"...ต่อไปนี้ เป็นรายละเอียดคำพิพากษาฉบับเต็ม ในส่วนพฤติการณ์การกระทำความผิดจำเลยทั้ง 6 ราย ในคดีนี้ ซึ่งถูกตรวจสอบพบว่ามีการเบิกจ่ายเงินโครงการที่อยู่นอกขอบวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จำนวน 41 โครงการ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่มหาวิทยาลัย เข้าข่ายมีลักษณะเป็นการอนุมัติจ่ายเงินตามอำเภอใจหรือโดยอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัว..."
ISRA-EXCLUSIVE : คดีทุจริตเรื่องที่ 2 ของ ศาสตราจารย์ หรือ นายประกอบ วิโรจนกูฏ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
กรณีถูกกล่าวหาทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ในการเบิกจ่ายเงินรายได้ของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีจากบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ชื่อบัญชี “เงินสนับสนุนการบริการวิชาการและพัฒนามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี" ไม่ถูกต้องตามระเบียบการเบิกจ่ายเงินจากคลังการเก็บรักษาเงินและการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. 2551 เป็นเหตุให้มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีได้รับความเสียหาย ซึ่งถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญาพร้อมพวกรวม 6 ราย นั้น
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำรายละเอียดผลคำพิพากษา ศาลอาญาคดีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 3 ที่ตัดสินลงโทษ ศาสตราจารย์หรือนายประกอบ วิโรจนกูฏ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และพวกรวม 6 ราย รวมไปถึงบทบาทหน้าที่จำเลยแต่ละราย มานำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบไปแล้วว่า
ศาสตราจารย์หรือนายประกอบ วิโรจนกูฏ จำเลยที่ 1 ถูกพิพากษาลงโทษจําคุกกระทงละ 5 ปี รวม 41 กระทง เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจําคุก 50 ปี
ส่วน รองศาสตราจารย์หรือนายสัมมนา มูลสาร จำเลยที่ 2 อดีตรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (สมัยจำเลยที่ 1) ถูกตัดสินลงโทษรวม 10 กระทง จําคุก 30 ปี 40 เดือน และปรับ 30,000 บาท
รองศาสตราจารย์หรือนายทวีคูณ สวรรค์ตรานนท์ จำเลยที่ 3 อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (สมัยจำเลยที่ 1) ถูกตัดสินลงโทษรวม 7 กระทง จําคุก 21 ปี 28 เดือน และปรับ 21,000 บาท
รองศาสตราจารย์หรือนายสมหมาย ชินนาค จำเลยที่ 4 อดีตรองอธิการบดีฝ่ายวิจัยมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (สมัยจำเลยที่ 1) ถูกตัดสินลงโทษ รวม 5 กระทง จําคุก 18 ปี 24 เดือน และปรับ 18,000 บาท
นายสุภชัย หาทองคำ จำเลยที่ 5 อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีฝ่ายบริหาร (สมัยจำเลยที่ 1) ถูกตัดสินลงโทษรวม 17 กระทง เมื่อรวมโทษทุกกระทง แล้วคงจําคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 41 (3) และปรับ 51,000 บาท
นางวนิดา บุญพราหมณ์ จำเลยที่ 6 ตำแหน่งนักวิชาการการเงินและบัญชีชำนาญการ ถูกตัดสินลงโทษ รวม 40 กระทง เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจําคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) และปรับ 120,000 บาท
อย่างไรก็ดี จําเลยที่ 2 ถึงที่ 6 โทษจําคุกให้รอการลงโทษไว้คนละ 3 ปี ให้คุมประพฤติไว้ 2 ปี โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 8 ครั้ง และทํางานบริการสังคมคนละ 24 ชั่วโมง ตามเงื่อนไขกําหนด ระยะเวลาที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 (ที่แก้ไขใหม่) นับโทษจําเลยที่ 1 ต่อจากโทษจําคุกของจําเลยในคดีเก่าของศาลนี้
ส่วนเหตุผลของศาลฯ ที่ให้รอการลงโทษจำคุก จําเลยที่ 2 ถึงที่ 6 เพราะเห็นว่า เป็นข้าราชการในมหาวิทยาลัยทําคุณประโยชน์ให้แก่ราชการมานาน อีกทั้งเงินที่จําเลยทั้งหกร่วมกันเบิกจ่าย แม้เป็นเงินรายได้ของมหาวิทยาลัยแต่ก็ไม่ใช่เงินงบประมาณของแผ่นดิน โครงการที่นําเงินไปใช้จ่ายส่วนมากเป็นของหน่วยงานราชการภายนอก ความเสียหายมีไม่มากนัก สมควรให้โอกาสจําเลยที่ 2 ถึงที่ 6 กลับตนเป็นพลเมืองดี
