"...คณะทำงานติดตามข้อมูลที่ผมเป็นประธาน จะทำงานสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงตามที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงต้องการ ให้ความกระจ่างปรากฏต่อสาธารณชนโดยเร็ว และหากพบว่าผู้ใดกระทำความผิดตามกฎหมายก็จะดำเนินการต่อไปอย่างเด็ดขาด..."
.................................
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : เป็นรายละเอียดคำแถลงต่อสื่อมวลชนกรณีคดีภาษีของบริษัท โตโยต้ามอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ของ นายพงษ์เดช วานิชกิตติกูล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม วันที่ 4 มิถุนายน 2564 ณ ห้องประชุมสำนักงานศาลยุติธรรม ชั้น 12 อาคารศาลอาญา ซึ่งมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับความคืบหน้าในการติดตามตรวจสอบเรื่องนี้ของคณะทำงานติดตามข้อมูลสำนักงานศาลยุติธรรม ที่มีการส่งหนังสือขอข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและนอกประเทศแล้ว ได้แก่ ที่ปรึกษากฎหมาย บริษัทโตโยต้า อเมริกา กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกา คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา และกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงส่งเมล์ติดต่อไปยังนักข่าวที่เขียนรายงานข่าวอันเป็นต้นทางของเรื่องนี้ และจะขอเข้าร่วมสังเกตการณ์การไต่สวนของคณะลูกขุนในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกาด้วย
*************************
สวัสดีสื่อมวลชนทุกท่าน ผมขอขอบคุณทุกท่านที่กรุณาให้เกียรติมาพบกันในวันนี้ กรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวการสอบสวนเกี่ยวกับคดีภาษีของบริษัทในเครือโตโยต้าในประเทศสหรัฐอเมริกา จนกระทั่ง มีการกล่าวอ้างถึงชื่อข้าราชการและอดีตข้าราชการตุลาการผู้ใหญ่ว่าอาจมีส่วนพัวพันธ์กับเรื่องนี้ด้วยนั้น ผมขอเรียนว่า คดีที่มีการอ้างถึงเป็นคดีที่ บริษัท โตโยต้ามอเตอร์ประเทศไทย จำกัด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องหน่วยงานรัฐที่จัดเก็บภาษี เป็นจำเลย ต่อศาลภาษีอากรกลางซึ่งเป็นศาลที่มีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษา มีคำขอให้เพิกถอนการประเมินและเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของหน่วยงานที่จัดเก็บภาษี ฟ้องคดีแรกวันที่ 10 มิถุนายน 2558 ซึ่งศาลภาษีอากรกลางพิจารณาคำฟ้องแล้วมีคำสั่งให้แยกฟ้อง โจทก์จึงยื่นฟ้องคดีเข้ามาใหม่อีก 9 คดี ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 และวันที่ 10 มิถุนายน 2559 มีการสืบพยานต่อสู้คดีกันเป็นระยะเวลาปีเศษ ศาลภาษีอากรกลางจึงมีคำพิพากษาทุกคดีในวันที่ 29 กันยายน 2560 พิพากษาให้เพิกถอนการประเมินและเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ เป็นผลให้โจทก์ไม่มีความรับผิดทางภาษีอากร
ต่อมาจำเลยได้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลาง ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษรับคดีเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2561 และต่อมาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ มีคำพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ โดยอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษวันที่ 10 มิถุนายน 2562 เป็นผลให้โจทก์ต้องรับผิดชำระภาษีอากรตามการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของหน่วยงานรัฐ โจทก์จึงยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2562 ศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ฎีกาและรับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณา โดยศาลภาษีอากรกลางได้อ่านคำสั่งคดีขออนุญาตฎีกาไปเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2564 ขณะนี้คดียังอยู่ระหว่าง ศาลภาษีอากรกลางดำเนินการให้ฝ่ายจำเลยยื่นคำแก้ฎีกา ซึ่งจำเลยขออนุญาตขยายระยะเวลายื่นคำแก้ฎีกาถึงวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 หากยื่นคำแก้ฎีกาแล้วศาลภาษีอากรกลางจะรวบรวมสำนวนส่งคืน ศาลฎีกาเพื่อพิจารณาต่อไป
ดังนั้นในคดีนี้ศาลฎีกาจึงยังไม่ได้พิจารณาพิพากษาคดี เพียงพิจารณาคำร้องขออนุญาตฎีกาเท่านั้น ซึ่งการอนุญาตให้ฎีกาเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ป.วิ.พ.) มาตรา 249 ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 26 ที่กำหนดให้ศาลฎีกาพิจารณาอนุญาตให้ฎีกาเมื่อเห็นว่าปัญหาตามฎีกานั้นเป็นปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาควรวินิจฉัย เมื่อคดีนี้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ขัดแย้งกันในสาระสำคัญทั้งเกี่ยวพันกับความตกลงระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันกับประเทศไทย และยังเป็นกรณีที่ไม่มีแนวคำพิพากษาของศาลฎีกามาก่อน ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ฎีกาได้ โดยพิจารณาเพียงว่าปัญหาที่ยื่นฎีกานั้นเป็นปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาสมควรอนุญาตให้ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกาหรือไม่ ยังไม่ได้มีการพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดีแต่อย่างใด
เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีภาษีอากร ซึ่งเป็นคดีชำนัญพิเศษ ในการพิจารณาพิพากษาจะมีผู้พิพากษาที่มีความเชี่ยวชาญด้านภาษีอากรตลอดทั้งสายตั้งแต่ศาลชั้นต้นจนกระทั่งถึงศาลฎีกา โดยศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษมีการวางระบบการทำงานในรูปแบบการประชุมคดีที่เข้มข้นขององค์คณะนับตั้งแต่เริ่มเปิดทำการเป็นต้นมา โดยองค์คณะจะร่วมกันพิจารณาคดี มีผู้ช่วยผู้พิพากษาทำหน้าที่เลขานุการคณะในการทำเอกสารสรุปข้อเท็จจริง ประเด็นข้อพิพาทในคดีและข้อกฎหมาย เมื่อประชุมแล้ว ท่านผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนก็จะยกร่างคำพิพากษาตามมติการประชุม แล้วจึงส่งร่างคำพิพากษานั้นให้ผู้ช่วย ผู้พิพากษาหรือผู้ช่วยเล็ก หลังจากผู้ช่วยเล็กตรวจสำนวนแล้วจะเสนอร่างคำพิพากษาดังกล่าวต่อ ผู้พิพากษาประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาหรือเรียกว่าผู้ช่วยใหญ่ เพื่อตรวจร่างคำพิพากษาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อตรวจแล้วจะเสนอร่างคำพิพากษาดังกล่าวต่อรองประธาน เมื่อเห็นว่าเป็นคดีสำคัญจึงส่งให้ ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ หรือประธานศาลฎีกาแล้วแต่กรณีพิจารณา หากเห็นว่ามีปัญหา ข้อกฎหมายสำคัญก็จะสั่งให้นำปัญหานั้นเข้าสู่การพิจารณาโดยที่ประชุมใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยผู้พิพากษาทุกท่านในศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ มีประมาณ 70 ท่าน ส่วนศาลฎีกามี 176 ท่าน เมื่อร่าง คำพิพากษาผ่านที่ประชุมแล้วจึงจัดทำคำพิพากษาเพื่อส่งให้ศาลชั้นต้นอ่านให้คู่ความฟังต่อไป
ในส่วนของการพิจารณาคำร้องขออนุญาตฎีกาในศาลฎีกานั้น แม้จะเป็นเพียงชั้นขออนุญาตฎีกาก็ตาม แต่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งก็กำหนดจำนวนองค์คณะไว้อย่างน้อย 4 คนโดยหนึ่งในนั้นต้องเป็นรองประธานศาลฎีกาด้วย สำหรับคดีภาษีอากรนั้น คำร้องขออนุญาตฎีกาก็จะถูกพิจารณาโดยผู้พิพากษาที่อยู่ในแผนกคดีภาษีอากรในศาลฎีกาเป็นองค์คณะ ภายหลังจากองค์คณะพิจารณาแล้ว ในคดีนี้ได้นำเข้าประชุมแผนกคดีภาษีอากรในศาลฎีกา เพื่อให้ผู้พิพากษาในแผนกทุกคนได้ร่วมกันพิจารณาและลงมติ ก่อนจะที่จะมีการส่งมาให้ศาลภาษีอากรกลางอ่านคำสั่งอนุญาตให้ฎีกา จะเห็นได้ว่าขั้นตอนการพิจารณาคดีของศาลยุติธรรมในแต่ละชั้นศาลนั้นเป็นไปอย่างมีระบบ โปร่งใส มีการปรึกษาคดีและตรวจทานความถูกต้องในทุกขั้นตอนยากที่จะมีการแทรกแซงหรือกระทำการใดที่จะก่อให้เกิดผลตามที่ใครต้องการได้
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเราจะมั่นใจในระบบ แต่เมื่อมีการกล่าวอ้างว่าอาจมีการกระทำที่แทรกแซงกระบวนการ จนถึงขั้นอาจมีการเสนอให้สินบนขึ้น ซึ่งต้องยอมรับว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวกระทบต่อภาพลักษณ์และศรัทธาของประชาชนที่มีต่อศาลยุติธรรมและกระบวนการยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง สำนักงานศาลยุติธรรมจึงไม่นิ่งนอนใจ นับตั้งแต่มีการรายงานข่าวจึงได้ดำเนินการส่งหนังสือประสานขอข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบกรณีดังกล่าวในประเทศสหรัฐอเมริกาผ่านกระทรวงการต่างประเทศอย่างที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้ว
ต่อมาเมื่อในเนื้อหาข่าวปรากฏชื่อบุคคลใน ศาลยุติธรรมขึ้น สำนักงานศาลยุติธรรมจึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบและติดตามผลโดยที่ผมเป็นประธานคณะทำงานด้วยตัวเอง คณะทำงานชุดนี้มีอำนาจหน้าที่ติตามหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับกรณีนี้ ซึ่งผมได้ดำเนินการส่งหนังสือขอข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและนอกประเทศแล้ว ได้แก่ ที่ปรึกษากฎหมาย บริษัทโตโยต้า อเมริกา กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกา คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา และกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงส่งเมล์ติดต่อไปยังนักข่าวที่เขียนรายงานข่าวอันเป็นต้นทางของเรื่องนี้ และจะขอเข้าร่วมสังเกตการณ์การไต่สวนของคณะลูกขุนในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกาด้วย
ต่อมาวันที่ 31 พฤษภาคม ท่านเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา ได้อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ.2543 ลงนามในคำสั่งแต่งตั้ง “คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง” 4 ท่าน ประกอบด้วยผู้พิพากษาชั้นฎีกาและชั้นอุทธรณ์ ซึ่งมีผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา เป็นประธานกรรมการฯ และมีผู้พิพากษาชั้นศาลฎีกาและชั้นศาลอุทธรณ์เป็นกรรมการ โดยให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชุดนี้มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการสอบสวนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในประกาศคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) กรณีข้าราชการตุลาการถูกกล่าวหาหรือเป็นที่สงสัยว่ากระทำผิดวินัย ให้เสร็จโดยเร็ว
ทั้งนี้ ให้กรรมการชุดนี้เสนอความเห็นว่ากรณีมีมูลเป็นความผิดวินัยร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรง หรือไม่มีมูลความผิดทางวินัย หากมีมูลความผิดทางวินัยก็ให้พิจารณาด้วยว่าเป็นความผิดวินัยตามบทมาตราใด และควรได้รับโทษสถานใด เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป และหากสอบสวนพบข้อเท็จจริงมีบุคคลอื่นใดเป็นผู้กระทำผิด หรือพบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมจากที่ระบุในคำสั่งนี้ ก็ให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชุดนี้ดำเนินการสอบสวนไปด้วยในคราวเดียวกัน
คณะทำงานติดตามข้อมูลที่ผมเป็นประธาน จะทำงานสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงตามที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงต้องการ ให้ความกระจ่างปรากฏต่อสาธารณชนโดยเร็ว และหากพบว่าผู้ใดกระทำความผิดตามกฎหมายก็จะดำเนินการต่อไปอย่างเด็ดขาด
ดังนั้น หากพี่น้องประชาชน สื่อมวลชน หรือหน่วยงานใดมีข้อมูลหรือข้อเท็จจริงที่จะช่วยให้ เรื่องนี้กระจ่างชัด ทุกท่านสามารถส่งข้อมูลมายังสำนักงานศาลยุติธรรมได้ตลอดเวลา โดยคณะทำงานติดตามข้อมูลจะดำเนินการทุกวิถีทางให้เร็วที่สุด และสำนักงานศาลยุติธรรมจะเสนอผลความคืบหน้าของการทำงานต่อพี่น้องประชาชน และสื่อมวลชนเป็นระยะ
การพบปะสื่อมวลชนในวันนี้ นอกจากจะยืนยันการตรวจสอบและดำเนินการกับผู้กระทำผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาดและจริงจังแล้ว ผมขอให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนและสังคมว่า หากคดีนี้เข้าสู่การพิจารณาของศาลฎีกา คู่ความจะได้รับความเป็นธรรมทุกอย่างตามพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน องค์คณะในศาลฎีกาจะพิจารณาคดีอย่างไม่หวั่นไหว ส่วนการให้สินบนตามข่าวหากมีจริงก็เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการและดำเนินคดีต่อไป
อ่านประกอบ :
กลินท์ สารสิน : ให้ถามฝ่ายบริหารโตโยต้าไทยปมสินบนคดีพรีอุสหมื่นล้าน
3 ผู้พิพากษา มอบอำนาจ สนง.ศาล ยธ. แจ้งความ ปอท. เอาผิดคนแพร่ข้อมูลเท็จปมสินบนโตโยต้า
เปิดข้อมูลลับโตโยต้า! สอบสวน บ.ลูกไทย จ่ายสินบน พ.ศาลฎีกาพลิกคดีภาษีหมื่นล.
พลิกปูม! คดีภาษีพรีอุสหมื่นล. ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับโตโยต้าแพ้-ยื่นฎีกาต่อแล้ว
ศาลยุติธรรม แจงคดีสินบนโตโยต้า หากมีผู้พิพากษาทุจริตจริงจะลงโทษอย่างเด็ดขาด!
เอ็กซ์คลูซีฟ! เปิดคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ 'โตโยต้า’แพ้คดีภาษี’พรีอุส’หมื่นล.ก่อนขอฎีกา
2 พ.ศาลฎีกาปฏิเสธ! เว็บLaw360 อ้างผลสอบเปิดชื่อรับสินบนพลิกคดีภาษีพรีอุสหมื่นล.
เร่งขอข้อมูลสหรัฐฯ! ศาล ยธ.สั่งสอบ สื่อนอกเปิดชื่อผู้พิพากษารับสินบนพลิกคดีภาษีพรีอุส
ไม่เป็นความจริง! สนง.กม.อันนานนท์ ปฏิเสธจ่ายสินบนพลิกคดีภาษีพรีอุสหมื่นล.
ไสลเกษ วัฒนพันธุ์ : 2 ผู้พิพากษาไม่เคยมาหาหรือพูดคุยเรื่องคดีภาษีพรีอุส
สนง.กม.อันนานนท์ แจ้งเอาผิดเว็บ LAW360-เจ้าของบทความ ยันไม่มีเอี่ยวเรื่องสินบนโตโยต้า
ชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม : ทำไม 'โตโยต้าไทย' ไม่ออกมาชี้แจงคดีสินบนภาษีพรีอุส
ทรงพล อันนานนท์ : ผมไม่ใช่เส้นทางการจ่ายสินบนพลิกคดีภาษีพรีอุสหมื่นล้าน
'อิศรา' ถามข้ามโลก! เปิดตัว 'แฟรงค์ จี. รันยอน' LAW 360 ผู้ตีแผ่สินบนพลิกคดีภาษีพรีอุส
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage