‘สภาพัฒน์’ เผยสถานการณ์ความยากจนของไทยดีขึ้น หลังเศรษฐกิจฟื้นตัวจากโควิด ล่าสุดจำนวน ‘คนจน’ ลดเหลือ 4.4 ล้านคน พร้อมยกข้อมูล 'ธนาคารโลก' ระบุไทยมีความเหลื่อมล้ำด้านรายได้สูงเป็นอันดับ 4 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก-แปซิฟิก
....................................
เมื่อวันที่ 27 ต.ค. นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานของธนาคารโลก “Thailand Rural Income Diagnostic: Challenges and Opportunities for Rural Farmers” เมื่อวันที่ 20 ต.ค.2565 ที่ระบุถึงความยากจน ความแตกต่างกันของความยากจนระหว่างพื้นที่ และสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำของรายได้ในประเทศไทยนั้น สศช. ขอชี้แจงข้อเท็จจริงในประเด็นต่างๆ ดังนี้
ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจของไทยหดตัวอย่างรุนแรง โดยในปี 2563 เศรษฐกิจไทยหดตัวถึง 6.2% และส่งผลให้ผู้ว่างงานมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 6.5 แสนคน หรือเพิ่มขึ้น 74.4% หรือคิดเป็นอัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้นจาก 1.0% เป็น 1.69% ซึ่งส่งผลให้สัดส่วนคนจนเพิ่มขึ้นจาก 6.26% ในปี 2562 หรือจำนวนคนจน 4.3 ล้านคน เพิ่มเป็น 6.83% ในปี 2563 หรือมีจำนวนคนจน 4.7 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม ในปี 2564 สถานการณ์ความยากจนปรับตัวดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว โดยสัดส่วนคนจนลดลงมาอยู่ที่ 6.32% หรือมีคนจนเหลือเพียง 4.4 ล้านคน เท่านั้น
ทั้งนี้ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ภาคเกษตรกรรมเป็นภาคเศรษฐกิจที่ดูดซับประชากรที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ขณะเดียวกัน ในช่วงปี 2563 ภาคเกษตรได้รับอานิสงค์จากราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยในช่วงเวลาดังกล่าวราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้น 6.05% และส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้ดีขึ้น โดยสะท้อนได้จากดัชนีรายได้ของเกษตรกรเพิ่มขึ้น 2.27% ในปี 2563
นอกจากนี้ เมื่อหากพิจารณารายได้ต่อหัวระหว่างปี 2562 และ 2564 พบว่า คนที่อาศัยนอกเขตเทศบาลเป็นกลุ่มที่มีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าคนที่อาศัยในเขตเทศบาล โดยในปี 2562 รายได้เฉลี่ยของคนที่อาศัยนอกเขตเทศบาลอยู่ที่ 7,588 บาท บาทต่อคนต่อเดือน และเพิ่มขึ้นเป็น 8,130 บาทต่อคนต่อเดือนในปี 2564 หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 7.14%
ส่วนคนที่อาศัยในเขตเมืองมีรายได้อยู่ที่ 11,712 บาทต่อคนต่อเดือนในปี 2562 และเพิ่มเป็น 12,018 บาทต่อคนต่อเดือนในปี 2564 หรือเพิ่มขึ้น 2.61% เท่านั้น และเมื่อพิจารณาเป็นรายภูมิภาค พบว่า ภาคใต้เป็นภูมิภาคที่มีปัญหาความยากจนสูงที่สุด โดยมีสัดส่วนคนจน 11.6% หรือมีจำนวนคนจน 1.1 ล้านคน รองลงมาเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร โดยมีสัดส่วนคนจน 11.5%, 6.84%, 3.24% และ 0.49% ตามลำดับ
ส่วนเรื่องความเหลื่อมล้ำด้านรายได้นั้น พิจารณาจากค่าสัมประสิทธิ์ความไม่เสมอภาค (GINI Coefficient) มีแนวโน้มลดลง แต่จากผลกระทบของโควิด-19 ทำให้ค่าสัมประสิทธิ์ฯในปี 2564 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 0.429 ในปี 2562 เป็น 0.430 อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาเปรียบเทียบในกลุ่มภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก จากข้อมูลที่ปรากฏในฐานข้อมูลของธนาคารโลก พบว่า ไทยมีความเหลื่อมล้ำด้านรายได้สูงเป็นอันดับ 4 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก
สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยนั้น เศรษฐกิจไทยในปี 2562 ขยายตัว 2.2% ชะลอตัวลงจาก 4.2% ในปีก่อนหน้า โดยเป็นผลมาจากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก อันเนื่องมาจากมาตรการกีดกันทางการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลักโดยเฉพาะสหรัฐฯ และจีน และในปี 2563-2564 เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจทั่วโลกรวมถึงเศรษฐกิจไทย
อย่างไรก็ดี รัฐบาลได้มีการดำเนินมาตรการเพื่อลดกระทบและเยียวยาผู้ที่ได้ผลกระทบจากการแพร่ระบาด อาทิ โครงการเราชนะ โครงการ ม.33 เรารักกัน และโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ รวมถึงการออก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมฯ วงเงินไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท
และพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ฯ เพิ่มเติม พ.ศ.2564 วงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้แก่ประชาชนซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรค รวมทั้งมาตรการต่างๆ ซึ่งมีส่วนสำคัญยิ่งในการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศให้ปรับตัวดีขึ้น
ขณะที่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 สถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มลดระดับความรุนแรงลง มีการกระจายวัคซีนให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปี 2564 กลับมาขยายตัวที่ 1.5% ปรับตัวดีขึ้นจากการหดตัว 6.2% ในปี 2563 ส่วนอัตราการว่างงานปรับลดลงมาอยู่ที่ 1.6% ในไตรมาสที่สุดท้ายของปี 2564 จาก 1.9% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
“เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ยังคงได้รับแรงส่งจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากปีก่อน ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องที่ 2.3% และ 2.5% ในไตรมาสแรกและไตรมาสที่สอง ตามลำดับ สอดคล้องกับการฟื้นตัวของตลาดแรงงาน โดยอัตราการว่างงานในไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 1.4% ต่ำสุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาด” นายดนุชา ระบุ
อ่านประกอบ :
ส่องกลยุทธ์'แผนพัฒนาชาติฯฉบับ 13' แก้โจทย์'ยากจนข้ามรุ่น'-TDRI จี้สกัดทุนใหญ่ผูกขาด
'อดีตผู้ว่าฯธปท.'ห่วง 5 ปีคอร์รัปชันไทยแย่ลง-เหลื่อมล้ำสูง-ทุนใหญ่เอาเปรียบผู้บริโภค
วิรไท สันติประภพ : เกษตรกรตกไปอยู่ใน ‘กับดักหนี้’ โจทย์สำคัญที่ต้องแก้ไข
'วิรไท'ชี้'เกษตรกรรายย่อย'ปรับตัวยาก เหตุติด'กับดักหนี้'-TDRI แนะรัฐลดอุดหนุนซ้ำซ้อน
3 ปี อุดหนุน 3.2 แสนล้าน ประกันราคา 'ข้าว' แต่ทำไม 'ชาวนา' ยังอยู่ในวังวน 'หนี้สิน'?
57 วัน 'ม็อบชาวนา' ปักหลักชุมนุม เรียกร้องรัฐโอนหนี้ 4 ธนาคารเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ
“ยากจนข้นแค้น” “ยากจนเหลือทนทาน”
เปิดแผนแม่บทเฉพาะกิจ ‘โควิด’ ตั้งเป้า 2 ปี ‘ดัน 5 เครื่องยนต์ศก.ใหม่-ลดยากจน’