"..นายรัชฎา ในฐานะเป็นข้าราชการและผู้บริหารระดับสูงย่อมได้รับการยกย่องนับถือจากบุคคลทั่วไปว่า เป็นผู้ที่มีเกียรติศักดิ์และศักดิ์ศรี และได้รับการยกย่องจากสังคม แต่กลับมีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากผู้อื่นและถูกจับกุมตัวจนเป็นข่าวแพร่หลายในสังคม ย่อมมีผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชน จนอาจเป็นเหตุให้ประชาชนเสื่อมความเชื่อถือศรัทธา มีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อย ชื่อเสียงและประสิทธิภาพของราชการ รวมถึงก่อให้เกิดความเสื่อมเสียเกียรติและภาพพจน์ของข้าราชการ..."
กรณี นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้าทำการจับกุมกรณีเรียกรับเงินจากหัวหน้าหน่วยงานภาคสนาม โดยมีการล่อซื้อโดยใช้เงินสด จำนวนเงิน 9.8 หมื่นบาท มีการติดกล้องวงจรปิด ตำรวจตามเข้าไปค้นพบเงินสดบนโต๊ะทำงาน และห้องแต่งตัวประมาณ 5 ล้านบาท
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าล่าสุดไปแล้วว่า เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2566 คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีนายรัชฎา ของกระทรวง ทส. ที่มีนายกุศล โชติรัตน์ รองปลัดกระทรวง ทส. เป็นประธาน ได้ประชุมสรุปผลการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีนี้เพื่อเสนอให้ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดทส. พิจารณาเป็นทางการ โดยผลการสืบสวนคณะกรรมการฯ เชื่อว่า นายรัชฎา น่าจะมีพฤติการณ์กระทำความผิดตามข้อกล่าวหาจริง
เบื้องต้น ภายหลังรับทราบผลสรุปการสืบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส. ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง นายรัชฎา ทันที โดยมี นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รองปลัดกระทรวง ทส. เป็นประธาน
ต่อไปนี้ เป็นรายละเอียดในคำสั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ 3 /2566 ลงวันที่ 4 ม.ค.2566 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง นายรัชฎา ในคดีนี้
************
ด้วยนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งประเภทบริหาร ตำแหน่งในสายงานผู้บริหาร ระดับสูง สังกัดกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช เลขที่ตำแหน่ง 1 มีกรณีอันมีมูลที่ควรกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามรายงานผลการสืบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามคำสั่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลับ ที่ 461/2565 ลงวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ.2565 ในเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. ได้เข้าจับกุมนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาลเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด ในตำแหน่งโดยไม่ชอบด้วยหน้าที่ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยทุจริต
ซึ่งปรากฎข้อเท็จจริงแห่งพฤติการณ์รับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2565 เจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. ได้ดำเนินการวางแผนเข้าจับกุมนายรัชฎา สืบเนื่องจากมีผู้ร้องเรียนกล่าวหาว่า นายรัชฎา มีพฤติการณ์เรียกเก็บเงินจากหัวหน้าหน่วยงานภาคสนามทั่วประเทศ เพื่อแลกกับการดำรงในตำแหน่งหน้าที่เดิม
โดยหากหัวหน้าหน่วยแต่ละหน่วยไม่นำเงินมาจ่ายให้แก่นายรัชฎา ก็จะถูกโยกย้ายออกจากตำแหน่งเดิมและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในพื้นที่ที่ห่างไกลจากภูมิลำเนา หัวหน้าหน่วยแต่ละหน่วยจึงจำต้องนำเงินมามอบให้กับนายรัชฎา
นอกจากนี้นายรัชฎา ยังมีพฤติการณ์เรียกเก็บเงินจากผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นรายเดือนเพิ่มเติมอีกด้วย
โดยมีการนัดหมายส่งมอบเงินจำนวน 98,000 บาท ให้แก่นายรัชฎา ในวันที่ 27 ธันวาคม 2565 เวลา 09.00 น. ณ ห้องทำงานของอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พีช
ต่อมาในวันที่ 27 ธันวาคม 2565 เวลาประมาณ 09.10 น. ซึ่งเป็นเวลานัดหมาย เจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. ได้นำเงินสดจำนวน 98,000 บาท ที่ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้วไปส่งมอบให้กับผู้เสียหาย เพื่อนำไปมอบให้แก่นายรัชฎา โดยมีเจ้าหน้าที่วางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณโดยรอบ
และเมื่อไต้มีการส่งมอบเงินแก่นายรัชฎา แล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปยังห้องทำงานของอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พีช ซึ่งเป็นจุดส่งมอบเงินในทันที พร้อมแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เข้าทำการจับกุมนายรัชฎา โดยได้ตรวจคันพบว่ามีเงินสดจำนวน 98,000 บาท ซึ่งมีหมายเลขธนบัตรตรงกับหมายเลขธนบัตรที่ลงบันทึกประจำวันไว้ทุกฉบับวางอยู่บนโต๊ะทำงานของนายรัชฎา
นอกจากนี้ยังพบของกลางเป็นเงินสดประมาณ 4.9 ล้านบาท พร้อมกับซองบรรจุเงินที่มีการจ่าหน้าซองจากหน่วยงานในแต่ละสังกัดอีกจำนวนหลายชอง และเอกสารอีกจำนวนหลายฉบับซึ่งเกี่ยวข้องกับการดำเนินการเรียกรับเงินของนายรัชฎา อยู่ในบริเวณห้องดังกล่าว
เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งพฤติการณ์และข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบว่าเป็นเจ้าพนักงาน เรียกรับ หรือ ยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อการกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 และ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงประกอบพยานแวดล้อมแล้วน่าเชื่อว่า นายรัชฎา ได้เรียกรับเงินจากเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จริง
โดยที่นายรัชฎา ย่อมมีอำนาจหน้าที่บังคับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการภายในกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้เกิดผลสัมฤทธิ์และเป็นไปตามเป้าหมาย แนวทาง และแผนการปฏิบัติราชการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กลับมีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเสียเอง ไม่ว่าจะด้วยวัตถุประสงค์เพื่อแลกกับการไม่สั่งโยกย้ายผู้ถูกเรียกให้ไปดำรงตำแหน่งอื่นหรือไม่ประการใด
นอกจากนี้นายรัชฎา ในฐานะเป็นข้าราชการและผู้บริหารระดับสูงย่อมได้รับการยกย่องนับถือจากบุคคลทั่วไปว่า เป็นผู้ที่มีเกียรติศักดิ์และศักดิ์ศรี และได้รับการยกย่องจากสังคม
แต่กลับมีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากผู้อื่นและถูกจับกุมตัวจนเป็นข่าวแพร่หลายในสังคม ย่อมมีผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชน จนอาจเป็นเหตุให้ประชาชนเสื่อมความเชื่อถือศรัทธา มีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อย ชื่อเสียงและประสิทธิภาพของราชการ รวมถึงก่อให้เกิดความเสื่อมเสียเกียรติและภาพพจน์ของข้าราชการ
ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามมาตรา 93 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบกับข้อ 15 ของกฎ ก.พ. ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2556 จึงแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อสอบสวนผู้ถูกกล่าวหาในเรื่องดังกล่าว ประกอบด้วยบุคคล ดังต่อไปนี้
1. นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ ประธานกรรมการ
2. นางอรนุช หล่อเพ็ญศรี กรรมการ
3. นายพิชิต สมบัติมาก กรรมการ
4. นายยอดชาย ไวยเนตร กรรมการ
5. นายวัชระพล ปิตะวิเศษวงศ์ กรรมการและเลขานุการ
6. นายสืบสันต์ นันท์บัญชา ผู้ช่วยเลขานุการ
ให้คณะกรรมการสอบสวนพิจารณาตามหลักเกณฑ์ วิธีการและระยะเวลาที่กำหนดในกฎ ก.พ.ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2556 แล้วเสนอสำนวนการสอบสวนมาเพื่อพิจารณาดำเนินการ ต่อไป
อนึ่ง ถ้าคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่า กรณีมีมูลว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยในเรื่องอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในคำสั่งนี้ หรือกรณีที่การสอบสวนพาดพิงไปถึงผู้อื่น ให้ดำเนินการตามข้อ 49 หรือข้อ 50 ของกฎ ก.พ. ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ.2556 แล้วแต่กรณี
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ ให้เบิกจากงบประมาณของหน่วยงานต้นสังกัดของคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง
สั่ง ณ วันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2566
(นายจตุพร บุรุษพัฒน์)
ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
**************
อนึ่งเกี่ยวกับการสรุปผลการสืบสวนกรณี นายรัชฎา นั้น สำนักข่าวอิศรา รายงานข่าวไปแล้วว่า คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีนายรัชฎา ของกระทรวง ทส. ที่มีนายกุศล โชติรัตน์ รองปลัดกระทรวง ทส. เป็นประธาน ได้มีการเรียกตัว นายรัชฎา มาชี้แจงข้อกล่าวหา ซึ่งนายรัชฎาได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับที่มาของเงินที่ค้นเจอในห้องทำงาน แต่จะขอทำหนังสือชี้แจงรายละเอียดอีกครั้ง
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือประหารชีวิต
ส่วนมาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อย่างไรก็ดี คดีนี้ เจ้าหน้าที่ตร. ปปป. และ ป.ป.ช. ยังไม่ได้มีการสรุปผลการสอบสวนเป็นทางการ นายรัชฎา และผู้เกี่ยวข้อง จึงยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ในคดีอาญาอยู่
อ่านเรื่องเกี่ยวข้อง
- ล่อซื้อค้นเจอ 5 ล.! ป.ป.ช.-ตร.แถลงด่วนรวบตัวอธิบดีกรมอุทยานฯ คดีเรียกรับเงิน (มีคลิป)
- เก็บหัวละ 2-3 แสน! แถลงพฤติการณ์ 'อธิบดีกรมอุทยานฯ' คดีเรียกเงินวิ่งเต้นแลกไม่โยกย้าย
- พลิกปูม! เส้นทางชีวิต-ทรัพย์สิน 'รัชฎา' อธิบดีกรมอุทยานฯ ก่อนโดนรวบคดีเรียกรับเงิน
- ลับสุดยอด! เปิดปฏิบัติการขู่ทุบลิ้นชัก ล่อซื้อ 'รัชฎา'-บิ๊กตู่ชิงย้ายตัดหน้า ทส.?
- เปิดคลิปหลักฐานใหม่ 5 นาที ค้นโต๊ะทำงาน 'รัชฎา' - ตามหาเจ้าของซองเงินส่งท่านอธิบดี?
- เช็คที่นี่! เปิดครบเงินสด-สิ่งของ 21 รายการ 4.8 ล.ในห้องอธิบดีอุทยานฯ ใครส่งมาบ้าง?