ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 'ทองพูล บุตรเรือง' อดีตนายก อบต.เสาเล้า กาฬสินธุ์ เบิกจ่ายเงินราชการเมื่อปี 2551 - 2552 โดยมิชอบ ทุจริตเบียดบังเงินนั้นเป็นของตนเองหรือผู้อื่น ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 4 พิพากษาลงโทษจำคุก 50 ปี พร้อมพวก 2 ราย ร่วมกันคืนหรือใช้เงิน 536,606.29 บาท
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายทองพูล บุตรเรือง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เสาเล้า อำเภอหนองกุงศรีจังหวัดกาฬสินธุ์ กับพวก คือ นายสมชาย ภูบรม นายฉัตรชัย ประสารฉ่ำ นายวรพล นิลมณี เบิกจ่ายเงินราชการเมื่อปี พ.ศ.2551 - 2552 โดยมิชอบ และทุจริตเบียดบังเงินนั้นเป็นของตนเองหรือผู้อื่น ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 , 157 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2567 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 มีคำพิพากษา ดังนี้
1.นายทองพูล บุตรเรือง จำเลยที่ 1 นายสมชาย ภูบรม จำเลยที่ 2 นายฉัตรชัย ประสารฉ่ำ จำเลยที่ 3 นายวรพล นิลมณี จำเลยที่ 4 มีความผิดตามกฏหมาย
2. จำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง
คงลงโทษจำคุก จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีกำหนด 36 ปี 192 เดือน
คงลงโทษจำคุก จำเลยที่ 3 มีกำหนด 38 ปี 204 เดือน และปรับ 34,000 บาท
3. จำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 2 ปี 12 เดือน และปรับ 2,000 บาท
4. เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วให้จำคุกจำเลยที่ 1- 3 คนละ 50 ปี
5. รอการลงโทษจำคุก จำเลยที่ 3 และ 4 มีกำหนด 2 ปี
6. ให้จำเลยที่ 1 ถึง 3 ร่วมกันคืนหรือใช้เงิน 536,606.29 บาท
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมลงมติเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568 เห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษา
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท