายตัวตามการเบิกจ่ายของหน่วยงานด้านสาธารณูปโภคและคมนาคม ขณะที่รายจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจหดตัวจากผลของฐานสูงในปีก่อนที่มีการลงทุนในโครงการด้านสาธารณูปโภค

ภาวะการเงิน การระดมทุนของภาคธุรกิจ โดยรวมปรับลดลงจากการระดมทุนผ่านสินเชื่อสุทธิที่ลดลงในเกือบทุกสาขาธุรกิจ โดยเฉพาะภาคก่อสร้าง ภาคการผลิต เช่น ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์และยานยนต์ รวมถึงธุรกิจสาธารณูปโภค ขณะที่การระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ปรับเพิ่มขึ้นจากภาคก่อสร้างและภาคบริการ โดยส่วนใหญ่เป็นการกู้ยืมเพื่อการต่ออายุ (rollover) หุ้นกู้ที่ครบกำหนด ชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน และระดมทุนเพื่อขยายพอร์ตสินเชื่อในกลุ่มธุรกิจการเงิน
สำหรับต้นทุนการระดมทุนผ่านตราสารหนี้ ในเดือนเมษายน ถึง 26 พฤษภาคม 2568 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะสั้นและระยะยาวเฉลี่ยปรับลดลงตามการคาดการณ์นโยบายการเงินของไทยเป็นสำคัญ
อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบกับดอลลาร์ สรอ. เดือนเมษายน ถึง 26 พฤษภาคม 2568 เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนและเฉลี่ยปรับแข็งค่าขึ้นจากเดือนมีนาคม จากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ สรอ. ตามความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และความกังวลของตลาดต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ด้านดัชนีค่าเงินบาท (NEER) ปรับลดลงในเดือนเมษายน เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลต่อการที่ไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ สูง ขณะที่ในเดือนพฤษภาคมปรับแข็งค่าขึ้น เนื่องจากตลาดคลายความกังวลลงบ้างหลังสหรัฐฯ มีความคืบหน้าในการเจรจาทางการค้ากับประเทศคู่ค้าสำคัญ

เสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบเล็กน้อยตามหมวดพลังงานเป็นสำคัญ จากราคาน้ำมันขายปลีกที่ลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก และมาตรการลดราคาน้ำมันและค่าไฟฟ้าของภาครัฐ สำหรับหมวดอาหารสดลดลงจากผลของฐานสูงในราคาผักและผลไม้ที่มีปัญหาภัยแล้งในปีก่อน ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นตามราคาอาหารสำเร็จรูป จากการลดการทำโปรโมชันอาหารโทรสั่ง (delivery) รวมถึงเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ตามต้นทุนวัตถุดิบที่อยู่ในระดับสูง

สำหรับภาวะตลาดแรงงาน โดยรวมปรับดีขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน ตามจำนวนผู้ประกันตนมาตรการ 33 ที่เพิ่มขึ้นในหลายสาขา โดยเฉพาะเหมืองแร่ ภาคการผลิต โรงแรมและร้านอาหาร อย่างไรก็ตาม สัดส่วนผู้ขอรับสิทธิว่างงานรวมและรายใหม่ต่อผู้ประกันตนรวมปรับเพิ่มขึ้น ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลจากดุลการค้าเป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี ดุลบริการ รายได้ และเงินโอนขาดดุลลดลงตามการส่งกลับกำไรที่น้อยลงของบริษัทต่างชาติในไทยเป็นสำคัญ


อ่านประกอบ :
‘ธปท.’ชี้เศรษฐกิจ มี.ค.68 ชะลอตัวจากเดือนก่อน เผย‘ส่งออก-ท่องเที่ยว-บริโภค-ลงทุน’แผ่ว
‘ธปท.’ชี้‘ท่องเที่ยว-ส่งออก-บริโภคเอกชน’โต หนุนเศรษฐกิจ ม.ค.68 ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน
‘ธปท.’เผยเศรษฐกิจไทย ธ.ค.ชะลอตัว-หั่นคาดการณ์จีดีพีไตรมาส 4/67 เติบโตไม่ถึง 4%
‘ธปท.’ชี้เศรษฐกิจ พ.ย.ชะลอ หลังเร่งตัวจาก‘เงินโอน’-แนะรัฐบาล‘ลงทุน’ได้ผลดีกว่า‘แจกเงิน’
IMF มองจีดีพีไทยปีหน้าโต 2.9% แนะ‘กนง.’ลดดบ.อีก 1 ครั้ง-‘ธปท.’ชี้เศรษฐกิจ ต.ค.67 ดีขึ้น
‘ธปท.’เผยเศรษฐกิจไทย ก.ย.67 ชะลอลงจากเดือนก่อน-คาดจีดีพีไตรมาส 3 ขยายตัวใกล้ 3%

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา