‘กรรมการที่ราชพัสดุ’ 2 ราย ทำหนังสือแจ้ง 'สันติ-อธิบดีกรมธนารักษ์' ขอให้นัดประชุม ‘บอร์ดที่ราชพัสดุ’ ชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมผลการประมูล ‘ท่อส่งน้ำ’ อีอีซี 2.5 หมื่นล้าน อีกรอบ ขณะที่ ‘ประภาศ’ ระบุบอร์ดอาจมีการ 'ลงมติใหม่' ใหม่ได้
.................................
สืบเนื่องจากกรณีที่เมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการที่ราชพัสดุ ที่มีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เป็นประธานฯ มีมติ 6 ต่อ 4 ให้ชะลอการพิจารณาอนุมัติผลการคัดเลือกเอกชนในโครงการบริหารท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออก ซึ่ง บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้เสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้ภาครัฐสูงสุด เนื่องจากเสียงส่วนใหญ่เห็นว่าให้รอคำพิพากษาศาลปกครองกลางก่อน นั้น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา กรรมการที่ราชพัสดุอย่างน้อย 2 ราย ได้ทำหนังสือถึงนายสันติ ในฐานะประธานคณะกรรมการที่ราชพัสดุ และอธิบดีกรมธนารักษ์ ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการที่ราชพัสดุ โดยขอจัดให้มีการประชุมคณะกรรมการที่ราชพัสดุ เพื่อให้มีการชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการคัดเลือกเอกชนในในโครงการบริหารท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออกอีกครั้ง
สำหรับหนังสือฉบับแรก เป็นหนังสือ ด่วนที่สุดที่ กห 0213/223 ลงวันที่ 22 ก.พ.2565 เรื่อง ขอให้จัดประชุมคณะกรรมการที่ราชพัสดุ เพื่อทบทวนวาระการประชุมคณะกรรมการที่ราชพัสดุ ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 11 ก.พ.2565 ลงนามโดย พล.ต.ปพน ไชยเศรษฐ ผู้อำนวยการสำนักการโยธาธิการ สำนักงานสนับสนุน สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ส่งไปถึง รมช.คลัง (ประธานคณะกรรมการที่ราชพัสดุ) ซึ่งเนื้อหาว่า
“ตามที่กรมธนารักษ์ มีหนังสือเรียน ปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะกรรมการที่ราชพัสดุ เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการที่ราชพัสดุ ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ 1 อาคารกระทรวงการคลัง รายละเอียดตามอ้างถึง นั้น
สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ขอเรียนว่า ได้ส่งผู้แทนปลัดกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการที่ราชพัสดุดังกล่าว ได้รับทราบว่า ในการประชุมวาระพิจารณาที่ 3.3 เรื่อง “การให้ความเห็นชอบการดำเนินการผลการคัดเลือกเอกชน ร่างสัญญาและเงื่อนไขสำคัญของสัญญา กรณีโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก” ที่ประชุมฯ มีมติให้ชะลอการดำเนินการโดยให้รอฟังคำพิพากษาศาลปกครองกลาง
และให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการที่ราชพัสดุตรวจสอบ หากปรากฏข้อเท็จจริงที่จะเป็นประโยชน์ต่อคู่สัญญาฝ่ายรัฐ ให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการที่ราชพัสดุชี้แจง ให้คณะกรรมการที่ราชพัสดุแต่ละท่านทราบ
ซึ่งสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้คณะกรรมการที่ราชพัสดุทุกท่านทราบข้อเท็จจริงพร้อมกัน จึงขอให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการที่ราชพัสดุจัดประชุมเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงดังกล่าว ให้คณะกรรมการที่ราชพัสดุทราบ จึงเรียนมาเพื่อกรุณาพิจารณาดำเนินการต่อไป”
ส่วนหนังสือฉบับที่ 2 เป็นหนังสือ ด่วนมากที่ ทส 0232/756 ลงวันที่ 22 ก.พ.2565 เรื่อง การพิจารณาข้อมูลเพิ่มเติม ลงนามโดยนายพิชิต สมบัติมาก ผู้ช่วยปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปฏิบัติราชการแทนปลัด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่งไปถึงอธิบดีกรมธนารักษ์ โดยเนื้อหาว่า
