“…เรามีโอกาสได้กำไร เพราะนี่ไม่ใช่ซื้อหุ้น แต่เป็นการซื้อที่ดินและตัวอาคาร โดยในปี 2563 มีการประเมินว่าที่ดินและอาคารยูทาวเวอร์มีราคา 2,000 ล้านบาท แต่พอมาปี 2564 ราคาเพิ่มเป็น 3,500 ล้านบาท ดังนั้น ในอีก 7 ปีข้างหน้า ราคาน่าจะเพิ่มขึ้นอีก เพราะเมื่อมีความเจริญขึ้น ราคาที่ดินและตึกก็สูงขึ้นแน่ ดังนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าเราประมาทเลินเล่อ…”
..................................
จากกรณีที่เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (สอ.จฬ.) มีมติเสียงข้างมากเห็นชอบโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น (สคจ.) แต่มีสมาชิกสหกรณ์ฯจำนวนหนึ่ง เห็นว่ามติของคณะกรรมการฯ สอ.จฬ. ดังกล่าว อาจจะทำให้ สอ.จฬ. ได้รับความเสียหาย นั้น (อ่านประกอบ : ร้อง'นายทะเบียน' ลงโทษกก.'สหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ' ปมอนุมัติซื้อตึกยูทาวเวอร์ 2.5 พันล.)
ล่าสุด ประเสริฐ บุญสมบูรณ์สกุล รองประธานกรรมการดำเนินการ สอ.จฬ. ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ถึงที่มาของโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ว่า สาเหตุที่ สอ.จฬ. ทำโครงการฯนี้ เนื่องจากมีสหกรณ์เจ้าหนี้ของ สคจ. รวม 71 แห่ง ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เงินฝากที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เข้ามาหารือกับ สอ.จฬ. ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เงินกู้ สคจ. ว่า สอ.จฬ. จะใช้กระบวนการสหกรณ์ฯช่วยเหลือสหกรณ์ทั้ง 71 แห่ง ได้หรือไม่
“สอ.จฬ. เป็นเจ้าหนี้เงินกู้สหกรณ์ฯคลองจั่น (สคจ.) 1,291 ล้าน แต่หนี้ตรงนี้ เรามีหลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นโฉนดที่ดิน 28 ไร่ ไม่รวมสิ่งปลูกสร้าง (อาคารยูทาวเวอร์) แต่ของสหกรณ์ 71 แห่ง ซึ่งเอาเงินไปฝากกับ สคจ. นั้น เขาไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และอาจเป็นหนี้สูญได้ ทาง 71 สหกรณ์ฯจึงรวมกลุ่มกัน แล้วมาขอให้ สอ.จฬ. ใช้กระบวนการสหกรณ์ฯเพื่อช่วยเหลือสหกรณ์ด้วยกัน จึงเป็นที่มาของโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินสหกรณ์ฯคลองจั่น” ประเสริฐ กล่าว
ประเสริฐ กล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางการดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สิน สคจ. ที่คณะกรรมการฯ สอ.จฬ. มีมติเห็นชอบหลักการฯไป นั้น สอ.จฬ. จะระดมเงินฝากจากสหกรณ์เจ้าหนี้ สคจ. ทั้ง 71 แห่ง จากนั้น สอ.จฬ. จะนำเงินฝากดังกล่าวไปซื้อที่ดินและอาคารยูทาวเวอร์ของ สคจ. โดยจะมีการทำหนังสือสัญญาระหว่าง สอ.จฬ.และ สคจ. ว่า สคจ.จะต้องซื้อที่ดินและอาคารฯคืนในอีก 7 ปีข้างหน้า หากไม่ซื้อคืน สอ.จฬ. มีสิทธินำที่ดินและอาคารฯไปขายทอดตลาดได้
“สมมุติว่าเรา (สอ.จฬ.) ระดมเงินฝากจากสหกรณ์เจ้าหนี้ฯทั้ง 71 แห่ง มาได้ 3,000 ล้านบาท เราจะหักยอดเงินที่ระดมได้ ไปจ่ายเป็นดอกเบี้ยในอัตรา 1.5% ต่อปี ให้กับสหกรณ์เจ้าหนี้ฯล่วงหน้า 7 ปี จากนั้น สอ.จฬ.จะนำเงินก้อนที่เหลือ ไปซื้อที่ดินและตึก (อาคารยูทาวเวอร์) มาเป็นของ สอ.จฬ. เพียงเจ้าเดียว อย่างไรก็ดี เงินที่ สคจ. ได้จากการขายที่ดินและตึกนั้น สคจ. ต้องนำมาจ่ายคืนหนี้เงินกู้แก่ สอ.จฬ. 1,291 ล้านบาท และจ่ายเป็นค่าเช่าตึกให้แก่ สอ.จฬ. ล่วงหน้า 7 ปี
