‘อธิบดีกรมธนารักษ์’ เผยเตรียมเสนอผลการประมูลบริหาร ‘ท่อส่งน้ำ’ ภาคตะวันออก 30 ปี ให้ ‘คณะกรรมการที่ราชพัสดุ’ พิจารณา 11 ก.พ.นี้ ‘วงษ์สยามก่อสร้าง’ เสนอประโยชน์ตอบแทนสูงสุด 2.5 หมื่นล้านบาท
..................................
นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยกับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า ในวันที่ 11 ก.พ.นี้ กรมฯจะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการที่ราชพัสดุ พิจารณาผลการคัดเลือกเอกชนในโครงการบริหารท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออก (จัดให้เช่า/บริหารระบบท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออก) ซึ่ง บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูล โดยได้รับคะแนนประเมินสูงสุด
“จะมีการเสนอผลการประมูลโครงการฯ (บริหารท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออก) ให้ที่ประชุมคณะกรรมการที่ราชพัสดุ ส่วนผลจะเป็นอย่างไร ต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมคณะกรรมการที่ราชพัสดุ” นายประภาศ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด เสนอประโยชน์ผลตอบแทนในโครงการบริหารท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออกให้กับภาครัฐสูงสุด โดยเสนอผลประโยชน์ตอบแทนเป็นจำนวนเงิน 25,693.22 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญา 30 ปี เอาชนะคู่แข่งที่เสนอผลประโยชน์ตอบแทนฯ เป็นอันดับ 2 คือ บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW) หรือ ‘อีสท์วอเตอร์’ ซึ่งเสนอประโยชน์ตอบแทนให้กับภาครัฐเป็นจำนวนเงิน 24,212.84 ล้านบาท
ส่วนกรณีที่ EASTW ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ขอให้ศาลฯมีคำสั่งเพิกถอนมติคณะกรรมการคัดเลือกฯ ที่แจ้งยกเลิกการประมูลโครงการบริหารท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออก เมื่อวันที่ 16 ก.ค.2564 (เปิดประมูลครั้งที่ 1) และขอให้ระงับการเปิดประมูลโครงการบริหารท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออก เมื่อวันที่ 10 ก.ย.2564 (เปิดประมูลครั้งที่ 2) นั้น นายประภาศ กล่าวว่า ที่ผ่านมาศาลปกครองได้มีคำสั่งไม่คุ้มครองชั่วคราวแล้ว และคำสั่งยังระบุด้วยว่า การยกเลิกการประมูลครั้งที่ 1 เป็นสิทธิโดยชอบของกรมธนารักษ์
“ถ้าศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราว ก็จบเลย แต่นี่ศาลสั่งไม่คุ้มครองฯ และในคำสั่งยังบอกด้วยว่า การยกเลิกเป็นสิทธิโดยชอบของกรมธนารักษ์ ดังนั้น ถ้าธนารักษ์นั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไร ก็จะเกิดเป็นประเด็นอีก และสังคมก็จะถามว่า เมื่อศาลสั่งไม่คุ้มครองแล้ว ถ้าเราไม่เดินหน้าต่อ ก็จะมีปัญหาได้” นายประภาศ กล่าว
นายประภาศ ยังกล่าวถึงกรณีที่ EASTW อ้างมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อปี 2535 ว่า ครม.มีมติอนุมัติในหลักการให้ EASTW เป็นองค์กรหลักที่พัฒนาและดูแลท่อส่งน้ำดิบสายหลักในพื้นที่ชายฝั่งภาคตะวันออก ว่า ตนยังไม่เห็นมติ ครม. ที่ EASTW กล่าวอ้างถึง และหากมีมติ ครม.จริง ก็ต้องพิจารณาว่ามติ ครม.ดังกล่าว เป็นคำสั่งหรือเป็นนโยบาย และจะมีผลชั่วนิรันดร์หรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อมีการตรากฎหมายฉบับใหม่ๆออกมา มติ ครม.นั้น จะต้องยกเลิกหรือไม่
“ผมไปดูว่า มติครม.ที่ว่านั้น อยู่ตรงไหน แต่ก็ไม่มี ถ้ามี ก็ขอให้เอามา ไม่ใช่มากล่าวอ้างกันลอยๆ และก็ต้องดูด้วยว่า มติ ครม. ที่ว่า คืออะไร เป็นคำสั่งหรือเป็นนโยบาย ที่สำคัญเมื่อมีกฎหมายใหม่ๆออกมา สถานะมติ ครม.นั้นๆ จะเลิกไปเลยหรือเปล่า เราจึงต้องตีความว่าชั่วนิรันดร์หรือไม่ ซึ่งผมว่าไม่น่าจะใช่” นายประภาศ ย้ำ
สำหรับโครงการบริหารท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออก ปัจจุบันมี บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW) เป็นผู้บริหารจัดการท่อส่งน้ำ โดยเป็นการเช่าท่อจากกรมธนารักษ์ ซึ่งประกอบด้วย ท่อส่งน้ำ 4 เส้นหลัก ได้แก่ โครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ ,โครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ-แหลมฉบัง ระยะที่ 1 ,โครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ-แหลมฉบัง ระยะที่ 2 และโครงการท่อส่งน้ำดอกกราย-มาบตาพุด-สัตหีบ ซึ่ง EASTW จะสิ้นสุดสัญญาเช่าและส่งมอบท่อส่งน้ำคืนกรมธนารักษ์ในปี 2565 และปี 2567