“ตามที่คณะกรรมการที่ราชพัสดุได้มีการประชุม ครั้งที่ 1/2565 วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 การพิจารณาเรื่องการให้ความเห็นชอบการดำเนินการผลการคัดเลือกเอกชน ร่างสัญญาและเงื่อนไขสำคัญของสัญญา กรณีโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำหลักในภาคตะวันออก นั้น
สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยนายพิชิต สมบัติมาก ผู้แทนขอเรียนว่า ได้รับทราบผลการประชุมพิจารณาวาระดังกล่าวแล้ว มีความเห็นว่า ในการประชุมในครั้งนี้ยังไม่ชัดเจน ในรายละเอียดเกี่ยวกับผลกระทบที่รัฐจะได้รับจากการชะลอการดำเนินการ เพื่อรอฟังคำพิพากษาศาลปกครองกลาง
ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ จึงเห็นควรให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการที่ราชพัสดุจะได้พิจารณาข้อเท็จจริงดังกล่าว หากปรากฎว่ามีรายละเอียดที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ ก็ขอให้ดำเนินการให้คณะกรรมการที่ราชพัสดุได้ร่วมกันพิจารณาต่อไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและพิจารณา”
นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการที่ราชพัสดุ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา ว่า มีกรรมการที่ราชพัสดุบางรายทำหนังสือถึงนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการที่ราชพัสดุ ขอให้มีการจัดประชุมคณะกรรมการที่ราชพัสดุ เพื่อให้มีการชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการคัดเลือกเอกชนในในโครงการบริหารท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออก
“เรื่องนี้ท่าน รมช.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการที่ราชพัสดุ จะต้องสั่งการลงมาว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯเอง กำลังรอว่าท่านจะสั่งการลงมาอย่างไร หากท่านรัฐมนตรีสั่งการลงมาให้มีการประชุมใหม่ ก็ต้องมีการประชุมใหม่” นายประภาศ กล่าวและว่า ขณะนี้ฝ่ายเลขานุการฯได้มีการรวบรวมผลดี-ผลเสีย และความเสี่ยงต่างๆที่จะเกิดขึ้น เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมให้กับที่ประชุมคณะกรรมการที่ราชพัสดุรับทราบ
นายประภาศ ระบุว่า หากการประชุมคณะกรรรมการฯในครั้งหน้า มีเสนอวาระการพิจารณา เรื่อง การให้ความเห็นชอบการดำเนินการผลการคัดเลือกเอกชน ร่างสัญญาและเงื่อนไขสำคัญของสัญญา กรณีโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำหลักในภาคตะวันออก ให้ที่ประชุมพิจารณาอีก ที่ประชุมอาจจะมีการพิจารณาลงมติว่า จะให้ความเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนหรือไม่ก็ได้
“ถ้าหากว่ามีข้อมูลและเหตุผลความจำเป็นใหม่ ที่ประชุมก็สามารถจัดประชุมใหม่ และมีมติใหม่ได้ เพราะในการประชุมใหม่นั้น จะมีการนำเสนอข้อเท็จจริงใหม่เข้ามาให้คณะกรรมการฯพิจารณา จึงไม่ใช่เป็นการกลับมติอะไร แต่อย่างใด” นายประภาศ กล่าว
สำนักข่าวอิศรารายงานเพิ่มเติมว่า ในการเปิดประมูลโครงการบริหารท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออก ครั้งที่สอง ซึ่งคณะกรรมการคัดเลือกฯ เปิดให้เอกชนยื่นซองเมื่อวันที่ 28 ก.ย.2564 ผลปรากฏว่า บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด เสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้ภาครัฐสูงสุด 25,693.22 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญา 30 ปี เอาชนะ บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW) หรือ ‘อีสท์วอเตอร์’ ซึ่งเสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้ภาครัฐ 24,212.88 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญา 30 ปี
อ่านประกอบ :
สะพัด! กก.‘ที่ราชพัสดุ’ 4 ราย กลับลำรับรองผลประมูล ‘ท่อส่งน้ำ’ อีอีซี 2.5 หมื่นล้าน
มติ 6 ต่อ 4! ‘บอร์ดที่ราชพัสดุ’ ชะลออนุมัติผลประมูล ‘ท่อส่งน้ำ’ อีอีซี 2.5 หมื่นล้าน
ศึกชิง‘ท่อส่งน้ำ’อีอีซี 2.5 หมื่นล. ‘วงษ์สยาม-อีสท์วอเตอร์’ ก่อนบอร์ดที่ราชพัสดุชี้ขาด
ชง ‘บอร์ดที่ราชพัสดุ’ อนุมัติผลประมูลบริหาร ‘ท่อส่งน้ำ’ อีอีซี 2.5 หมื่นล. 11 ก.พ.นี้