ดังนั้น เงินสุทธิที่ สคจ. ได้จากการขายที่ดินและตึก น่าจะเหลือ 1,000 ล้านบาท และเงิน 1,000 ล้านบาทตรงนี้ จะทำให้สหกรณ์เจ้าหนี้ฯ สคจ. ทั้ง 71 แห่ง มีโอกาสเรียกเงินของเขาคืนได้บ้าง แล้วถ้าในอีก 7 ปีข้างหน้า สคจ. ไม่เอาเงินมาซื้อที่ดินและตึกคืน เราจะเอาที่ดินและตึกไปขายทอดตลาด ซึ่งคาดว่าจะขายได้ 4,000 ล้านบาท โดยเงินที่ได้มาเราจะเอาไปคืนสหกรณ์ฯ 71 แห่ง 3,000 ล้านบาท และเราน่าจะเหลือกำไรมาปันผลให้สมาชิก 300 ล้าน” ประเสริฐ กล่าว
ประเสริฐ ยังให้ข้อมูลว่า จากการที่ สอ.จฬ. จ้างบริษัท ที.เอ. มาเนจเม้นท์ คอร์โปชั่น (1999) จำกัด เข้าทำการประเมินราคาอาคารยูทาวเวอร์ พร้อมที่ดินที่เป็นที่ตั้งอาคารเนื้อที่ 28 ไร่ 3 งาน พบว่าราคาประเมิน ณ วันที่ 14 ม.ค.2564 อยู่ที่ 3,525.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่ สคจ. ประเมินว่า ราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (อาคารยูทาวเวอร์) มีมูลค่าเพียง 2,000 ล้านบาท ดังนั้น ในอีก 7 ปีข้างหน้า ตนเชื่อว่าราคาที่ดินและอาคารยูทาวเวอร์ น่าจะเพิ่มขึ้นอีก
“เรามีโอกาสได้กำไร เพราะนี่ไม่ใช่ซื้อหุ้น แต่เป็นการซื้อที่ดินและตัวอาคาร โดยในปี 2563 มีการประเมินว่าที่ดินและอาคารยูทาวเวอร์ มีราคา 2,000 ล้านบาท แต่พอมาปี 2564 ราคาเพิ่มเป็น 3,500 ล้านบาท ดังนั้น ในอีก 7 ปีข้างหน้า ราคาน่าจะเพิ่มขึ้นอีก เพราะเมื่อมีความเจริญขึ้น ราคาที่ดินและตึก ก็สูงขึ้นแน่ ดังนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่ว่า เราประมาทเลินเล่อ” ประเสริฐ ย้ำ
ประเสริฐ ระบุว่า หลังจากเมื่อวันที่ 26 ก.ค.2565 คณะกรรมการ สอ.จฬ. มีมติเห็นชอบในหลักการโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นไปแล้ว จะมีการเสนอรายละเอียดของโครงการฯ เช่น วงเงินระดมเงินฝากจากสหกรณ์ฯ 71 แห่งจะเป็นเท่าไหร่ และเงื่อนไขในการซื้อที่ดินและตึกจาก สคจ. จะเป็นอย่างไร ให้ คณะกรรมการ สอ.จฬ. พิจารณาอีกครั้ง ภายในไม่เกินกลางเดือน ก.ย.นี้ ก่อนเสนอที่ประชุมใหญ่วิสามัญลงมติให้ความเห็นชอบวันที่ 29 ก.ย.นี้
“โครงการฯน่าจะผ่านบอร์ด (สอ.จฬ.) ไม่เกินกลาง ก.ย. ซึ่งเราจะทราบตัวเลขชัดเจนว่าจะระดมเงินฝากเท่าไหร่ เงื่อนไขต่างๆเป็นอย่างไร แล้วเราจะเสนอเรื่องให้คณะอนุกรรมการลงทุนและอนุกรรมการความเสี่ยงพิจารณา ก่อนเสนอที่ประชุมใหญ่วิสามัญพิจารณา ซึ่งถ้าเจ้าของเงิน (ผู้ถือหุ้น) เห็นชอบ เราส่งให้เรื่องไปให้นายทะเบียนสหกรณ์ ถ้านายทะเบียนเห็นชอบ ก็ทำได้ แต่เราก็มีเงื่อนไขอีกว่า ถ้า 71 สหกรณ์ฯ รวมเงินมาได้ไม่ครบ เราจะยกเลิกโครงการฯได้” ประเสริฐ ระบุ
ประเสริฐ กล่าวด้วยว่า “ถ้าเราทำตรงนี้ สอ.จฬ.ก็จะได้หนี้เงินกู้ (1,291 ล้านบาท) คืนมาทั้งหมด และยังเป็นการช่วยเหลือสหกรณ์กันเองอีกด้วย ส่วนที่มีสมาชิกฯถามว่า ในเมื่อที่ดินที่ตั้งอาคารยูทาวเวอร์ สอ.จฬ. ได้ฟ้องไปแล้ว ทำไมต้องมาทำอย่างนี้ ก็ตอบว่า ต้องแยกกัน เรื่องฟ้องก็ฟ้องไป ซึ่งเราไม่รู้ว่าอีกกี่ปีเราจะได้เงินคืน ส่วนที่เราทำตรงนี้ เราไม่ได้เสียอะไรเลย และหากโครงการฯนี้สำเร็จ เราจะได้เงินมากกว่า 1,291 ล้าน”
เหล่านี้เป็นคำชี้แจงของผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ ‘โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น’ ซึ่งเป็นโครงการสมาชิก สอ.จฬ. บางส่วน มีข้อกังขาว่าอาจจะทำให้ สอ.จฬ.ได้รับความเสียหาย และต้องติดตามกันต่อไปว่า โครงการฯนี้จะเดินหน้าได้ต่อไปหรือไม่ อย่างไร!
อ่านประกอบ :
'สอ.จฬ.'โชว์ราคาประเมินตึกยูทาวเวอร์พุ่ง 3.5 พันล.-บอร์ดฯรับลูกสอบ'ลักษณะต้องห้าม'กก.
เปิดบันทึก‘นายทะเบียน’ ชี้ ปธ.-4 กรรมการ‘สอ.จฬ.’พ้นตำแหน่ง ก่อนเคาะซื้อตึกยูทาวเวอร์
ร้อง'นายทะเบียน' ลงโทษกก.'สหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ' ปมอนุมัติซื้อตึกยูทาวเวอร์ 2.5 พันล.