‘ศาลปกครองสูงสุด’ มีคำสั่ง ‘ยกเลิก’ คำสั่งทุเลาการบังคับ คดีระงับลงนามสัญญาโครงการท่อส่งน้ำ EEC เปิดทาง ‘กรมธนารักษ์’ เซ็นสัญญากับผู้ชนะการประมูลได้
..................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ศาลปกครองกลาง นัดฟังคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ชี้ขาดคำร้องอุทธรณ์คำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา ฉบับลงวันที่ 15 ส.ค.2565 ระหว่าง บมจ. จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก หรือ อีสท์วอเตอร์ (ผู้ฟ้องคดี) และคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนในการจัดให้เช่า/บริหารระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ที่ 1 กับพวกรวม 3 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี)
โดยศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้ ‘ยกเลิก’ คำสั่งทุเลาการบังคับการดำเนินการตามประกาศเชิญชวนเอกชนเพื่อบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ฉบับลงวันที่ 10 ก.ย.2564 ซึ่งมีผลเป็นการระงับการดำเนินการลงนามในสัญญาโครงการบริหารและดำเนินการกิจการระบบท่อส่งน้ำภาคตะวันออก ไว้เป็นการชั่วคราวก่อนการพิพากษาหรือมีคำสั่งชี้ขาดคดี หรือจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
“ศาลปกครองสูงสุดพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในคดีนี้ ศาลปกครองชั้นต้นได้รับคำฟ้องไว้เป็นคดีตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 และศาลปกครองชั้นต้นได้ดำเนินการตามข้อ 72/1 แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543 และมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับการดำเนินการตามประกาศเชิญชวนเอกชนเพื่อบริหารและดำเนินการระบบท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออก ฉบับลงวันที่ 10 กันยายน 2564
กรณีจึงเห็นได้ว่า กรณีนี้ เป็นการพิจารณาการทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง ที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดี ไม่ใช่การกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองอย่างใดๆ เพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา แม้ผู้ฟ้องคดีจะมีคำขอตามข้อ 4 ให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามหยุดการกระทำละเมิด โดยให้งดเว้นการกระทำใดๆ ตามกระบวนการคัดเลือกเอกชนตามประกาศเชิญชวนเอกชนเพื่อบริหารและดำเนินการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ลงวันที่ 10 กันยายน 2564
แต่ในการบรรยายฟ้องไม่ได้อ้างความเสียหาย และมีคำขอเรียกค่าเสียหายจากการกระทำดังกล่าว คำขอในส่วนนี้ จึงเป็นคำขอที่ประสงค์ให้ศาลกำหนดวิธีการเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราว คดีนี้ จึงมิใช่คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดที่จะขอมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาได้
เมื่อคดีนี้เป็นคดีพิพาทตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 แต่เมื่อพิจารณาคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา ที่ขอให้ระงับการลงนามสัญญา ในวันที่ 3 สิงหาคม 2565 ฉบับ ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2565 ของผู้ฟ้องคดี
โดยอ้างว่า จะมีการลงนามในสัญญาระหว่างผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 กับผู้ร้องสอด โดยผู้ร้องสอดสามารถชำระเงินค่าแรกเข้าเพื่อทำสัญญาเป็นเงินจำนวน 580,000,000 บาท ได้ ทั้งๆ ที่ผู้ร้องสอดได้เป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอค่าแรกเข้าเพื่อทำสัญญาเป็นเงินจำนวน 1,450,000,000 บาท มาตั้งแต่ต้นในชั้นการยื่นข้อเสนอคัดเลือกฯ จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และยังเป็นการกระทำช้ำและจงใจกระทำต่อไปซึ่งการละเมิดหรือการกระทำที่ถูกฟ้องร้อง
จึงเห็นได้ว่า คำขอของผู้ฟ้องคดีเป็นการขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสาม โดยเฉพาะผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 หยุดดำเนินการลงนามในสัญญากับผู้ร้องสอดในวันที่ 3 สิงหาคม 2565 เพื่อรอให้ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาในคดีนี้ก่อน และขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามหยุดดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามประกาศเชิญชวนเอกชนเพื่อบริหารและดำเนินการท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ฉบับลงวันที่ 10 กันยายน 2564 หรือประกาศเชิญชวนเอกชนฯ ครั้งที่ 2 ไว้ก่อนเป็นการชั่วคราว เพื่อรอให้ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาในคดีนี้ก่อน
โดยอ้างว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ตั้งใจกระทำช้ำหรือกระทำต่อไป ซึ่งการละเมิดหรือการกระทำที่ถูกฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 255 (2) (ก) คำขอของผู้ฟ้องคดีดังกล่าว จึงเป็นคำขอให้ศาลกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองอย่างใดๆ เพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา ซึ่งคำขอดังกล่าวเป็นคำขอบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา มิใช่คำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง ที่เป็นเหตุพิพาทคดีนี้
ศาลปกครองชั้นต้น จึงไม่อาจรับคำขอบรรเทาทุกข์ชั่วคราวมาพิจารณาในคดีที่ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครองได้ ตามนัยมติของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ครั้งที่ 16/2560 ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2560
การที่ศาลปกครองชั้นต้นรับคำขอเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาลงวันที่ 1 สิงหาคม 2565 และมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับการดำเนินการตามประกาศเชิญชวนเอกชนเพื่อบริหารและดำเนินการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ฉบับลงวันที่ 10 กันยายน 2564 ซึ่งมีผลเป็นการให้ระงับการดำเนินการลงนามในสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ในวันที่ 3 สิงหาคม 2565 เป็นการฉุกเฉินตามข้อ 72/1 แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543 ไว้เป็นการชั่วคราวก่อนการพิพากษาหรือมีคำสั่งชี้ขาดคดีหรือจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น นั้น ศาลปกครองสูงสุดไม่เห็นพ้องด้วย
จึงมีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นเป็นยกคำขอของผู้ฟ้องคดี” คำสั่งศาลปกครองสูงสุด คำร้องที่ 989/2565 คำสั่งที่ 650/2565 ลงวันที่ 21 ก.ย.2565 ระบุ
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า จากคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดดังกล่าว ส่งผลให้กรมธนารักษ์สามารถเดินหน้าลงนามในสัญญาโครงการบริหารและดำเนินการกิจการระบบท่อส่งน้ำภาคตะวันออก กับ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ได้
นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา ว่า ตนได้รับรายงานว่า ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองชั้นต้นที่ให้ระงับการลงนามสัญญาโครงการบริหารและดำเนินการกิจการระบบท่อส่งน้ำภาคตะวันออกแล้ว แต่กรมฯต้องขอดูรายละเอียดคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดก่อนว่าเป็นอย่างไรก่อนจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป นั่นก็คือการลงนามสัญญากับเอกชนที่ชนะการประมูล
"เราคงต้องมาหารือกันก่อนว่า จะทำอะไร อย่างไรต่อไป และวันไหน เพราะแม้ว่าคำสั่งศาลจะถึงที่สุดแล้ว แต่เราจะต้องดูเนื้อหาของคำสั่งก่อนว่า ศาลเขียนว่าอย่างไร และอยู่ในบริบทที่ทำให้เราสามารถเซ็นสัญญาได้หรือไม่ แค่ไหน" นายประภาศกล่าว
ก่อนหน้านี้ กรมธนารักษ์เปิดประมูลโครงการบริหารท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออก (ครั้งที่สอง) โดยเปิดให้เอกชนยื่นซองเมื่อวันที่ 28 ก.ย.2564 ผลปรากฏว่า บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด เสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้ภาครัฐสูงสุด เป็นเงิน 25,693.22 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญา 30 ปี รองลงมา คือ อีสท์วอเตอร์ เสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้ภาครัฐ เป็นเงิน 24,212.88 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญา 30 ปี
อ่านประกอบ :
‘อัยการ’ ยื่นคำร้อง ‘ศาลปค.’ ขอยกเลิกคำสั่งระงับเซ็นสัญญาโครงการท่อส่งน้ำ EEC
‘ธนารักษ์’เตรียมถก‘อัยการ’หาช่องอุทธรณ์ หลัง‘ศาลปค.’สั่งระงับเซ็นสัญญาท่อส่งน้ำ EEC
เปิดคำสั่ง'ศาลปค.'! ระงับเซ็นสัญญาท่อส่งน้ำ EEC อ้างเหตุจ่าย'ค่าแรกเข้า'ขัดทีโออาร์
ยกเลิกรอบสอง! ‘ธนารักษ์’เลื่อนเซ็นสัญญาท่อส่งน้ำ EEC หลัง‘ศาลปค.’สั่งคุ้มครองชั่วคราวฯ
ผลสอบฯชี้ไม่มีอะไรผิดกม.! ‘ธนารักษ์’ยันเดินหน้าเซ็นสัญญาท่อส่งน้ำ‘อีอีซี’ 3 ส.ค.นี้
'ยุทธพงศ์' เล็งยื่น ป.ป.ช.เอาผิด รมว.-รมช.คลัง ประมูลโครงการท่อส่งน้ำ EEC ไม่เป็นธรรม
‘กรมธนารักษ์’แจ้ง‘วงษ์สยามฯ’เซ็นสัญญาท่อส่งน้ำ‘อีอีซี’ 3 ส.ค.นี้ พร้อมวางเงิน 743 ล.
อภิปรายไม่ไว้วางใจ :‘ยุทธพงศ์’ อัดท่อส่งน้ำอีอีซี เอื้อเอกชน ‘สันติ’ โต้ทำตามผลศึกษา-คำสั่งศาล
‘วงษ์สยามก่อสร้างฯ’ยื่นหนังสือร้อง‘บิ๊กตู่’ ขอให้สั่งการเร่งรัดเซ็นสัญญาท่อส่งน้ำ EEC