‘วงษ์สยามก่อสร้างฯ’ ทำหนังสือถึง ‘บิ๊กตู่’ ขอให้สั่งการเร่งรัดการลงนามสัญญาโครงการ ‘ท่อส่งน้ำ’ EEC เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ภาครัฐ
....................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดย บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ได้ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ พิจารณาสั่งการให้มีการเร่งรัดการลงนามสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อหน่วยงานภาครัฐต่อไป
“เนื่องจากขณะนี้ใกล้ครบกำหนดระยะเวลา 30 วัน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มีคำสั่งให้ตรวจสอบเพิ่มเติมแล้ว และเพื่อให้การเตรียมการต่างๆ สำหรับการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกเป็นไปตามแผนงานตามข้อเสนอโครงการฯ บริษัทฯ จึงขอความอนุเคราะห์จากท่านนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ผู้มีอำนาจหน้าที่กำกับโดยทั่วไปซึ่งการบริหารราชการแผ่นดิน
โปรดพิจารณาสั่งการ เพื่อดำเนินการเร่งรัดลงนามสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อหน่วยงานภาครัฐต่อไป” หนังสือของ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด เรื่อง ขอความอนุเคราะห์เร่งรัดการลงนามสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ลงวันที่ 4 ก.ค.2565 ระบุ
สำหรับหนังสือของ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด มีรายละเอียด ดังนี้ ตามที่คณะกรรมการที่ราชพัสดุ ได้มีมติในการประชุม ครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 14 มี.ค.2565 เห็นชอบให้ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้ได้รับสิทธิบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ซึ่งต่อมากรมธนารักษ์ได้นัดหมายลงนามสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกกับบริษัทฯ เมื่อวันที่ 3 พ.ค.2565
แต่เมื่อถึงกำหนดการดังกล่าว กรมธนารักษ์ ได้เลื่อนการลงนามออกไปก่อน โดยไม่ทราบสาเหตุ จนถึงขณะนี้กรมธนารักษ์ยังไม่ได้แจ้งกำหนดนัดหมายลงนามสัญญาใหม่ นั้น
ต่อมา บริษัทฯ ได้ทราบข้อเท็จจริงผ่านทางสื่อต่างๆ เพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2565 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบริหารจัดการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก โดยล่าสุดสื่อได้มีการนำเสนอว่า เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2565 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ตีกลับเรื่องการตรวจสอบให้กรมธนารักษ์ เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม ในประเด็นเรื่องของปริมาณน้ำ ปริมาณน้ำต่อปี ขนาดของท่อ ความจุท่อ
รวมถึงอีกหลายๆประเด็นที่ยังเป็นข้อกังขาในขณะนี้ โดยให้เวลาเพิ่ม 30 วัน เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการดำเนินการ ทั้งนี้ เมื่อการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการบริหารจัดการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกได้ข้อสรุปเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า กระบวนการเปิดประมูลโครงการดังกล่าวเป็นไปอย่างถูกต้อง โปร่งใส แต่การตรวจสอบเพิ่มเติมที่เกี่ยวกับระบบท่อส่งน้ำนั้น เป็นไปเพื่อให้เกิด ความมั่นใจการดำเนินงานเท่านั้น
ดังนั้น การจัดให้มีการลงนามสัญญาจึงเป็นการรักษาผลประโยชน์ของภาครัฐโดยชอบธรรม เนื่องจาก บริษัทฯ เป็นผู้เสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้ภาครัฐสูงสุดที่ 25,693.22 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญา 30 ปี โดยเมื่อมีการลงนามในสัญญาโครงการฯ บริษัทฯ จะต้องชำระผลประโยชน์ตอบแทนให้กรมธนารักษ์ ประกอบด้วย (1) ค่าแรกเข้าเพื่อทำสัญญาเป็นเงินจำนวน 1,450,000,000 บาท (2) ผลประโยชน์ตอบแทนรายปีให้แก่คู่สัญญาฝ่ายรัฐ
และ (3) ผลประโยชน์ตอบแทนรายปีจากส่วนแบ่งรายได้การขายน้ำ เฉลี่ยปีละ 856,440,666.67 บาท ซึ่งมากกว่าที่กรมธนารักษ์ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากผู้เช่ารายเดิม (East Water) โดยผู้เช่ารายเดิมจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน รวมตลอดระยะเวลาเช่า 23 ปี (ตั้งแต่ปี 2540-2563) เป็นเงินค่าตอบแทนประมาณ 341,750,244.00 บาท คิดคำนวณเฉลี่ยปีละ 14,858,706.26 บาท เพียงเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังเป็นประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรมและอุปโภคบริโภค เนื่องจาก เงื่อนไขในสัญญาโครงการฯ ได้กำหนดให้บริษัทฯ ต้องขายน้ำดิบตลอดอายุสัญญา 30 ปี ในราคาเฉลี่ยไม่เกิน 10.98 บาท/หน่วย
อนึ่ง เนื่องจากขณะนี้ใกล้ครบกำหนดระยะเวลา 30 วัน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มีคำสั่งให้ตรวจสอบเพิ่มเติมแล้ว และเพื่อให้การเตรียมการต่างๆ สำหรับการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกเป็นไปตามแผนงานตามข้อเสนอโครงการฯ
บริษัทฯ จึงขอความอนุเคราะห์จากท่านนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ผู้มีอำนาจหน้าที่กำกับโดยทั่วไปซึ่งการบริหารราชการแผ่นดิน โปรดพิจารณาสั่งการ เพื่อดำเนินการเร่งรัดลงนามสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อหน่วยงานภาครัฐต่อไป
อ่านประกอบ :
เปิดงบ ‘วงษ์สยามฯ’ พบปี 64 กำไร 289 ล้าน โตพุ่ง 517% ก่อนจี้รัฐเซ็นสัญญาท่อส่งน้ำ EEC
ผลสอบ'ท่อส่งน้ำอีอีซี'เบื้องต้นไม่พบผิดปกติ'สันติ'ย้ำไม่มีใครสั่ง'คลัง'ให้เซ็นสัญญาได้
งบประมาณ 2566 : 'สันติ'แจงไทม์ไลน์ประมูลท่อส่งน้ำอีอีซี นายกฯสั่งสอบให้หายเคลือบแคลง
‘ธนารักษ์’ขีดเส้นตาย‘อีสท์วอเตอร์’ส่งแผนคืน‘ทรัพย์สิน’ท่อส่งน้ำ EEC ภายใน 15 มิ.ย.นี้
‘วงษ์สยามฯ’ จี้ ‘รมว.คลัง’ เร่งรัดเซ็นสัญญาท่อน้ำ EEC ล่าช้ารัฐเสียหาย 41 ล./เดือน
‘ธนารักษ์’ส่งเอกสารให้ DSI สอบ‘อีสท์วอเตอร์’ ส่อเลี่ยงภาษี-ลักลอบเชื่อมท่อส่งน้ำ EEC
‘รมว.คลัง’ เซ็นคำสั่งตั้ง ‘วิจักษณ์’ นั่งประธานสอบข้อเท็จจริงฯ ประมูลท่อส่งน้ำ EEC
DSI สอบ‘อีสท์วอเตอร์’ส่อเลี่ยงภาษีท่อส่งน้ำ-‘ธนารักษ์’แจ้งความขัดขวางตรวจทรัพย์สิน
เงินหล่นหาย! โครงการประมูลระบบท่อส่งน้ำอีอีซี 2.5 หมื่นล้าน
อ้างโควิด! ‘อีสท์วอเตอร์’แจ้ง‘ธนารักษ์’ เลื่อนลงพื้นที่ตรวจท่อส่งน้ำ EEC ไม่มีกำหนด
ประภาศ คงเอียด : แจงยิบประมูล‘ท่อส่งน้ำ’ 2.5 หมื่นล. หลังเลื่อนเซ็นสัญญา‘วงษ์สยามฯ’
'บิ๊กตู่'สั่ง'คลัง'ตั้ง กก.ดูประมูลท่อส่งน้ำอีอีซี ยังไม่เซ็นสัญญา รอผลสอบข้อเท็จจริง
ผู้ใหญ่ในรบ.โทรสั่ง! ‘ธนารักษ์’แจ้งเลื่อนเซ็นสัญญาท่อส่งน้ำ EEC 2.5 หมื่นล. กะทันหัน
จ่ายก้อนแรก 743 ล้าน! 'ธนารักษ์'เรียก'วงษ์สยามฯ'เซ็นสัญญาท่อส่งน้ำ'อีอีซี' 3 พ.ค.นี้