‘วีริศ’ ทราบเรื่องขนรถไฟญี่ปุ่นผิด TOR แล้ว ขอเวลา 1 เดือน สแกนข้อมูลรายละเอียด พร้อมเผยอาขลงพื้นที่ไปดู ยังไม่ฟันธงใครถูก-ผิด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 จากกรณีที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่าจ้างบริษัท กรีน เจเนอเรชั่น เวิลด์ไวด์ จำกัด ขนย้ายรถดีเซลรางปรับอากาศ KIHA 40/48 จากประเทศญี่ปุ่น มายังประเทศไทย โดยพบว่ามีการขนย้ายขบวนรถไฟทั้ง 20 ตู้ จากท่าเรือนีงาตะ ประเทศญี่ปุ่น ถึงท่าเรือแหลมฉบัง ประเทศไทยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย.67 ปัจจุบันขบวนรถทั้งหมด ยังจอดอยู่ที่ย่านสถานีรถไฟแหลมฉบัง จ.ชลบุรี
ขณะที่สัญญา งานงวดที่ 3 ครบกำหนดไปแล้วเมื่อต้นเดือน ก.ย. 2567 และมีค่าปรับเกิดขึ้น พร้อมกันนี้ยังมีประเด็นที่เอกชนขอแก้ไขสัญญาในรายละเอียดการขนย้ายหลังจากที่ได้ดำเนินการขนย้ายไปแล้ว โดยมีการทำสัญญาแนบท้าย ลงวันที่ 15 พ.ค. 2567 ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า มีการกระทำบางอย่างที่ไม่เป็นไปตามเอกสารข้อกำหนดรายละเอียดของงานกำหนด
ซึ่งสำนักข่าวอิศราได้รายงานรายละเอียดของการกระทำที่ผิดไปจากเอกสารข้อกำหนดรายละเอียดของงาน (Term of Reference) ได้แก่
1.ไม่ได้มีการแยกตัวรถ(Body) กับ แคร่(Bogie) ออกจากกันที่ลานพักสินค้าฟูจิโยเสะ จังหวัด นีงาตะ ประเทศญี่ปุ่น ก่อนที่จะยกขึ้นเรือมายังท่าเรือแหลมฉบัง
2.มีการนำรถดีเซลรางทั้ง 20 คันมาวางกองเก็บที่ ย่านสถานีรถไฟแหลมฉบัง ผิดจากเงื่อนไข TOR ที่ต้องวางที่ย่านท่าเรือแหลมฉบัง จนกว่าที่จะรีเกรดล้อเสร็จและยกตัวรถนำมามาประกอบกับแคร่ที่สถานีรถไฟแหลมฉบัง
3.มีการสมยอมและเจตนาที่จะใช้พื้นที่ย่านสถานีรถไฟแลมฉบังเพื่อทำการยกตัวรถดีเซลรางเพื่อถอดแคร่(Bogie)ออกจากตัวรถ(Body) ที่ย่านสถานีรถไฟแหลมฉบัง ซึ่งไม่เป็นไปตาม TOR และมาตรฐานงานซ่อมบำรุงล้อเลื่อนของการรถไฟฯ และมาตรฐานความปลอดภัย และไม่ได้ใช้ผู้เชี่ยวชาญในการแยกตัวรถ
4.มีการพยามลดค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นและที่ท่าเรือแหลมฉบัง
5.มีการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้รับจากโดยคณะกรรมการตรวจรับพัสดุในงานจ้าง
รวมถึงมีการขอแก้ไขเอกสารแนบท้ายสัญญาจ้าง เป็นข้อตกลงเพิ่มเติม ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 โดยขอแก้ในส่วน คณะกรรมการตรวจรับพัสดุในงานจ้าง ได้ทำหนังสือขออนุมัติแก้ไขสัญญาฯ โดยอ้างว่าไม่สามารถที่จะรื้อแคร่(Bogie) ออกจาก ตัวรถ (Body) เพื่อทำการขนย้ายจากท่าเรือ นีงาตะมายัง ท่าเรือแหลมฉบังได้ จากสาเหตุ