- คดีที่ 2! คุก 41 กระทง 50 ปี ‘ศ.ประกอบ' อดีตอธิการฯม.อุบล ทุจริตเบิกจ่ายเงินรายได้
- ไขคำพิพากษาคดีทุจริตเงิน ม.อุบลฯ : พวก 5 ราย 'ศ.ประกอบ' โทษคุกนับสิบปี ได้รอลงอาญา?
ต่อไปนี้ เป็นรายละเอียดคำพิพากษาฉบับเต็ม ในส่วนพฤติการณ์การกระทำความผิดจำเลยทั้ง 6 ราย ในคดีนี้ ซึ่งถูกตรวจสอบพบว่ามีการเบิกจ่ายเงินโครงการที่อยู่นอกขอบวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จำนวน 41 โครงการ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่มหาวิทยาลัย เข้าข่ายมีลักษณะเป็นการอนุมัติจ่ายเงินตามอำเภอใจหรือโดยอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัว
**********
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า ในการปฏิบัติหน้าที่จำเลยทั้งหกมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา เนื่องจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้ทำบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานโครงการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและบุคลากรในหน่วยงานทั้งสอง โดยมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการโครงการฝึกอบรม โดยมีพื้นที่รับผิดชอบดำเนินการฝึกอบรม จำนวน 10 จังหวัด ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2546 ถึงเดือนธันวาคม 2546 ภายหลังจากดำเนินโครงการสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2546 แล้ว มีเงินรายได้จากค่าลงทะเบียนจัดอบรมที่เหลือจ่ายจากการค่าเนินงาน 22 ล้านบาท ที่ประชุมงานโครงการพัฒนาบุคลากรท้องถิ่นได้มีมติให้ส่งเงินเหลือจ่าย 15 ล้านบาท ให้แก่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
ส่วนที่เหลือให้กันสำรองไว้ใช้จ่ายในการปฏิบัติงาน 15 ล้านบาท จึงเป็นเงินรายได้ของมหาวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พ.ศ. 2533 มาตรา 10 และตามระเบียบมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีว่าด้วยการเงินและทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พ.ศ. 2534 ข้อ 3 และข้อ 5และประกาศมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีว่าด้วยการจัดกิจกรรมทางวิชาการของมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2534 ข้อ 7 และ ข้อ 10
แต่จำเลยที่ 1 ไม่ได้นำเงินเหลือจ่ายจากการดำเนินโครงการ จำนวน 15 ล้านบาทเข้าเป็นเงินรายได้ของมหาวิทยาลัย ได้สั่งการด้วยวาจาให้จำเลยที่ 6 ทำการเปิดบัญชีธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) สาขาวารินชำราบ ประเภทออมทรัพย์ บัญชีเลขที่ XXX (บัญชีที่ใช้ในการรับฝากเงิน) และประเภทกระแสรายวัน บัญชีเลขที่ XXX (บัญชีที่ใช้สำหรับถอนเงิน) ในนามส่วนราชการมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ชื่อบัญชี “เงินสนับสนุนการบริการวิชาการและพัฒนามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี” ซึ่งเป็นบัญชีเงินฝากที่เปิดคู่กันไป โดยไม่พบวัตถุประสงค์ในการเปิดบัญชีเป็นลายลักษณ์อักษร และไม่พบว่ามีการกำหนดขอบเขตและวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินจากบัญชีเงินฝากธนาคารแต่อย่างใด
ต่อมาระหว่างวันที่ 31 มกราคม 2547 ถึงวันที่ 2 พฤษภาคม 2550 โครงการพัฒนาบุคลากรท้องถิ่นได้มีการนำส่งเงินรายได้จากค่าลงทะเบียนจัดอบรมซึ่งเหลือจ่ายจากการดำเนินงานโครงการบุคลากรท้องถิ่น มาเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารเงินสนับสนุนการบริการวิชาการและพัฒนามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เลขบัญชี XXX จำนวน 5 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 37,500,000 บาท ดอกเบี้ย เป็นเงิน 54,743.38 บาท ซึ่งบัญชีเงินฝากดังกล่าวเป็นบัญชีเงินฝากธนาคารซึ่งแยกต่างหากเป็นการเฉพาะนอกเหนือจากบัญชีเงินฝากธนาคารของมหาวิทยาลัยตามปกติ โดยไม่ผ่านการพิจารณาอนุมัติของสภามหาวิทยาลัย และไม่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของหัวหน้ากองคลังและหัวหน้าแผนกเงินรายได้มหาวิทยาลัยเพื่อควบคุมการขออนุมัติจ่ายเงินรายได้ให้ถูกต้องตามระเบียบ
โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้มีอำนาจในการอนุมัติให้เบิกจ่ายเงินจากบัญชีเงินฝากธนาคารเพียงผู้เดียว และมีจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ร่วมลงนามในการเบิกถอนเงินจากบัญชีธนาคาร จำเลยที่ 6 เป็นผู้จัดทำฎีกาขออนุมัติเบิกจ่ายเงินจากธนาคาร และดำเนินการเบิกจ่ายเงินระหว่างวันที่ 30 มกราคม 2547 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2553
จำเลยที่ 1 ได้อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินจากบัญชีเงินฝากธนาคารฯดังกล่าว จำนวน 108 โครงการ เพื่อสนับสนุนตามคำขอของคณะ สำนักและหน่วยงานภายใน ตลอดจนหน่วยงานภายนอกมหาวิทยาลัย มีทั้งโครงการที่อยู่ภายในขอบวัตถุประสงค์และนอกขอบวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัย โดยมีจําเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ร่วมลงนามสั่งจ่ายเช็คเบิกจ่ายเงินจากธนาคารร่วมกับจําเลยที่ 1 และมีจำเลยที่ 6 เป็นผู้จัดทำเอกสารการเบิกจ่ายเงิน ซึ่งมีทั้งโครงการหรือรายการเบิกจ่ายที่อยู่ภายในขอบวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัย และโครงการที่อยู่นอกขอบวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พ.ศ. 2533 มาตรา 6 และมาตรา 11 โครงการหรือรายการเบิกจ่ายที่อยู่ภายนอกขอบวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัยเป็นโครงการที่มีการดำเนินโครงการภายนอกมหาวิทยาลัยหรือเป็นการให้การสนับสนุนตามคำขอของบุคคลภายนอกหรือหน่วยงานภายนอกมหาวิทยาลัย ซึ่งไม่มีนิติสัมพันธ์ในทางกฎหมายหรือมิได้มีการทำข้อตกลงกับมหาวิทยาลัย หรือไม่มีระเบียบของมหาวิทยาลัยให้สามารถเบิกจ่ายได้ และเป็นโครงการหรือรายการที่ไม่อยู่ในแผนงบประมาณประจำปี ทั้งยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พ.ศ. 2533 มาตรา 15 และระเบียบมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีว่าด้วยการเงินและทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พ.ศ. 2534 ข้อ 8 และข้อ 10 ที่ไม่อยู่ในข่ายที่จะเบิกจ่ายจากเงินรายได้ของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีได้
มีลักษณะเป็นการอนุมัติจ่ายเงินตามอำเภอใจหรือโดยอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัว
มหาวิทยาลัยได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและรายงานผลให้กระทรวงการคลังทราบ ต่อมากระทรวงการคลังได้มีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาให้มหาวิทยาลัยทราบว่า การเบิกจ่ายเงินโครงการที่อยู่นอกขอบวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จำนวน 41 โครงการ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่มหาวิทยาลัย จำเลยที่ 1 ได้กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน โดยมีจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 เป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทําความผิด กล่าวคือ
1. วันที่ 8 เมษายน 2547 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการทำโครงการสร้างความสัมพันธ์โรงเรียนกับชุมชนโดยโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 3 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 8 เมษายน 2547 จำนวน 542,222 บาท ให้แก่จำเลยที่ 1 รับไป
2. วันที่ 6 พฤษภาคม 2547 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อเป็นค่าธรรมเนียมการศึกษา ในการศึกษาต่อระดับปริญญาเอก ณ ประเทศออสเตรเลียของผู้ช่วยศาสตราจารย์ภัทรียา วิสัยจร จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 3 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 6 พฤษภาคม 2547 จำนวน 713,946 บาท ให้แก่ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ภ. (ตัวย่อ) รับไป
3. วันที่ 28 พฤษภาคม 2547 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดทำวารสารนานาชาติโดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 3 มิถุนายน 2547 จำนวน 50,000 บาท ให้แก่นางสาว ล. (ตัวย่อ) รับไป
4. วันที่ 21 มิถุนายน 2547 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายค่าสวัสดิการที่พักแก่บุคลากรในสังกัดฝ่ายสาธารณูปโภคของโครงการสวัสดิการที่พักบุคคลโดยงานอาคารสถานที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 6 กรกฎาคม 2547 จำนวน 72,000 บาท ให้แก่นาย ป. (ตัวย่อ) หัวหน้าอาคารสถานที่รับไป
5. วันที่ 6 สิงหาคม 2547 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการตัดชุด Uniform และ ผ้ากาบบัวสำหรับกรรมการและอนุกรรมการสภาอาจารย์ สำนักงานอธิบดี จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 23 สิงหาคม 2547 จำนวน 72,500 บาท ให้แก่ นางสาว ช. (ตัวย่อ) รับไป
6. วันที่ 17 สิงหาคม 2547 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการศูนย์ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ บริเวณหมู่บ้านที่ 6 ตำบลโพธิ์ใหญ่ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี โดยสำนักงานสัสดีจังหวัดอุบลราชธานี จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) วันที่ 17 สิงหาคม 2547 จำนวน 547,942.80 บาท ให้แก่ ให้แก่สัสดีจังหวัดอุบลราชธานี รับไป
7. วันที่ 28 กันยายน 2547 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการเครื่องดนตรีโปงลาง โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2547 จำนวน 50,000 บาท ให้แก่นางส. (ตัวย่อ) รับไป
8. วันที่ 11 ตุลาคม 2547 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการสร้างความสัมพันธ์ โรงเรียนกับชุมชนกิจกรรมสายสัมพันธ์โรงเรียนพี่โรงเรียนน้อง และวัสดุอุปกรณ์สำนักงาน ห้องประชุมเกียรติสุรนนท์ โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 11 ตุลาคม 2547 จำนวน 57,546 บาท ให้แก่จำเลยที่ 1 รับไป
9. วันที่ 12 ตุลาคม 2547 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการสร้างความสัมพันธ์ โรงเรียนพี่โรงเรียนน้อง งานชุมชนสัมพันธ์สร้างศาลาอ่านหนังสือโรงเรียนเครือข่ายโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 11 ตุลาคม 2547 จำนวน 300,000 บาท ให้แก่นาง ว. (ตัวย่อ) รับไป
10. วันที่ 26 ตุลาคม 2547 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการศูนย์ผลิตปุ๋ยเกษตรอินทรีย์ บริเวณบ้านหมู่ที่ 6 ตำบลโพธิ์ใหญ่ โดยสำนักงานสัสดีจังหวัดอุบลราชธานี จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 3 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 27 ตุลาคม 2547 จำนวน 452,057.20 บาท ให้แก่โครงการเกษตรอินทรีย์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีลงเคราะห์ รับไป
11. วันที่ 7 ธันวาคม 2547 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการสายสัมพันธ์โรงเรียนพี่โรงเรียนน้อง งานชุมชนสัมพันธ์สร้างศาลาอ่านหนังสือโรงเรียนเครือข่ายโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราชจำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2547 จำนวน 100,000 บาท ให้แก่นาง ว. (ตัวย่อ) รับไป
12. วันที่ 13 มกราคม 2548 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการก่อสร้างห้องพักสำหรับผู้เข้ารับการอบรม จำนวน 40 คน ในโครงการเกษตรอินทรีย์โดยสำนักงานสัสดีจังหวัดอุบลราชธานี จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 14 มกราคม 2548 จำนวน 985,730 บาท ให้แก่โครงการเกษตรอินทรีย์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีสงเคราะห์ รับไป
