พรรคก้าวไกล ยื่นสภาขอตั้งกมธ.ศึกษาขอบเขตอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ และขอบเขตอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ หลังถูกตัดสินคดีหาเสียงแก้ 112 เข้าข่ายล้มล้างปกครอง ยอมรับผลการศึกษาจะนำไปสู่การปรับแก้รัฐะรรมนูญ เพื่อจำกัดขอบเขตอำนาจของศาลรธน.ต่อไป ส่วนการถูกกกต.พิจารณายุบพรรค ขอให้ฝ่ายก้าวไกลได้ชี้แจงบ้าง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 6 มีนาคม 2567 ที่รัฐสภา พรรคก้าวไกล นำโดย นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยื่นหนังสือต่อ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเสนอญัตติด่วน ขอให้สภาฯ ตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาขอบเขตอำนาจศาลรัฐธรรมนูญและขอบเขตอำนาจนิติบัญญัติ สืบเนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 หรือคดีล้มล้างการปกครองของพรรคก้าวไกล กรณีเสนอแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นนโยบายหาเสียง ซึ่งมีคำวินิฉัยฉบับเต็มประกาศลงราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 29 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา
นายชัยธวัช กล่าวว่า มีประเด็นบางประการที่กระทบกับการทำหน้าที่ และการปฎิบัติงานของ สส. รวมถึงสมาชิกรัฐสภา อย่างมีนัยสำคัญ จึงจำเป็นจะต้องเสนอญัตติด่วน เพื่อเสนอญัตติด่วน ขอให้สภาฯ ตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาขอบเขตอำนาจศาลรัฐธรรมนูญและขอบเขตอำนาจนิติบัญญัติ กรณีตรวจสอบการกระทำของ สส.หรือสมาชิกรัฐสภา ในการดำเนินการทางนิติบัญญัติ ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 และคำวินิจฉัยอื่นๆ
@ยันเสนอแก้ 112 ไม่ใช่การใช้สิทธิเสรีภาพ แต่เป็นกระบวนการของฝ่ายนิติบัญญัติ
เนื่องจากในการกล่าวหา ว่าการเสนอแก้ไขร่างกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของ สส.พรรคก้าวไกลนั้น เป็นการล้มล้างการปกครอง ซึ่งมีประเด็นหนึ่งที่ทางพรรคก้าวไกล ได้โต้แย้งข้อกล่าวหาไว้ว่า การเสนอแก้ไขร่างกฎหมายอาญา มาตรา 112 ไม่ใช่การใช้สิทธิหรือเสรีภาพ ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจในการวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ที่ปรากฏในคำร้อง แต่การเสนอร่างกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นฉบับใด เป็นอำนาจของ สส.ตามกระบวนการนิติบัญญัติ และการเสนอร่างกฎหมาย ไม่สามารถเป็นการล้มล้างการปกครองได้ เพราะรัฐกำหนดให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญ มีอำนาจการตรวจสอบร่างพระราชบัญญัติ ทั้งก่อนและหลังการประกาศใช้อยู่แล้ว แต่ปรากฏว่า ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีการตีความขอบเขตอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญไว้ว่า แม้การเสนอร่างกฎหมายต่อสภาผู้แทนราษฎรเป็นวิธีการทางรัฐสภา ซึ่งรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ให้ฝ่ายนิติบัญญัติ มีอำนาจโดยตรงในการเสนอกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญ มีอำนาจที่จะตรวจสอบและวินิจฉัยว่า การเสนอร่างกฎหมายดังกล่าว เป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ ซึ่งในส่วนนี้ จะส่งผลต่อความชัดเจนของขอบเขตอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะกระทบโดยตรงต่อการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ว่าจะเป็น สส.หรือสมาชิกรัฐสภา
“เราจึงเห็นว่า สภาผู้แทนราษฎรควรจะพิจารณาโดยเร่งด่วนในการเสนอญัตติด่วน ขอให้สภาฯ ตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาขอบเขตอำนาจศาลรัฐธรรมนูญและขอบเขตอำนาจนิติบัญญัติ กรณีการตรวจสอบการกระทำของ สส. รวมถึงคำวินิจฉัยของศาลก่อนหน้านี้ ว่าด้วยการเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญให้มีการเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) หรือกรณีที่เคยมีการวินิจฉัย ไม่ให้แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ในการแก้ไขที่มาของสมาชิกวุฒิสภา ก็ตามที สิ่งเหล่านี้ ล้วนกระทบต่อสมดุลและดุลยภาพอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ และตุลาการ อย่างมีนัยสำคัญ” นายชัยธวัชกล่าว
หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลหวังว่า จะสามารถบรรจุเป็นญัตติด่วนได้โดยเร็วที่สุด เนื่องจากเราเห็นว่า ควรจะเร่งด่วน เพราะคำวินิจฉัยขอบเขตอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ มีผลโดยตรงทำให้ สส.และสมาชิกรัฐสภา ไม่ความชัดเจนแน่นอน ว่าอะไรที่ทำได้หรือทำไม่ได้ และอะไรที่สามารถถูกตีความ หรือถูกตรวจสอบโดยศาลรัฐธรรมนูญได้มากกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้เป็นการเฉพาะอยู่แล้ว และเรื่องนี้เป็นเพียงญัตติเพื่อเสนอให้มีการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้กระทบต่อคำวินิจฉัยที่เกิดขึ้นแล้ว และไม่ได้เกี่ยวกับการละเมิดศาลใดๆ ทั้งสิ้น
ด้าน นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า จะรับญัตติดังกล่าวไปให้ฝ่ายกฎหมายของสภาฯ ตรวจสอบขอบเขตของอำนาจประธานสภาฯ และวิธีการดำเนินงานต่อไป โดยไม่ให้ขัดแย้งต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและข้อบังคับต่างๆ และจะดำเนินการตามที่พรรคต้องการ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของทุกฝ่าย เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและข้อบังคับ
@ศึกษาให้ชัด ขอบเขตอำนาจศาลรธน.-นิติบัญญัติ อยู่ตรงไหน?