1.1 อ้างว่าลานเก็บสินค้าที่ ท่าเรือที่ นีงาตะไม่เพียงพอ โดยไม่ได้แสดงหลักฐานจากทางท่าเรือนีงาตะว่าเหตุใดจึงปฏิบัติงานที่ท่าเรือ นีงาตะไม่ได้ ทั้งๆที่ ตาม TOR สัญญาว่าจ้างฉบับลงวันที่ 15 มกราคม ทาง JR East เป็นผู้กำหนดว่าจะต้องถอดแคร่จากญี่ปุ่นมาที่ไทย เพราะขนาดรางกว้างไม่เท่ากัน (ไทยกว้าง 1.00 เมตร ญี่ปุ่นกว้าง1.067เมตร) เมื่อมาถึงเมืองไทย ทาง รฟท.จะต้องขนไปรีเกรดล้อที่โรงงานมักกะสัน
1.2 อ้างว่ามีแผ่นดินไหวที่จังหวัดอิชิคาวะ ที่อยู่ห่างจากท่าเรือ นีงาตะถึง 376 กิโลเมตร โดยไม่มีเอกสารอ้างอิงว่าทางผู้รับจ้างจะไม่สามารถปฏิบัติงานได้จากทางญี่ปุ่นนั้น
@’วีริศ’ รู้แล้ว ขอเวลา 1 เดือน ลงพื้นที่-สแกนข้อมูล
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้สอบถามกับนายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรฟท.ถึงประเด็นดังกล่าว โดยนายวีริศกล่าวว่า ได้รับทราบเหตุการณ์ดังกล่าวในเบื้องต้น และคงต้องมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบ โดยจะเน้นไปที่ด้านกฎหมายเป็นหลัก เพื่อดูว่าทางออกของประเด็นนี้คืออะไร ตอนนี้แม้ว่าสัญญาที่ทำไว้จะหมดลงไปตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค. 2567 แต่อย่างไรก็ต้องไปดูสัญญาที่หมดลงก่อน เพราะถือว่าสัญญานี้ยังคาไว้อยู่
เมื่อถามว่า แล้วสรุปผู้ว่ารฟท.จะดำเนินการอย่างไร นายวีริศตอบว่า ก็ต้องดูลึกลงไปว่า ถ้าจะให้ไปต่อต้องทำอย่างไร โดยขบวนรถที่รับมาแล้ว รฟท.มีความต้องการใช้แน่นอน แต่เรื่องของระเบียบขั้นตอนยังไม่ชัวร์ ก็ต้องลงไปดูข้อเท็จจริงก่อนและจะสามารถให้การดำเนินการนำรถมาใช้ได้อย่างไร และถ้าพบผู้กระทำผิดก็ดูว่าผิดตรงไหน, ถ้ามีขบวนรถอยู่ ส่วนที่มีความผิดก็ว่ากันไป แต่ตัวรถสามารถเอกมาใช้ไปก่อนได้ไหม รฟท.จะได้มีรถไว้สำหรับเสริมเติมรถที่ขาด
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การดูข้อเท็จจริงตามที่ผู้ว่าฯบอก จะใช้เวลานานเท่าไหร่ นายวีริศตอบว่า คิดว่าจะมีผู้มาช่วยงานเยอะ ซึ่งคงใช้เวลาไม่นาน ส่วนเมื่อมีพบผู้กระทำผิดจะมีมาตรการหรือจะทำอะไรหรือไม่ ก็ย้อนกลับไปที่บอกว่า ต้องขอดูข้อมูลก่อน ทั้งหมดนี้คาดว่า 1 เดือนน่าจะเพียงพอ
“1 เดือนที่ผมเข้ามา เรื่องต่างๆของแต่ละหน่วยก็เยอะนะ คนเป็นหมื่นๆคน แต่มีหน่วยงานองค์กรภายในแค่ไม่กี่หน่วย เรื่องมันเยอะมาก เอาวันนี้ ที่มาไล่ดูก็มีข้อมูลพอสมควรแล้ว ถ้าผมได้ลงพื้นที่ก็ได้รู้ว่าจริงเท็จอย่างไร” นายวีริศกล่าวในช่วงท้าย
วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรฟท.