ป.ป.ช. เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา 'วิชัย ไพรสงบ' ดำเนินการขุดคลองหราไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 8 พิพากษาลงโทษ จำคุก 6 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา พวก 2 ราย 'ประจวบ ก้ามจำรูญ' อดีตนายก อบต. นบปริง 'มาโนชญ์ ฐิระพันธ์' กำนัน โดนด้วย คุก 7 ปี , 4 ปี 8 เดือน ตามลำดับ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายวิชัย ไพรสงบ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา กับพวก 2 ราย คือ นายประจวบ ก้ามจำรูญ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลนบปริง อำเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงา และนายมาโนชญ์ ฐิระพันธ์ อดีตกำนันตำบลนบปริง อำเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงา กรณีดำเนินโครงการขุดคลองหราเพื่ออนุรักษ์เชิงนิเวศทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือหนังสือสั่งการของทางราชการ และหลีกเลี่ยงไม่เปิดโอกาสให้มีการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม
ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157 ประกอบมาตรา 86 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 มีคำพิพากษาดังนี้
นายวิชัย ไพรสงบ จำเลยที่ 1 มีความผิดตามมาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 , 157 การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จำคุก 6 ปี 8 เดือน
นายประจวบ ก้ามจำรูญ จำเลยที่ 2 มีความผิดตามมาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 จำคุก 7 ปี
นายมาโนชญ์ ฐิระพันธ์ จำเลยที่ 3 มีความผิดตามมาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 จำคุก 4 ปี 8 เดือน
ให้นับโทษจำคุก นายประจวบ ก้ามจำรูญ จำเลยที่ 2 ต่อจากโทษจำคุกในคดีหมายเลขดำ ที่ อท 50/2561 หมายเลขแดง ที่ อท 4/2562 ของศาลนี้
ทั้งนี้ คดียังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งหมด มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 ลงมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่ฎีกาคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อ่านประกอบ :
- ยืนโทษ คุก 10 ปี! อดีตนายก อบต.คำเขื่อนแก้ว เรียกรับเงินตอบแทนจ่ายโบนัส พนง.
- คุก 5 ปี ริบเงิน 1 แสน! อดีตรองนายกเทศฯ นครศรีธรรมราช เรียกเงินติดตั้งมาตรวัดน้ำประปา
- ศาลอุทธรณ์ แก้โทษ อดีตเกษตรจว.สุรินทร์ ให้จำคุก 24 ปี 32 ด.-คืนเงิน 1.3 แสน
- ศาลอุทธรณ์ ยืนโทษคุก 1 ปี อดีตที่ปรึกษา กสม. แก้สัญญาเพิ่มเงินเดือนช่วยงานไทยพีบีเอส