เมื่อถามว่า ผลการศึกษาของคณะกรรธิการวิสามัญนี้ จะมีผลต่อฝ่ายต่างๆ อย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า อย่างน้อยที่สุดจะมีความชัดเจนในฝ่ายนิติบัญญัติ ว่าตกลงเขตอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญมีแค่ไหน และเราคาดหวังว่าผลการศึกษานี้ จะมีส่วนในนำไปพิจารณาการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในอนาคต
ขณะนี้ เรื่องนี้ยังเป็นปัญหาอยู่จนถึงทุกวันนี้ เช่นร่างของพรรคเพื่อไทยที่เสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยไม่ได้แก้ทั้งฉบับ แต่ละรัฐสภาเห็นว่า การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเช่นนี้ จะขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แม้พรรคเพื่อไทยจะใช้อำนาจโดยชอบตามรัฐธรรมนูญก็ตาม ถ้าเรื่องนี้ยังไม่มีความชัดเจน ก็จะมีปัญหาต่อไปในอนาคต
@ไม่เหนียม ผลการศึกษาไปต่อถึงแก้ รธน. เกี่ยวกับขอบเขตอำนาจศาลรธน.
นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า ผลการศึกษานี้ อาจนำไปสู่ข้อเสนอในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญบางมาตรา เพื่อให้มีความชัดเจนเกิดขึ้น เกี่ยวกับขอบเขตอำนาจของศาลธรรมนูญมากขึ้น ยกตัวอย่าง ถ้าศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า การเสนอร่างกฎหมาย เป็นอำนาจของรัฐสภาฝ่ายนิติบัญญัติ หากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อยากตรวจสอบความชอบรัฐธรรมนูญ ก็ควรตรวจสอบความชอบรัฐธรรมนูญตามขั้นตอนที่รัฐรัฐธรรมนูญกำหนดไว้เป็นการเฉพาะอยู่แล้ว คือหลังจากที่ร่างกฎหมายผ่าน ก่อนที่จะประกาศใช้ ซึ่งอาจนำไปสู่การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ให้มีความชัดเจนว่า ให้ยกเว้นอะไรบ้าง มากกว่านั้นอาจนำไปสู่การแก้ไขมาตราที่เกี่ยวข้องกับศาลรัฐธรรมนูญทั้งหมด เป็นต้น เพื่อไม่ให้เกิดการเสียสมดุลในการตรวจสอบถ่วงดุลกับสถาบันทางการเมืองต่างๆ
เมื่อถามว่า สำนวนคดีล้มล้างการปกครองของพรรคก้าวไกลจะเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถือว่าเร่งรีบพิจารณาหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ยังสรุปไม่ได้ ตอนนี้ได้เตรียมตัวแล้ว เพราะทราบอยู่แล้วว่ามีคนไปร้องทางฝ่ายกฎหมายของพรรค ได้เตรียมตัวที่จะต่อสู้คดี ขณะนี้แค่รอว่าเมื่อไหร่ที่ กกต. จะเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา ตามกระบวนการต้องมีกระบวนการไต่สวน เพื่อเปิดโอกาสให้เราต่อสู้ ชี้แจงข้อกล่าวหาให้เร็วที่สุด
@กมธ.ศึกษาไม่กระทบคำวินิจฉัยที่ผ่านมาของศาลรธน.
เมื่อถามว่า กมธ.วิสามัญ เสนอตั้งนั้นไม่ได้มีผลเป็นรูปธรรมต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ถูกต้องแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ และเราไม่ประสงค์ให้กระทบต่อคำวินิจฉัยที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ปัญหาที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ รวมถึงปัญหาในอนาคต หากการศึกษาสามารถนำไปสู่ข้อเสนอแนะ ในการแก้ไขเพิ่มรัฐธรรมนูญที่ดีขึ้นได้ในอนาคตก็จะเป็นเรื่องที่ดี ปัญหาการตีความเขตอำนาจศาลรัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องประหลาดมากหากฝ่ายนิติบัญญัติไม่สามารถแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายรัฐธรรมนูญแบบเช่นนี้ได้ เพราะเราเคยแก้ไขมาแล้ว ฝ่ายนิติบัญญัติรวมถึงสภาร่างรัฐธรรมนูญสามารถแก้ไขที่มาของวุฒิสภาได้ แต่มาถึงยุคหนึ่งปรากฎว่าศาลรัฐธรรมนูญขยายอำนาจในการตีความเรื่องดังกล่าว มาก้าวก่ายและล้ำแดน ฝ่ายนิติบัญญัติก็จะเป็นปัญหาการเมืองได้ในอนาคต
เมื่อถามอีกว่ามีการพูดคุยกับพรรคการเมืองอื่นหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ได้แจ้งให้พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลทราบบ้างแล้ว แต่ท่าทีจะเป็นอย่างไรไม่ทราบ เพราะขึ้นอยู่กับเอกสิทธิของพรรค เมื่อเช้าหลังประชุมผู้นำฝ่ายค้าน ตนก็ได้แจ้งให้ทราบว่าจะมีการยื่ญัติเรื่องดังกล่าว ซึ่งได้ย้ำกับทุกพรรคว่านี่เป็นญัติ ว่าการใช้อำนาจ การตีความของศาลรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาถูกหรือผิด แต่เป็นการเสนอให้มีการศึกษาเพื่ออนาคตเท่านั้น
@รอชี้แจงปมร้องยุบพรรค
ส่วนกรณีมีผู้ไปยื่นคำร้องกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้มีการส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญให้มีการยุบพรรคก้าวไกล และสำเนาของคดีล้มล้างการปกครองของพรรคก้าวไกล จะเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถือว่าเร่งรีบในการพิจารณาไป หรือไม่
นายชัยธวัช กล่าวว่า ยังสรุปไม่ได้ว่าเร่งรีบ หรือไม่ แต่ทราบเรื่องแล้วว่า มีผู้ไปคำร้องยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ กกต. ซึ่งทางด้านฝ่ายกฎหมายของพรรคมีการเตรียมพร้อมในการต่อสู้คดีแล้ว ในตอนนี้ก็รอทาง กกต. เรียกไปรับทราบข้อกล่าวหา มองว่าในกระบวนการก็ควรมีการไต่สวน เพื่อเปิดโอกาสให้ชี้แจงข้อกล่าวหาอย่างเต็มที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 31 ม.ค.2567 ว่าการเสนอแก้ไขมาตรา 112 โดยพรรคก้าวไกล เป็นการใช้สิทืธิเสรีภาพในการล้มล้างการปกครองในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นั้น เนื่องจากพรรคก้าวไกลได้เสนอให้ย้ายความผิดตามมาตรา 112 ออกจากหมวดความมั่นคง ไปอยู่ในหมวดความผิดฐานหมิ่นประมาททั่วไป และให้สำนักพระราชวังเป็นผู้แจ้งความเท่านั้น เป็นความพยายามที่จะลดทอนการคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ และดึงพระมหาษัตริย์ลงมาเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรงกับประชาชน เป็นพฤติกรรมที่แสดงออกถึงการลดทอนความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์โดยซ่อนเร้นด้วยวิธีการหาทางรัฐสภา กระทบต่อรูปแบบการปกครองในนระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามที่กำหนกไว้ในรัฐธรรมนูญ จึงสั่งให้หยุดการกระทำดังกล่าว
อ่านประกอบ
- ฉากทัศน์ใหม่ ‘ก้าวไกล’ เอฟเฟกต์คำวินิจฉัย ม.112- 'กก.บห.-44 สส.' เสี่ยงอวสานการเมือง
- กรณีแก้ไข ม.112 : 'พิธา-ก้าวไกล' แถลงไม่มีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลาย แยกสถาบันฯ ออกจากชาติ
- สรุป! คำวินิจฉัยศาลรธน. 'พิธา-ก้าวไกล' ใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปค.สั่งเลิกแก้ไข ม.112
- สั่งเลิกการกระทำทั้งหมด! ศาลรธน. วินิจฉัย 'พิธา-พรรคก้าวไกล' แก้ไข ม.112 =ล้มล้างการปค.