ก.ล.ต.กล่าวโทษ 7 ‘กรรมการ-อดีตกรรมการ-ผู้บริหาร’ บมจ.โกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์ ฐานทุจริต-แสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้ จากกรณีให้กู้ยืมเงินแก่ บมจ.เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป จนเป็นเหตุทำให้บริษัทฯเสียหาย
..........................
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษกรรมการและอดีตกรรมการและผู้บริหารของบริษัท โกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (GSC) รวม 7 ราย ได้แก่ (1) นางสาวณิชารดี สุขเจริญไกรศรี (ชื่อเดิม นางสาวสุกัญญา สุขเจริญไกรศรี) (2) นางสาวสุดาภรณ์ กลิ่นแก้ว (3) นางสาวสิริณี ฉิมบรรเทิง (4) นางสาวอุดมพร เอี่ยมจ้อย (5) นางสาวณิชาภา ทองตัด (6) นายธัญพิสิษฐ์ ทรัพย์รอด และ (7) นางสาวเมตตา โพธิ์กิ่ง
ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) กรณีปฏิบัติผิดหน้าที่ ทุจริต และแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้ จากกรณีให้กู้ยืมเงินแก่บริษัท เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (ACAP) เพื่อให้ตนเองหรือบุคคลอื่นได้ประโยชน์ จนเป็นเหตุทำให้ GSC เสียหาย
ทั้งนี้ ในช่วงเดือน มี.ค.2562 บุคคลทั้ง 7 รายข้างต้น โดยมีนางสาวณิชารดี เป็นประธานคณะกรรมการบริหารของ GSC ได้ร่วมกันตัดสินใจ อนุมัติ และหรือสั่งการให้ GSC ปล่อยเงินให้กู้ยืมแก่ ACAP (ซึ่งถือหุ้นใน GSC ร้อยละ 64 โดยมีนางสาวณิชารดีเป็นกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ACAP) รวม 7 รายการ มูลค่าสะสมรวมสูงสุดอยู่ที่ 180 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 73 ของสินทรัพย์รวมของ GSC) อัตราดอกเบี้ยของเงินให้กู้ยืมร้อยละ 2 ต่อปี
อย่างไรก็ดี มีเงินให้กู้ยืมบางรายการที่ GSC ไม่ได้คิดดอกเบี้ย แต่ภายหลังที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้ GSC ชี้แจงเรื่องเงินให้กู้ยืมดังกล่าว GSC จึงให้ ACAP จ่ายดอกเบี้ยย้อนหลังร้อยละ 2 ต่อปี
การให้กู้ยืมเงินของ GSC แก่ ACAP ข้างต้นเข้าข่ายเป็นการทำรายการกับบุคคลที่เกี่ยวโยงที่มีขนาดรายการใหญ่ที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นก่อนทำรายการ แต่จากการตรวจสอบพบว่า กรรมการและผู้บริหารของ GSC ข้างต้นไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เรื่องรายการที่เกี่ยวโยงกันแต่อย่างใด โดยได้มาจัดประชุมผู้ถือหุ้นในภายหลังจากการทำรายการไปแล้ว ซึ่งที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้มีมติไม่ให้สัตยาบันต่อการทำรายการที่เกี่ยวโยงกันดังกล่าว
นอกจากนี้ บุคคลดังกล่าวข้างต้นยังกระทำการเกินกรอบอำนาจหน้าที่และไม่เป็นไปตามนโยบายการลงทุนของ GSC ที่กำหนดให้นำเงินไปลงทุนได้ในความเสี่ยงที่ระดับ 1 เท่านั้น แต่กลับนำไปลงทุนในตราสารหนี้ของ ACAP (Non-investment grade) ที่มีความเสี่ยงสูงกว่าระดับความเสี่ยงที่ลงทุนได้
การกระทำดังกล่าวทำให้ GSC มีความเสี่ยงจากการลงทุนซึ่งกรรมการและผู้บริหารของ GSC เห็นชอบร่วมกันให้นำเงินทั้งหมดที่ GSC เพิ่งได้รับจากการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) ไปให้กู้ยืมเงินแก่ ACAP โดยข้อเท็จจริงพบว่า ACAP นำเงินไปไถ่ถอนหุ้นกู้และตั๋วเงินที่ครบกำหนดชำระของ ACAP ที่มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.5 – 8.0 ต่อปี ทำให้ GSC เสียประโยชน์จากดอกเบี้ยที่ควรได้รับ และ ACAP ได้ประโยชน์จากส่วนต่างดอกเบี้ยของเงินกู้ยืมที่ลดลง