13. วันที่ 14 มกราคม 2548 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการศึกษาดูงานการบริหารจัดการวิชาการโรงเรียนมัธยมศึกษาที่ประเทศออสเตรเลีย โดยโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 19 มกราคม 2548 จำนวน 500,000 บาท ให้แก่นาย อ. (ตัวย่อ) ผู้อำนวยการโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช รับไป
14. วันที่ 29 เมษายน 2548 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อจ่ายเป็นเงินสวัสดิการของโครงการสวัสดิการที่พักบุคลากร โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 19 พฤษภาคม 2548 จำนวน 72,000 บาท ให้แก่ให้แก่นาย ป. (ตัวย่อ) รับไป
15. วันที่ 21 กันยายน 2548 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อสนับสนุนการดำเนินการก่อสร้างร้านเพื่อแสดงผลผลิตและจำหน่ายในโครงการเกษตรอินทรีย์ โดยสำนักงานสัสดีจังหวัดอุบลราชธานี จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 3 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 23 กันยายน 2548 จำนวน 500,000 บาท ให้แก่โครงการเกษตรอินทรีย์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีสงเคราะห์ เป็นผู้รับไป
16. วันที่ 14 พฤศจิกายน 2548 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อสนับสนุนโครงการพัฒนาบุคลากร (พัฒนาการจัดการศึกษา) โดยโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 3 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 1 ธันวาคม 2548 จำนวน 500,000 บาท ให้แก่นาง น. (ตัวย่อ) รับไป
17. วันที่ 22 พฤศจิกายน 2548 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อสนับสนุนโครงการสานฝันสู่ดาวโดยโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 3 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 1 ธันวาคม 2548 จำนวน 150,000 บาท ให้แก่นาง ว. (ตัวย่อ) หัวหน้างานชุมชนสัมพันธ์ รับไป
18. วันที่ 23 ธันวาคม 2548 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อสนับสนุนการดําเนินการจัดหายานพาหนะ ใช้ในการขนส่งวัสดุอุปกรณ์ วัตถุดิบ ตลอดจนการจัดหาเครื่องทุ่นแรง พร้อมสถานที่ในการผลิตปุ๋ยอินทรีย์โครงการเกษตรอินทรีย์ โดยสํานักงานสัสดีจังหวัดอุบลราชธานี จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 3 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2548 จำนวน 200,000 บาท ให้แก่โครงการเกษตรอินทรีย์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีสงเคราะห์ รับไป
19. วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2549 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อสนับสนุนโครงการสร้างวัตถุมงคล โดยวัดหลวงจังหวัดอุบลราชธานี จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 4 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 จำนวน 296,750 บาท ให้แก่จำเลยที่ 1 รับไป
20. วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2549 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อสนับสนุนโครงการสร้างวัตถุมงคล โดยวัดหลวงจังหวัดอุบลราชธานี จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 4 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 จำนวน 297,250 บาท ให้แก่จำเลยที่ 1 รับไป
21. วันที่ 25 เมษายน 2549 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อสนับสนุนการดําเนินการขุดคลองเก็บน้ำโครงการเกษตรอินทรีย์ โดยสํานักงานสัสดีจังหวัดอุบลราชธานี จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 4 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 2 พฤษภาคม 2549 จำนวน 240,000 บาท ให้แก่โครงการเกษตรอินทรีย์โดย สํานักงานสัสดีจังหวัดอุบลราชธานี รับไป
22. วันที่ 2 พฤษภาคม 2549 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อใช้ในโครงการสวัสดิการจัดหาที่พักบุคลากร โดยฝ่ายสาธารณูปโภค มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 4 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 2 พฤษภาคม 2549 จำนวน 72,000 บาท ให้แก่นาย ป. (ตัวย่อ) เป็นผู้รับไป
23. วันที่ 21 มิถุนายน 2549 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อสนับสนุนโครงการเกษตรอินทรีย์โดยค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 จังหวัดอุบลราชธานี จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 4 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 26 มิถุนายน 2549 จำนวน 221,447.50 บาท ให้แก่โครงการเกษตรอินทรีย์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีสงเคราะห์ รับไป
24. วันที่ 5 กันยายน 2549 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อสนับสนุนโครงการเกษตรอินทรีย์โดยค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 จังหวัดอุบลราชธานี จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 4 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 4 กันยายน 2549 จำนวน 240,150 บาท ให้แก่โครงการเกษตรอินทรีย์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีสงเคราะห์ รับไป
25. วันที่ 6 พฤศจิกายน 2549 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อการจัดหาเครื่องสีข้าวและสร้างโรงสีข้าว ในโครงการเกษตรอินทรีย์โดยค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 5 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2549 จำนวน 585,259.21 บาท ให้แก่โครงการเกษตรอินทรีย์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีสงเคราะห์ รับไป
26. วันที่ 28 พฤศจิกายน 2549 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าไถ่ชีวิตกระบือในโครงการเกษตรอินทรีย์โดยค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 5 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2549 จำนวน 18,000 บาท ให้แก่โครงการเกษตรอินทรีย์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีสงเคราะห์ รับไป
27. วันที่ 15 มกราคม 2550 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าตอบแทนผู้อํานวยการศูนย์เกษตรอินทรีย์ ในโครงการเกษตรอินทรีย์โดยค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 5 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2550 จำนวน 120,000 บาท บาท ให้แก่จำเลยที่ 1 รับไป
28. วันที่ 15 มีนาคม 2550 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อสนับสนุนโครงการศึกษาดูงานโดยโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 5 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) วันที่ 15 มีนาคม 2550 จำนวน 576,180 บาท ให้แก่จำเลยที่ 6 รับไป
29. วันที่ 13 มีนาคม 2550 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อใช้จ่ายโครงการสวัสดิการจัดหาที่พักบุคลากรโดยคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 5 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 22 มีนาคม 2550 จำนวน 72,000 บาท ให้แก่นาย ป. (ตัวย่อ) รับไป
30. วันที่ 23 มีนาคม 2550 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ศูนย์เกษตรอินทรีย์ ในโครงการเกษตรอินทรีย์โดยค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 5 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 22 มีนาคม 2550 จำนวน 41,850 บาท ให้แก่จำเลยที่ 1 เป็นผู้รับไป
31. วันที่ 15 พฤษภาคม 2550 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าสร้างเตียงไม้ยาว สร้างอาคารเก็บวัสดุ อาหารสัตว์ ขุดลอกบ่อปลาเก่า ในโครงการเกษตรอินทรีย์โดยค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 5 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2550 จำนวน 153,001.69 บาท ให้แก่โครงการเกษตรอินทรีย์ รับไป
