
รถไฟญี่ปุ่น 20 คัน ‘KIHA40-KIHA48’ ปรับล้อเสร็จแล้ว เตรียมทดสอบระบบเดินรถไม่เกิน มิ.ย.นี้ ก่อนส่งไปตกแต่งภายในต่อ ชี้ไม่เกินปี 68 เตรียมนำมาให้บริการ ส่วนการพิจารณาบทลงโทษเอกชนโยนคณะกรรมการตรวจรับพิจารณา
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 10 พฤษภาคม 2568 นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการปรับปรุงขบวนรถดีเซลรางปรับอากาศ KIHA 40 และ 48 จำนวน 20 คัน ที่ได้รับบริจาค จากประเทศญี่ปุ่น ขณะนี้ได้ปรับขนาดเพลาล้อให้เข้ากับมาตรฐานรางของประเทศไทยที่ความกว้าง 1 เมตรเสร็จแล้ว และนำไปประกอบเข้ากับตัวรถที่จอดอยู่แหลมฉบังเรียบร้อย โดยเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา มีการนำขบวนรถดีเซลรางปรับอากาศ KIHA 40 และ 48 ชุดที่ 1 จำนวน 10 คัน มาที่ยังโรงงานมักกะสันแล้ว และเมื่อวันที่ 8 พ.ค. ขบวนรถดีเซลรางปรับอากาศ KIHA 40 และ 48 ชุดที่ 2 อีกจำนวน 10 คัน จะนำมายังโรงงานมักกะสันเช่นกัน เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการทดสอบระบบเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ระบบห้ามล้อ และระบบปฏิบัติการ ตามมาตรฐานของการรถไฟฯ โดยจะมีการตรวจสอบอุปกรณ์ทุกส่วน คาดว่าจะเริ่มทดสอบระบบต่างๆ ได้ภายในเดือน พ.ค.หรือ มิ.ย. 2568
ผู้ว่าฯรฟท.กล่าวว่า หลังทดสอบระบบต่างๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะเป็นขั้นตอนของการปรับปรุงภายในขบวนรถ เช่น การปรับปรุงเบาะที่นั่ง ตามแผนที่จะเปลี่ยนเป็นเบาะหนังเทียมให้เหมาะสมกับการใช้งานเป็นรถชานเมือง ส่วนห้องน้ำจะปรับปรุงสุขภัณฑ์เป็นโถนั่งแบบตะวันตก แต่ยังคงมีระบบถังเก็บสิ่งปฏิกูล จากนั้นจึงจะเป็นขั้นตอนของการปรับปรุงสีภายนอกตัวรถ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาเลือกเฉดสี อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะสามารถดำเนินการปรับปรุงให้แล้วเสร็จและนำมาให้บริการได้ภายในปี 2568 จำนวน 4-6 คัน และจะทยอยปรับปรุงจนครบ 20 คันต่อไป เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้บริการ
ส่วนเรื่องค่าปรับภายใต้สัญญาจ้างขนส่งจากประเทศญี่ปุ่นมาประเทศไทยนั้น นายวีริศกล่าวว่า ภายหลังจากขนย้ายขบวนรถดีเซลรางปรับอากาศ KIHA 40 และ 48 มายังโรงงานมักกะสันเสร็จเรียบร้อยแล้ว คณะกรรมการตรวจรับจะมีการนัดประชุมเพื่อหาข้อสรุปต่อไป อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า ขบวนรถดีเซลรางปรับอากาศ KIHA 40 และ 48 จะเข้ามาช่วยเสริมทัพขบวนรถโดยสารชานเมือง เพื่อรองรับปริมาณการเดินทางของผู้ใช้บริการที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ให้ได้รับการเดินทางที่สะดวก รวดเร็วและปลอดภัย เพื่อยกระดับคุณภาพการเดินทางของประชาชน รวมถึงสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น เพื่อช่วยบรรเทาปัญหามลพิษทางสิ่งแวดล้อม
"การรถไฟฯ มีแผนที่จะนำขบวนรถดังกล่าวมาเปิดให้บริการเสริมทัพขบวนรถโดยสารชานเมือง (FEEDER) เพื่อขนส่งผู้โดยสารระหว่างปริมณฑลและกรุงเทพฯ ตลอดจนสามารถรองรับปริมาณการเดินทางที่เพิ่มขึ้นของพี่น้องประชาชนให้เดินทางได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ยืนยันว่า การรถไฟฯ จะสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้การเดินทางโดยรถไฟให้มากขึ้น ไม่ได้ยึดติดว่าจะต้องใช้เป็นรถไฟนำเที่ยวเพียงอย่างเดียว ดังนั้น อยากให้ประชาชนอดใจรอสักนิด สิ่งดีๆ กำลังจะเกิดขึ้นที่การรถไฟฯ มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน" นายวีริศกล่าวทิ้งท้าย

@ย้อนบูมหลังขนย้ายรถไฟญี่ปุ่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ รฟท.ว่าจ้างบริษัท กรีน เจเนอเรชั่น เวิลด์ไวด์ จำกัด ขนย้ายรถดีเซลรางปรับอากาศ KIHA 40/48 จากประเทศญี่ปุ่น มายังประเทศไทย โดยพบว่ามีการขนย้ายขบวนรถไฟทั้ง 20 ตู้ จากท่าเรือนีงาตะ ประเทศญี่ปุ่น ถึงท่าเรือแหลมฉบัง ประเทศไทยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย.67 ปัจจุบันขบวนรถทั้งหมด ยังจอดอยู่ที่ย่านสถานีรถไฟแหลมฉบัง จ.ชลบุรี โดยสัญญา งานงวดที่ 3 ครบกำหนดไปแล้วเมื่อต้นเดือน ก.ย. 2567 และมีค่าปรับเกิดขึ้น พร้อมกันนี้ยังมีประเด็นที่เอกชนขอแก้ไขสัญญาในรายละเอียดการขนย้ายหลังจากที่ได้ดำเนินการขนย้ายไปแล้ว โดยมีการทำสัญญาแนบท้าย ลงวันที่ 15 พ.ค. 2567 ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า มีการกระทำบางอย่างที่ไม่เป็นไปตามเอกสารข้อกำหนดรายละเอียดของงานกำหนด
ซึ่งสำนักข่าวอิศราได้รายงานรายละเอียดของการกระทำที่ผิดไปจากเอกสารข้อกำหนดรายละเอียดของงาน (Term of Reference) ได้แก่
1.ไม่ได้มีการแยกตัวรถ(Body) กับ แคร่(Bogie) ออกจากกันที่ลานพักสินค้าฟูจิโยเสะ จังหวัด นีงาตะ ประเทศญี่ปุ่น ก่อนที่จะยกขึ้นเรือมายังท่าเรือแหลมฉบัง
2.มีการนำรถดีเซลรางทั้ง 20 คันมาวางกองเก็บที่ ย่านสถานีรถไฟแหลมฉบัง ผิดจากเงื่อนไข TOR ที่ต้องวางที่ย่านท่าเรือแหลมฉบัง จนกว่าที่จะรีเกรดล้อเสร็จและยกตัวรถนำมามาประกอบกับแคร่ที่สถานีรถไฟแหลมฉบัง
3.มีการสมยอมและเจตนาที่จะใช้พื้นที่ย่านสถานีรถไฟแลมฉบังเพื่อทำการยกตัวรถดีเซลรางเพื่อถอดแคร่(Bogie)ออกจากตัวรถ(Body) ที่ย่านสถานีรถไฟแหลมฉบัง ซึ่งไม่เป็นไปตาม TOR และมาตรฐานงานซ่อมบำรุงล้อเลื่อนของการรถไฟฯ และมาตรฐานความปลอดภัย และไม่ได้ใช้ผู้เชี่ยวชาญในการแยกตัวรถ
4.มีการพยามลดค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นและที่ท่าเรือแหลมฉบัง
5.มีการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้รับจากโดยคณะกรรมการตรวจรับพัสดุในงานจ้าง
รวมถึงมีการขอแก้ไขเอกสารแนบท้ายสัญญาจ้าง เป็นข้อตกลงเพิ่มเติม ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 โดยขอแก้ในส่วน คณะกรรมการตรวจรับพัสดุในงานจ้าง ได้ทำหนังสือขออนุมัติแก้ไขสัญญาฯ โดยอ้างว่าไม่สามารถที่จะรื้อแคร่(Bogie) ออกจาก ตัวรถ (Body) เพื่อทำการขนย้ายจากท่าเรือ นีงาตะมายัง ท่าเรือแหลมฉบังได้ จากสาเหตุ
1.1 อ้างว่าลานเก็บสินค้าที่ ท่าเรือที่ นีงาตะไม่เพียงพอ โดยไม่ได้แสดงหลักฐานจากทางท่าเรือนีงาตะว่าเหตุใดจึงปฏิบัติงานที่ท่าเรือ นีงาตะไม่ได้ ทั้งๆที่ ตาม TOR สัญญาว่าจ้างฉบับลงวันที่ 15 มกราคม ทาง JR East เป็นผู้กำหนดว่าจะต้องถอดแคร่จากญี่ปุ่นมาที่ไทย เพราะขนาดรางกว้างไม่เท่ากัน (ไทยกว้าง 1.00 เมตร ญี่ปุ่นกว้าง1.067เมตร) เมื่อมาถึงเมืองไทย ทาง รฟท.จะต้องขนไปรีเกรดล้อที่โรงงานมักกะสัน
1.2 อ้างว่ามีแผ่นดินไหวที่จังหวัดอิชิคาวะ ที่อยู่ห่างจากท่าเรือ นีงาตะถึง 376 กิโลเมตร โดยไม่มีเอกสารอ้างอิงว่าทางผู้รับจ้างจะไม่สามารถปฏิบัติงานได้จากทางญี่ปุ่น


อ่านประกอบ

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา