‘ณพ ณรงค์เดช-คุณหญิงกอแก้ว’ ตั้งโต๊ะแถลงปมคดีหุ้น WEH หลังต่อสู้คดีนาน 6 ปีเต็ม ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาให้ชนะทุกคดี พร้อมยืนยันเงินลงทุนซื้อหุ้น 6,000 ล้าน ไม่ใช่เงินจาก ‘กงสี’ แต่เป็น ‘เงินกู้’ และการจัดหาเงินจากภายนอก
..........................................
เมื่อวันที่ 2 พ.ย. นายณพ ณรงค์เดช บุตรชายคนกลางของครอบครัว ‘ณรงค์เดช’ ในฐานะผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) ผ่าน บริษัท เคพีเอ็น เอนเนอยี (ประเทศไทย) จำกัด (KPNET) (เดิมชื่อบริษัท รีนิวเอเบิล เอนเนอยี คอร์เปอร์เรชั่น จํากัด หรือ REC) ,คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา แม่ภรรยาของนายณพ ,นายวีระวงค์ จิตต์มิตรภาพ ที่ปรึกษาทางกฎหมาย และนายอภิวุฒิ ทองคำ ที่ปรึกษากฎหมาย
เปิดบ้าน ‘บุณยะจินดา’ ในซอยสุขุมวิท 71 ตั้งโต๊ะแถลงตอบโต้ข้อกล่าวหาในคดีที่ถูกนายเกษม ณรงค์เดช ผู้เป็นบิดา และ 2 พี่น้องในครอบครัวณรงค์เดช คือ นายกฤษณ์ ณรงค์เดช พี่ชายคนโต และนายกรณ์ ณรงค์เดช น้องชายคนเล็ก ฟ้องร้องดำเนินคดีเกี่ยวกับหุ้นวินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้งฯ เช่น การละเมิดการโอนหุ้น GML (บริษัท โกลเด้น มิวสิค จำกัด) คดีปลอมลายเซ็น และคดีใช้เอกสารปลอม เป็นต้น มาเป็นเวลา 6 ปีเต็ม และศาลชั้นต้นตัดสินให้ชนะทุกคดี
@ศาลชั้นต้นยกฟ้องคดี‘ใช้เอกสาร-ปลอมแปลงเอกสาร’
นายณพ กล่าวว่า เป็นเวลาเกือบ 6 ปีแล้ว ที่บุคคล 2 กลุ่ม คือ กลุ่มนายนพพร ศุภพิพัฒน์ ผู้ขายหุ้น WEH และพี่กับน้องในครอบครัวณรงค์เดช คือ นายกฤษณ์ และนายกรณ์ ได้ทำการเผยแพร่และให้ข่าวเกี่ยวกับการฟ้องคดีหลายคดี โดยใช้วิธีการเบี่ยงเบนประเด็น ไม่ให้ข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วน ทำให้ผู้ติดตามข่าวเข้าใจผิดว่า ตนเองไปโกงนายนพพร และไปโกงพี่น้อง ทำให้ตน คุณหญิงกอแก้ว ภรรยา และลูกๆเสื่อมเสียชื่อเสียง และได้รับผลกระทบต่างๆ เป็นอย่างมาก
“เราเลือกที่จะไม่ตอบโต้ และรอให้ศาลมีคำพิพากษาครบทุกคดี จึงค่อยออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงในครั้งเดียว เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าเรื่องที่เกิดขึ้น ‘ความจริงคืออะไร-ใครกันแน่ที่โกง’ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 5 ก.ค.2565 และ 28 ก.ย.2566 ศาลอาญารัชดา (ศาลชั้นต้น) และศาลอาญากรุงเทพใต้ (ศาลชั้นต้น) ได้มีคำพิพากษา ‘ยกฟ้อง’ ในคดีที่นายกฤษณ์และนายกรณ์ให้คุณพ่อ (นายเกษม) มาฟ้องคุณหญิงกอแก้วและผมว่า ‘ใช้เอกสารปลอม’ และ ‘ปลอมแปลงเอกสาร’
และล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา ศาลแขวงพระนครใต้ ได้มีคำพิพากษา ในคดีที่นายนพพรได้ฟ้องผมและพวกเป็นคดีอาญาว่า ‘โกงเจ้าหนี้’ ซึ่งเป็นคดีสุดท้ายที่ผมรอฟังคำพิพากษาอยู่ ก็ได้มีคำพิพากษาให้ “ยกฟ้อง”จำเลยทุกคนเช่นกัน วันนี้ ผมจึงพร้อมที่จะชี้แจงด้วยข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วน เพื่อชี้ให้เห็นการเบี่ยงเบนประเด็น ที่ทำให้ผมเป็นคนผิด โดยการดำเนินการจากคนทั้ง 2 กลุ่มนี้ ทั้งๆ ที่พยานหลักฐานชัดเจนแล้วว่าผมไม่ได้ทำผิดใดๆ” นายณพ กล่าว
@ศาลไทย‘ตัดสินกลับ’ กรณีศาลอังกฤษพิพากษาคดีโกงเจ้าหนี้
นายณพ กล่าวต่อว่า เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจากการที่ตนไปซื้อหุ้น WEH จากนายนพพร ซึ่งหลบหนีออกนอกประเทศไทย เนื่องจากเป็นผู้ต้องหา และหนีคดีอาญาเรื่องทำร้ายร่างกายและหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น รวมทั้งมีการกระทำผิดมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญาเกี่ยวเนื่องด้วย ทำให้นายนพพร ต้องขายหุ้น WEH ให้ตนเองแบบขายขาด และได้โอนหุ้นให้ผมก่อนทั้งหมด แล้วค่อยชำระเงินค่าหุ้น เพื่อแก้ปัญหาจากการที่ บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ฯ ไม่สามารถหาเงินกู้เพื่อดำเนินกิจการต่อไปได้ เพราะสถาบันการเงินไม่สนับสนุนการให้สินเชื่อ หากยังมีนายนพพรยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
“เมื่อผมได้รับโอนหุ้นมา ผมก็ได้จ่ายเงินค่าซื้อหุ้นงวดแรกให้นายนพพรไปแล้วเมื่อปี 2558 จำนวน 90.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท แต่เมื่อนายนพพรได้รับเงินก้อนนี้ไปเรียบร้อยแล้ว กลับไปฟ้องคดีเพื่อที่จะเอาหุ้นคืน แล้วเขาแพ้คดีโดยอนุญาโตตุลาการ จึงมีการบังคับให้เขาปฏิบัติตามสัญญาที่ทำกับผมไว้ คือ รับชำระเงินค่าหุ้นในส่วนอื่นๆ ต่อไป และจะเอาหุ้นคืนไม่ได้
ผมจึงได้ชำระเงินค่าหุ้นส่วนที่เหลือจำนวน 85.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ อีกประมาณ 3,000 ล้านบาท ให้นายนพพรไปตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งครบถ้วนตามสัญญา เหลือเพียงเงินโบนัส (525 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ที่ยังโต้แย้งกันอยู่ในคดีของศาลไทย และเมื่อนายนพพรได้เงินไปแล้ว แต่ไม่ได้หุ้นคืน ก็ได้ไปฟ้องคดีอื่นๆ ตามมาอีกหลายคดี ทั้งในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ในประเทศไทย และประเทศอังกฤษ
คดีทุกๆ เรื่อง ทั้งในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง และในประเทศไทยนั้น ศาลตัดสินให้คุณหญิงกอแก้วและผมชนะคดีทั้งหมด มีเพียงศาลอังกฤษเพียงศาลเดียวที่ตัดสินคดีบนกฎหมายไทย ตัดสินให้คุณหญิงกอแก้วและผมแพ้คดี ต้องชดใช้เงินจำนวนมหาศาลให้แก่นายนพพร โดยศาลอังกฤษนี้ อ้างความชอบธรรมที่จะฟังความจากนายนพพรข้างเดียว โดยเขียนคำพิพากษาในทำนองว่า นายนพพรสุจริต
โดยไม่โต้แย้ง หรือเขียนถึงบรรดาข้อเท็จจริงต่างๆ ที่ฝ่ายผมนำสืบไว้ว่านายนพพรเป็นคนไม่สุจริตไว้ในคำพิพากษาเลย กล่าวคือ
(1) นายนพพรถูกพิพากษาจำคุกโดยศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ในประเทศไทยจากความผิดฐานยักยอกทรัพย์
(2) นายนพพรเป็นผู้ต้องหาและหนีคดีอาญาเรื่องทำร้ายร่างกายและหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น และกระทำผิดมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา
(3) นายนพพรถูกศาลฮ่องกงพิพากษาว่า จงใจปกปิดข้อเท็จจริงสำคัญในการดำเนินคดีต่อศาลฮ่องกง
(4) นายนพพรได้ขัดขวางไม่ให้ผมหาเงินกู้มาชำระค่าหุ้นให้แก่นายนพพรได้ทันภายในกำหนดเวลา เพื่อให้ผมผิดนัด แล้วนายนพพรจะได้อ้างเป็นเหตุบอกเลิกสัญญาซื้อขายหุ้นเพื่อเรียกร้องเอาหุ้น บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ ที่ได้ขายและโอนให้ผมมาแล้วทั้งหมดคืน ตามแผนที่เขาวางไว้ ซึ่งในที่สุดผมเป็นฝ่ายชนะคดีตามที่ได้ชี้แจงไว้แล้วข้างต้น
โดยเรื่องคดีอังกฤษนี้ นายนพพรได้ใช้สื่อที่วางแผนไว้ในการประโคมข่าว โจมตีอย่างหนักทันที ว่าคุณหญิงกอแก้วและผมโกงเขา แต่คำพิพากษาของศาลอังกฤษที่ได้ใช้กฎหมายไทยนี้ ได้ถูกศาลแขวงพระนครใต้ของไทย ‘ตัดสินกลับแล้ว’ เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา ในคดีที่นายนพพรได้ฟ้องผมและพวก เป็นคดีอาญาว่า ‘โกงเจ้าหนี้’ โดยศาลไทยได้มีคำพิพากษาว่า ‘ไม่มีการโกงเจ้าหนี้’ ให้ยกฟ้อง” นายณพ กล่าว
(ณพ ณรงค์เดช)
@อ้างความขัดแย้งมาจาก ‘พี่-น้อง’ต้องการได้หุ้นฟรี 49%
นายณพ กล่าวว่า สำหรับเรื่องระหว่างตนกับพี่น้อง คือ นายกฤษณ์กับนายกรณ์ และคุณพ่อ (นายเกษม) ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนั้น เป็นเรื่องที่ตนเสียใจที่สุด และไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้น โดยทั้งหมดนี้มีมูลเหตุมาจากการที่ตนได้เข้าไปซื้อหุ้น WEH จากนายนพพร ซึ่งพี่และน้องต้องการแบ่งหุ้น WEH ที่ตนเป็นผู้ซื้อมาไปเป็นของเขาจำนวน 49% แบบฟรีๆ ทั้งๆที่เงินที่นำไปลงทุนนั้นเป็นเงินที่ตนเอกชลงทุนโดยส่วนตัว ไม่ได้เป็นกงสี ที่จะต้องนำมาหารสาม