32. วันที่ 29 มีนาคม 2550 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อสนับสนุนโครงการพัฒนาการจัดการศึกษาโรงเรียน เบ็ญจะมะมหาราช จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 5 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 3 กันยายน 2550 จำนวน 550,000 บาท ให้แก่นาง ว. (ตัวย่อ) รับไป
33. วันที่ 25 มกราคม 2551 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าตอบแทนผู้อํานวยการศูนย์เกษตรอินทรีย์ ในโครงการเกษตรอินทรีย์โดยค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 5 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 29 มกราคม 2551 จำนวน 120,000 บาท ให้แก่จําเลยที่ 1 รับไป
34. วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อใช้จ่ายโครงการสวัสดิการจัดหาที่พักบุคลากรโรงพิมพ์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 5 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 21 เมษายน 2551จำนวน 72,000 บาท ให้แก่นาย ป. (ตัวย่อ) รับไป
35. วันที่ 22 เมษายน 2551 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อสนับสนุนโครงการยกระดับทักษะการสอนสําหรับครูผู้สอนภาษาอังกฤษ ครั้งที่ 1 โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 5 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 21 เมษายน 2551 จำนวน 500,000 บาท ให้แก่จําเลยที่ 1 รับไป
36. วันที่ 21 สิงหาคม 2550 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อสนับสนุนโครงการตัดชุดร้านดอกแก้ว จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 5 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 21 เมษายน 2551 จำนวน 9,740 บาท ให้แก่จําเลยที่ 1 รับไป
37. วันที่ 1 ตุลาคม 2550 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าอาหารรายวันสําหรับเจ้าหน้าที่โครงการเกษตรอินทรีย์โดยค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 5 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 21 เมษายน 2551 จำนวน 96,300 บาท ให้แก่จําเลยที่ 1 รับไป
38. วันที่ 1 ตุลาคม 2550 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ ปี 2551 ในโครงการเกษตรอินทรีย์โดยค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 5 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 21 เมษายน 2551 จำนวน 109,200 บาท ให้แก่จําเลยที่ 1 รับไป
39. วันที่ 12 มีนาคม 2551 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าจัดตั้งศูนย์เผยแพร่ประชาสัมพันธ์และประสานงานโครงการเกษตรอินทรีย์ โดยค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 5 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 30 กันยายน 2553 จำนวน 70,000 บาท ให้แก่จําเลยที่ 1 รับไป
40. วันที่ 1 ตุลาคม 2550 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ ปี 2551 ในโครงการเกษตรอินทรีย์ โดยค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 5 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 30 กันยายน 2553 จำนวน 108,000 บาท ให้แก่จําเลยที่ 1 รับไป
41. วันที่ 1 พฤศจิกายน 2551 จำเลยที่ 1 อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อชดใช้หนี้เงินยืมในโครงการเกษตรอินทรีย์ โดยค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 ตามที่ พันเอกอดุลย์ ศรีพวง เสนาธิการประจํามณฑลทหารบกที่ ๒๒ มีหนังสือแจ้งมา จำเลยที่ 6 จัดทำเอกสารขออนุมัติเบิกเงิน ฎีกาเบิกเงิน และจัดทำเช็คเสนอต่อจำเลยที่ 1 และที่ 5 ลงนามสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 30 กันยายน 2553 จำนวน 300,000 บาท ให้แก่จําเลยที่ 1 รับไป
ทางพิจารณา จําเลยทั้งหกให้การปฏิเสธ แต่จําเลยที่ 1 รับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจําเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
***********
หมายเหตุ ข้อมูลในคำพิพากษาคดีนี้ยังไม่จบ ยังมีรายละเอียดในส่วนการพิพากษาตัดสินคดีอีก
ข้อมูลเป็นอย่างไร ติดตามตอนต่อไป
อ่านเรื่องหมวดเดียวกันประกอบ: