ปตท.แจ้ง ตลท. ชี้แจงข่าวหนังสือ DSI ตอบศาลอาญาคดี GGC ขายน้ำมัน OR ว่อนเน็ต เชื่อเป็นความพยายามกลุ่มบุคคลเจตนาไม่สุจริต เป้าประสงค์บ่อนทำลายชื่อเสียง ใช้ "บัญชีอวตาร" ลิงก์ต่างประเทศเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เตรียมดำเนินการตามกม. เผยปัจจุบันศาลยังไม่ได้รับคำฟ้อง ผลสอบภายในยันพบธุรกรรมที่เกิดขึ้นเป็นการดำเนินธุรกิจตามปกติเพื่อประโยชน์ 2 บริษัท
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ในช่วงเย็นวันที่ 28 พ.ย.2567 ภายหลังปรากฏข่าวมีผู้นำข้อมูลหนังสือกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แจ้งตอบกลับศาลอาญา กรณีมีหมายเรียกพยานเอกสาร สรุปข้อเท็จจริง สรุปบันทึกถ้อยคำพยานบุคคล และพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในเรื่องสืบสวนประเด็นที่บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาขบ) (GGC) ลดราคาขายน้ำมัน B100 ให้กับบริษัท ปตท น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (PTTOR) ในไตรมาสที่ 2/2566 ในคดีหมายเลขดำที่ อ.1260/2567 ลงวันที่ 14 ส.ค.2567 มาเผยแพร่ในโลกออนไลน์
บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือชี้แจงข่าวต่อ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุว่า ข่าวดังกล่าวเป็นความพยายามของกลุ่มบุคคลที่มีเจตนาไม่สุจริต พยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมทั้งพยายามกล่าวหาและโจมตีผู้บริหารฯ มาโดยตลอด มีลักษณะเป็นการกระทำที่มีเป้าประสงค์เพื่อบ่อนทำลายชื่อเสียงของ ปดท. ใช้บัญชีสื่อสังคมออนไลน์ที่เป็น "บัญชีอวตาร" และยังมีการใช้ลิงก์จากต่างประเทศเพื่อให้ดาวน์โหลดหนังสือของดีเอสไอ หลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบและการดำเนินการทางกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ ปตท. อยู่ระหว่างการดำเนินการตามกฎหมายเพื่อปกป้องชื่อเสียงของกลุ่ม ปดท. พร้อมยืนยันในความมุ่งมั่นต่อการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและมีธรรมาภิบาล และจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น
หนังสือ บมจ. ปตท. ระบุว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะกล่าวอ้างว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ "สรุปสำนวนเชื่อว่า" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ("ปดท.") และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ บริษัท ปดท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ("OR") (รวมเรียกว่า "ผู้บริหารฯ") เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีการเผยแพร่ลิงก์จากต่างประเทศเพื่อให้ดาวน์โหลดหนังสือจากกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้น
ปตท. ขอเรียนชี้แจงดังนี้
1. ข่าวดังกล่าวมีที่มาจากการที่มีตัวแทนของกลุ่มบุคคลที่มีเจตนาไม่สุจริต โดยได้เข้ามาถือหุ้นในบริษัทในเครือของ ปตท. เพียง 100 หุ้น เพื่อใช้เป็นฐานในการยื่นฟ้องคดีผู้บริหารฯ ต่อศาล โดยใช้ข้อกล่าวหาที่ปราศจากมูลความจริง และมีเจตนาสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของ ปตท. บริษัทในเครือ ปตท. และผู้บริหารฯ
2. ข่าวดังกล่าวมีเนื้อหาที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง หนังสือของกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้น เป็นเพียงเอกสารที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวนำมาอ้างเป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ปัจจุบัน ศาลยังไม่ได้รับคำฟ้องดังกล่าวและกรมสอบสวนคดีพิเศษยังไม่ได้มีการสรุปสำนวนตามที่มีการกล่าวอ้างในข่าวดังกล่าวแต่อย่างใด
3. ปตท.เชื่อว่าข่าวดังกล่าวเป็นความพยายามของกลุ่มบุคคลที่มีเจตนาไม่สุจริต ซึ่งพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมทั้งพยายามกล่าวหาและโจมตีผู้บริหารฯ มาโดยตลอด โดยกลุ่มบุคคลที่มีเจตนาไม่สุริตดังกล่าวได้ยื่นเรื่องตามที่ปรากฎเป็นข่าวต่อ ปตท. ให้ ปตท. ตรวจสอบในปี 2566 ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบของ ปตท. และคณะกรรมการตรวจสอบของบริษัทจดทะเบียนในเครือ ปตท. ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอีก 3 แห่ง ได้แก่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) บริษัท ปดท. น้ำมันและการค้ำปลีก จำกัด (มหาชน) และบริษัท โกลบอลกรีน เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อกล่าวหาแล้ว ผลการตรวจสอบปรากฏว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวปราศจากมูลความจริง ธุรกรรมที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของการดำเนินธุรกิจตามปกติและเป็นไปเพื่อประโยชน์ของทั้ง OR และบริษัท โกลบอลกรีนเคมีคอล จำกัด (มหาชน)
4. การกระทำของกลุ่มบุคคลที่มีเจตนาไม่สุจริตในการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์ มีลักษณะเป็นการกระทำที่มีเป้าประสงค์เพื่อบ่อนทำลายชื่อเสียงของ ปดท. กลุ่มบริษัทในเครือของ ปตท. และผู้บริหารฯ ผ่านกลยุทธ์ที่สะท้อนถึงความไม่ไปร่งใส และเจตนาแอบแฝง เช่น การเริ่มต้นเผยแพร่หรือแชร์เอกสารผ่านบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ที่เป็น "บัญชีอวตาร" ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นบัญชีปลอมหรือไม่สามารถระบุตัวตนผู้ใช้ได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ยังมีการใช้ลิงก์จากต่างประเทศเพื่อให้ดาวน์โหลดหนังสือของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบและการดำเนินการทางกฎหมาย
5. ปตท. อยู่ระหว่างการดำเนินการตามกฎหมายเพื่อปกป้องชื่อเสียงของกลุ่ม ปดท. ขอให้นักลงทุนใช้วิจารณญาณในการพิจารณาข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ และหลึกเลี่ยงการเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลที่อาจบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด สร้างความเสียหายต่อกลุ่ม ปตท. และส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นโดยสถานการณ์ดังกล่าว อาจเปิดโอกาสให้กลุ่มบุคคลบางกลุ่มแสวงหาผลประโยชน์ในทางที่ไม่เหมาะสม ในขณะที่ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับผลกระทบด้านลบ นักลงทุนจึงควรตรวจสอบและพิจารณาข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือก่อนตัดสินใจดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน
ท้ายนี้ ปดท. ขอยืนยันในความมุ่งมั่นต่อการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและมีธรรมาภิบาล และจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถือ
(นางสาวภัทรลดา สง่าแสง)
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน (ดูหนังสือตัวจริงประกอบ)
(
อ่านข่าวประกอบ :