“นายกฤษณ์ ได้พูดถึงธุรกิจกงสีของครอบครัว ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าหมายถึงอะไร เพราะทรัพย์สินที่ถือร่วมกัน และรอเวลาแบ่งสรรกัน ก็มีเพียงทรัพย์มรดกหลายรายการที่คุณแม่ คือ คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช กำหนดไว้ในพินัยกรรม ให้แบ่งกันระหว่างพี่น้องทั้ง 3 คนตามเจตนาของคุณแม่ โดยกำหนดให้นายกฤษณ์ในฐานะพี่ชายตนโตเป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่ได้มีการแบ่งออกมาตามพินัยกรรมเลย
ส่วนธุรกิจที่มีนายกฤษณ์ นายกรณ์ และผม เป็นผู้ถือหุ้นร่วมกัน โดยถือหุ้นคนละ 1 ใน 3 ก็มีเพียง บริษัท เคพีเอ็น แลนด์ จำกัด เพียงบริษัทเดียวเท่านั้น ซึ่งในอดีต ผมได้ทำหน้าที่ดูแลธุรกิจนี้ตามที่ครอบครัวให้ความไว้วางใจอย่างเต็มใจและเต็มกำลังมาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อเกิดความขัดแย้งกันในเรื่องหุ้น WEH ผมจึงถูกกันออกมา ไม่ให้ร่วมบริหารจัดการหรือร่วมตัดสินใจใดๆ รวมทั้งการที่ บริษัท เคพีเอ็น แลนด์ เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นของ บมจ.ไรมอน แลนด์ ด้วย ทั้งๆ ที่ผมเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ 1 ใน 3” นายณพ กล่าว
@เคยชวนพี่น้องซื้อหุ้น WEH แต่ได้รับคำตอบว่า ‘เพ้อฝัน’
นายณพ กล่าวว่า นอกจาก บริษัท เคพีเอ็น แลนด์ แล้ว ตนยังสนใจทำธุรกิจด้วยตนเองเสมอมา เพราะเติบโตมากับคุณพ่อคุณแม่ที่สอนและปลูกฝังให้ขยันทำมาหากินโดยสุจริต โดยธุรกิจส่วนตัวของตนเองในปัจจุบันนั้น มีทั้งสถาบันดนตรี KPN ซึ่งตนภูมิใจที่สุดที่ได้ทำขึ้นตามความปรารถนาของคุณแม่ จนถึงวันนี้สถาบันฯเรามีสาขาทั้งหมด 26 สาขาทั่วประเทศ ส่วนธุรกิจโรงพยาบาลนวเวช ตนได้ร่วมลงทุนกับหุ้นส่วนอีก 2 บริษัท
“ที่ผ่านมา เมื่อมีธุรกิจที่น่าสนใจ ผมจะชวนพี่และน้องก่อนทุกครั้ง ว่าสนใจจะร่วมลงทุนหรือไม่ เช่นเดียวกับการที่ผมเข้าซื้อหุ้น WEH ซึ่งผมได้ถามพี่และน้องแล้วตั้งแต่แรก ว่าสนใจจะร่วมลงทุนหรือ ไม่ แต่ได้รับคำตอบว่า “เพ้อฝัน” เมื่อถูกปฏิเสธ ผมจึงเดินหน้าจัดหาเงินทุนทั้งหมดด้วยตัวเอง เพราะเชื่อมั่นในอนาคตของธุรกิจนี้
เมื่อผมได้เข้ามาบริหารกิจการของ บริษัท วินด์ เอ็นเนอร์ยี จนมีผลกำไรสามารถจ่ายเงินปันผลได้ พี่น้องกลับต้องการขอแบ่งหุ้น บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี ที่ผมซื้อมา และอ้างว่าเป็นการร่วมลงทุนโดยเอาเงินส่วนรวมของพี่น้องทั้งสามคนไปซื้อหุ้นจำนวนนี้ เมื่อผมยืนยันว่าไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม นายกฤษณ์และนายกรณ์กลับไปยื่นฟ้องผมที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เพื่อบังคับให้ผมโอนหุ้น บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี ให้เขาทั้งสองคนรวมกัน 49% แบบฟรีๆ
โดยอ้างว่าได้ร่วมลงทุนด้วย ซึ่งศาลแพ่งกรุงเทพใต้ได้มีคำพิพากษา “ยกฟ้อง” แล้วว่า “ทั้งสองคน (รวมทั้งคุณพ่อ) ไม่ได้ร่วมลงทุนจ่ายเงินซื้อหุ้น บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี กับผมตามที่ทั้งสองกล่าวอ้างเลย” นอกจากนี้ ยังไปฟ้องคดีอาญาว่า คุณหญิงกอแก้วและผม ปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม เพื่อเป็นการกดดันให้ผมยินยอมแบ่งหุ้นบริษัทวินด์ฯ ตามที่ต้องการ ซึ่งศาลก็ได้ยกฟ้องแล้วทุกคดี” นายณพ กล่าว
@ศาลสั่งจำคุก ‘กฤษณ์’ 12 เดือนคดีเบียดบังค่าเช่าที่ดิน
นายณพ ยังกล่าวว่า การที่นายกฤษณ์และนายกรณ์ แถลงข่าวเรื่องการปลอมเอกสาร ก็เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไปจาก ”ผล” ของคดีอาญาที่ “ศาลยกฟ้อง” ทั้ง 2 คดี ว่า คุณหญิงกอแก้วและตนเอง ไม่ได้ปลอมเอกสาร และไม่ได้ใช้เอกสารปลอม และนายกฤษณ์ นายกรณ์ ก็ไม่เคยให้ข่าวเลย ว่าศาลแพ่งกรุงเทพใต้ได้มีคำพิพากษา “ยกฟ้อง” ว่านายกฤษณ์และนายกรณ์ ไม่ได้ร่วมลงทุนจ่ายเงินซื้อหุ้น WEH ตามที่กล่าวอ้าง เท่ากับไม่มีสิทธิ์ใดๆ ในหุ้น WEH
“มีการพยายามออกสื่อแบบเท็จทั้งสิ้นว่าผมโกง นอกจากนี้ นายกฤษณ์ก็ไม่เคยให้ข่าวเลยว่า ถูกผมฟ้องว่าเป็นผู้จัดการมรดกที่ไม่ยอมแบ่งทรัพย์มรดก ตามเจตนาของคุณแม่ ที่ระบุในพินัยกรรมให้แก่ผมและหลานๆ ถ้านับจากวันที่คุณแม่จากไปก็ 10 ปีแล้ว นายกฤษณ์ ยังมีพฤติการณ์เบียดบังค่าเช่าที่ดิน ซึ่งเป็นทรัพย์มรดกของคุณแม่ และตกทอดมาอยู่ในชื่อลูกทั้ง 3 คน ไปเป็นของตนเองแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งผมได้ฟ้องคดีที่ศาลแขวงพระนครใต้
และศาลเห็นว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายอย่างชัดแจ้ง จนมีคำพิพากษา (ศาลชั้นต้น) ให้ลงโทษจำคุก นายกฤษณ์ 12 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และยังมีพฤติการณ์ในลักษณะเดียวกันนี้อื่น ๆ ที่นายกฤษณ์อาจจะต้องรับผิดเพิ่มอีกหลายกรณี
ที่ผ่านมาผมเห็นว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องภายในครอบครัว จึงไม่ต้องการออกมาพูดผ่านสื่อ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่นายกฤษณ์ และนายกรณ์ กลับใช้สื่อในการให้ร้าย กล่าวหาว่าผมเป็นคนโกงพี่โกงน้อง จนเกิดความแตกแยกในครอบครัว ผมจึงถูกบีบบังคับด้วยสถานการณ์ ให้ต้องออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน เพื่อที่จะสามารถสรุปได้ชัดเจนว่าใครกันแน่ที่โกง” นายณพกล่าว
นายณพ กล่าวด้วยว่า “แม้ว่าหลายปีที่ผ่านมา ผมและลูกๆ จะพยายามเข้าไปพบคุณพ่อที่บ้านหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับโอกาสให้เข้าไปกราบคุณพ่อเลย เพราะความขัดแย้งของพี่น้อง ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นเลยในครอบครัวของเรา ผมและหลานๆ ยังคงรัก และเคารพคุณพ่ออย่างสูงเช่นเดิม และยังคงเฝ้ารอโอกาสที่จะได้เข้าไปกราบคุณพ่อเสมอ”
@เงินลงทุนซื้อหุ้น WEH ไม่ใช่เงินกงสี แต่มาจากการกู้
เมื่อถามว่า เงินที่นายณพนำไปซื้อหุ้น WEH จากนายนพพร มาจากเงินของครอบครัวณรงค์เดชหรือไม่ นายณพ กล่าวว่า “ผมจ่ายเงินก้อนแรกไป 90.5 ล้านเหรียญ ก้อนหลังอีก 85.75 ล้านเหรียญ รวมเป็นเงิน 6,000 กว่าล้านบาท มีเงินที่ผมกู้ยืมจากครอบครัวอยู่ส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนน้อยมาก แล้วมีการใช้คืนไปพร้อมดอกเบี้ย เหลืออีกไม่เท่าไหร่ ถ้าเอาตามที่พี่ชายผม (นายกฤษณ์) พูด ก็เหลืออยู่ 500-600 ล้านบาท
คำถามของผม คือ 500-600 ล้านบาท กับ 6,000 ล้านบาท ถามว่าเป็นเจ้าของได้หรือครับ และก็ไม่ได้ร่วมลงทุนนะ เพราะคำว่าลงทุนและเงินกู้ สะกดก็ไม่เหมือนกัน นัยยะก็ไม่เหมือนกัน ความหมายคนละเรื่องกัน สัญญากู้เงินมีชัดเจน และยืนยันว่าไม่เคยมีการนำเครดิตของครอบครัวณรงค์เดชมาใช้เลย ขอย้ำว่าไม่มีเลย เป็นการใช้ตัวโครงการค้ำประกัน ในครอบครัวไม่มีใครค้ำประกันเลย แม้กระทั่งเรื่องการซื้อหุ้นก็ไม่มี เป็นเงินที่ผมจัดหามาเองทั้งหมด”
นายณพ ย้ำว่า “การที่ผมกู้เงิน (จากครอบครัว) เนื่องจากเป็นบัญชีร่วม และผมก็เฉพาะส่วนที่เป็นของผมเอง แล้วได้มีการคืนและชำระดอกเบี้ยไปแล้ว อีกส่วนหนึ่งกู้จากบริษัทฯ (เคพีเอ็น แลนด์) ก็มีการชำระคืนไปบางส่วนแล้ว พร้อมดอกเบี้ยด้วยเช่นกัน ซึ่งเคพีเอ็น แลนด์ ผมก็ถือหุ้นอยู่ 1 ใน 3 ส่วนที่เหลือผมจัดหาจากแหล่งทุนภายนอก สิ่งที่ผมพูด ผมพูดด้วยพยานหลักฐานทั้งสิ้น ผมไม่ได้พูดลอยๆ แล้วเรื่องนี้ก็มีการพิสูจน์กันในศาลฯหลายรอบแล้ว”
@‘คุณหญิงกอแก้ว’ชี้ศาลฯตัดสินไม่เคยปลอมลายเซ็นใคร
คุณหญิงกอแก้ว กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่ได้ออกมาพูดหรือให้ข่าวอะไร เพราะต้องการความชัดเจนของกฎหมายและศาลฯ ซึ่งบัดนี้ก็ชัดเจนแล้ว ตนไม่ได้โกงใคร ไม่ได้ปลอมลายเซ็นใครตามที่กล่าวหา โดยที่ผ่านมามีการเผยแพร่ข่าวที่ไม่ครบถ้วน ทำให้สาธารชนเข้าใจผิด
“ดิฉันในวัย 70 ปีแล้ว ครอบครัวของดิฉันอยู่อย่างสงบ ร่มเย็นเป็นสุข แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างสบายๆ ไม่ได้ต้องการอะไรของใคร วันหนึ่งเมื่อลูก (นายณพ) มาขอความช่วยเหลือ ดิฉันก็ต้องช่วยเหลือ เพราะเขาเป็นพ่อของหลาน 2 คน และเป็นสามีของลูกสาว วันนั้น ไม่มีใครให้ความช่วยเหลือเขาเลย และก็ไม่มีใครอยากจะยุ่งกับบริษัทนี้ ดิฉัน เมื่อรักลูก รักหลาน ก็ต้องรักลูกเขยด้วย วันนั้นถ้าดิฉันไม่ได้ซื้อหุ้นวินด์ฯไว้ บริษัทอาจถึงขั้นล้มละลาย
เพราะธนาคารไทยพาณิชย์ ก็จะไม่ให้สินเชื่อ ดิฉันรู้สึกว่า ณพเขามาพูดกันดิฉันเป็นคนสุดท้าย เพื่อความช่วยเหลือ ดิฉันจึงตัดสินใจว่า จะให้ความช่วยเหลือ แต่มีเงื่อนไขว่า แม่จะไม่ออกหน้า ณพ หาคนที่เชื่อใจและไว้ใจได้มาใส่ชื่อแทนแม่ เมื่อวินด์ฯพ้นวิกฤติ ดิฉันไม่เคยเลยว่าเหตุการณ์วุ่นวายจะเกิดขึ้น เมื่อวินด์ฯพ้นวิกฤติและทำรายได้ปีละหลายพันล้าน เมื่อนั้นคดีความต่างๆการกล่าวหาก็มา เพื่อต้องการอยากได้หุ้น
ถ้าคุณลงทุน คุณก็ต้องได้หุ้น ถ้าคุณไม่ลงทุน คุณย่อมไม่มีสิทธิ์ อันนี้เป็นข้อที่ชัดเจน เมื่อไม่ลงทุน แต่อยากได้หุ้น เมื่อไม่ได้หุ้นก็เบี่ยงเบน หลักฐาน ความจริงทุกอย่าง การเงิน เรามีครบ ไม่ใช่พูดไปเรื่อย พูดไม่ครบ พูดเบี่ยงเบน ไม่ครบประโยค ไม่ครบเรื่อง ทำให้คนอื่นได้รับความเสียหาย พูดแต่เพียงบางส่วน หยิบมาทำให้คนอื่นได้รับความเสียหาย
ดิฉันขอให้สังคมลองย้อนกลับไปตอนนั้น บริษัทฯซึ่งไม่มีคุณค่า ไม่มีราคา ไม่มีใครอยากได้ ดิฉันขอยืนยันว่า ดิฉันไม่เคยโกงใคร และไม่ได้ปลอมลายเซ็นใคร ตอนนี้ก็ชัดเจนแล้วว่า ศาลฯได้มีคำพิพากษาออกมาว่า ดิฉันไม่ได้โกง และไม่ได้ปลอมลายเซ็นใครอย่างที่กล่าวหา" คุณหญิงกอแก้ว กล่าว
(คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา)
@ศาลไทยกลับคำพิพากษาคดีโกงเจ้าหนี้ เหตุไม่มีเจตนาพิเศษ
ด้าน นายวีระวงค์ กล่าวถึงกรณีที่ศาลอังกฤษพิพากษาว่านายณพกับพวกโกงเจ้าหนี้ และสั่งให้รับผิดทางแพ่ง ว่า ล่าสุดศาลไทย (ศาลแขวงพระนครใต้) มีคำพิพากษากลับว่า นายณพกับพวกไม่ได้ร่วมกันโกงเจ้าหนี้ ไม่ได้โกงกลุ่มนายนพพร เพราะไม่มีเจตนาพิเศษในการทำให้บริษัทของนายนพพรไม่ได้รับการชำระหนี้ ดังนั้น คดีที่ศาลอังกฤษตัดสินไปนั้น มีอันหมดสภาพบังคับในประเทศไทย และไม่จำเป็นต้องหยิบยกมาพูดอีก
“ศาลอังกฤษบอกว่ามีเจตนาพิเศษ แต่ศาลไทยบอกว่าจะมีเจตนาพิเศษได้อย่างไร เพราะเป็นการกระทำ คือ การขายหุ้นที่มีเหตุจำเป็น และเป็นผลสืบเนื่องมาจากคุณสมบัติที่เป็นข้อด่างพร้อยของนายนพพร เป็นเหตุให้การดำเนินการของบริษัทวินด์ฯ เกิดอุปสรรคสำคัญ ซึ่งนับเป็นปัจจัยในการดำเนินธุรกิจ ทั้งหากไม่พยายามแก้ไข โดยการโอนหุ้นออกไปปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น
ย่อมส่งผลเสียต่อมูลค่าทรัพย์สิน หุ้นจะด้อยค่าลงไปเรื่อยๆจนกระทั่งเป็นศูนย์ รวมทั้งมูลค่าของธุรกิจที่จะต้องดำเนินการต่อไปภายหน้า ความเสียหายดังกล่าวจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ลงทุนรายอื่นที่เกี่ยวข้องในกิจการดังกล่าวด้วย เพราะฉะนั้นเจตนาพิเศษเรื่องนี้ไม่มี เขามีเจตนาอยู่อย่างเดียว คือ ต้องแก้ให้ได้ เพื่ออย่างน้อยเปลี่ยนหุ้นเป็นเงินเท่าที่มูลค่าในวันนั้นยังมีอยู่ ส่วนใครได้ไปแล้ว จะแก้ปัญหาอย่างไรก็ได้” นายวีระวงค์ กล่าว
เมื่อถามว่า กรณีที่นายนพพร นำคำพิพากษาของศาลอังกฤษไปพยายามพิทักษ์ทรัพย์สินของจำเลยทั้ง 14 ราย เช่น การบังคับคดีกับผู้ถือหุ้น GML (บริษัท โกลเด้น มิวสิค จำกัด) ซึ่งอยู่ในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง จะมีการต่อสู้อย่างไร นายวีระวงค์ กล่าวว่า “คนเราเก่ง และเชี่ยวชาญคนละแบบ เอาเป็นว่านอกประเทศไทยเราไม่ขอให้ความเห็น แต่ในประเทศไทยมันจบไปแล้ว และเท่าที่ผมสัมผัส เขาไม่มีความรู้มากมายอะไรเกี่ยวกับประเทศไทย”
(วีระวงค์ จิตต์มิตรภาพ)
อ่านประกอบ :
สรุปคำพิพากษาศาลอังกฤษ พฤติการณ์ 'ณพ ณรงค์เดช' คดีหุ้น WEH 3 หมื่นล.-SCB ไม่เกี่ยวข้อง
พยานเท็จเพียบ เปิดคำพิพากษาศาลอังกฤษสั่ง 'ณพ ณรงค์เดช-พวก'ชดใช้ 3 หมื่น ล. คดีหุ้นวินด์
ศาลอังกฤษยกฟ้อง SCB- พิพากษาให้ 'ณพ ณรงค์เดช' ร่วมชดใช้ 3 หมื่นล้านคดีโกง 'หุ้นวินด์'
สื่อนอกตีข่าวผู้ต้องหา112 ฟ้อง’SCB-ณพ ณรงค์เดช’ เรียก 5.7 หมื่น ล.ปมขายหุ้นวินด์
‘คุณหญิงกอแก้ว-โกลเด้นมิวสิคฯ’ฟ้อง‘เกษม ณรงค์เดช’ชดใช้ค่าทนายคดีโอนหุ้นที่ฮ่องกง 64 ล.
ศึกสายเลือด'ณรงค์เดช' : พลิกคำพิพากษาศาลอาญา ใครเป็นเจ้าของ'หุ้นวินด์ฯ'หมื่นล.?
ฟ้องนัว 9 คดี-รอศาลชี้ขาด! ย้อนศึกสายเลือด‘ณรงค์เดช’ ชิงหุ้น‘วินด์เอนเนอร์ยี่ฯ’หมื่นล.
หลังโดนพ่อแท้ๆ แจ้งความ! 'ณพ-คุณหญิงกอแก้ว' ให้ปากคำคดีปลอมเอกสารซื้อขายหุ้นวินด์ฯ แล้ว
สดจากครอบครัว'ณรงค์เดช' ในวันที่ พ่อ-ลูก-แม่ยาย แตกหักฟ้องร้องคดี
เปิดตัว 3 บ.ฮ่องกง คู่กรณี 'ณพ ณรงค์เดช' ในคดีศึกชิงหุ้น วินด์ เอนเนอร์ยี่ฯ หมื่นล.
เปิดธุรกิจหมื่นล. 3 พี่น้องเคพีเอ็นกรุ๊ป ก่อนขับ‘ณพ’พ้นกงสี ปมหุ้น WEH ขุมข่าย 50 บริษัท
บ.วินด์ แจง'กรณ์ ณรงค์เดช' ปูดจัดประชุมด่วนช่วงไปตปท.ไม่จริง-ยันให้แสดงความเห็นทุกวาระ