การกระทำของบุคคลทั้ง 7 รายข้างต้น ในฐานะกรรมการและผู้บริหาร GSC ในช่วงเกิดเหตุ เข้าข่ายเป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ความระมัดระวัง และความซื่อสัตย์สุจริต ตามมาตรา 89/7 หรือกระทำผิดหน้าที่โดยทุจริต แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย จนเป็นเหตุให้บริษัทได้รับความเสียหายหรือทำให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ อันเป็นความผิดตามมาตรา 281/2 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 89/7 และมาตรา 89/12 หรือ มาตรา 281/2 วรรคสอง ประกอบมาตรา 89/7 และมาตรา 89/12 และมาตรา 307 มาตรา 311 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา แล้วแต่กรณี ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษบุคคลดังกล่าว ต่อ บก.ปอศ. เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ยังได้แจ้งการดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ข้างต้น ต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ทั้งนี้ การถูกกล่าวโทษข้างต้นมีผลให้ผู้ถูกกล่าวโทษในความผิดกรณีทุจริต เข้าข่ายมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจและไม่สามารถเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทนับตั้งแต่วันที่ถูกกล่าวโทษไปจนตลอดระยะเวลาที่ถูกกล่าวโทษดำเนินคดี
อนึ่ง การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรม ตามลำดับ
อ่านประกอบ :
ทรัพย์สิน 104 ล.'รื่นวดี'เลขาฯก.ล.ต.รายได้ต่อปี 15 ล.จากเงินเดือน-เบี้ยประชุม-โบนัส
ก.ล.ต.ชี้‘จิรายุทธ’ไม่ขาดคุณสมบัตินั่ง‘กรรมการบจ.’ หลังศาลฎีกาฯพิพากษาซุกหุ้น 40 ล.
ศาลอุทธรณ์ฯสั่งปรับ ‘อดีตผู้บริหาร IFEC’ 1 ล้าน ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ
ก.ล.ต.สั่งปรับ‘บก.มิติหุ้น-เจ้าของเว็บไซต์’ 3.7 ล้าน แพร่ข่าวกระทบราคาหุ้น‘JCKH-RPC’
‘ก.ล.ต.’ ลงโทษอดีตผู้แนะนำการลงทุน นำเงินลูกค้า 139 ล้าน ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว
‘ก.ล.ต.’เริ่มแล้วใช้ AI ดักจับปั่นหุ้น-ชู ‘E-Link’ โยงสายสัมพันธ์‘บุคคล-เส้นทางเงิน’
ร้อง‘ก.ล.ต.’สอบ ‘บอร์ดซิโน-ไทย’ ฝ่าฝืนมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น ไม่เข้าซื้อกิจการ STIT
สั่งปรับ 6.2 ล้าน! ก.ล.ต.ฟัน 7 ราย ปั่นหุ้น'เนชั่นทีวี'-'ภควันต์ วงษ์โอภาสี' ร่วมก๊วน
'บอร์ด ก.ล.ต.' เสนอ 'รมว.คลัง' เพิกถอนใบอนุญาตศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ‘Huobi’
ก.ล.ต.ให้‘หมอบุญ-THG’แจงปมอ้างเซ็น กห.นำเข้าไฟเซอร์ เสียมัดจำ 5-6 ร้อยล.
ก.ล.ต.กล่าวโทษ 4 กรรมการ-ผู้บริหาร 'เอื้อวิทยาฯ' ทุจริตซื้อขายเงินลงทุน
ก.ล.ต.ยื่น 'อัยการ' ฟ้องแพ่ง 'ต้องใจ จิตรจรูญสวัสดิ์' จ่ายค่าปรับคดีอินไซด์หุ้น HFT
ไม่มีใบอนุญาต! ก.ล.ต.กล่าวโทษ 'Binance' เจ้าของแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
ก.ล.ต.ส่งอัยการฟ้อง 4 ผู้กระทำผิด คดีปั่นหุ้น KIAT เรียกจ่ายค่าปรับ 226 ล้าน
'ก.ล.ต.' กล่าวโทษอดีตผู้บริหาร 'KC-โมเดิร์นสตรีท' ร่วมกันทุจริตซื้อขายที่ดิน 3 แปลง
เสียหาย 1.1 พันล้าน! ก.ล.ต.กล่าวโทษ 'ผู้บริหาร RICH-พวก' ลงข้อความเท็จในงบการเงิน
ก.ล.ต.สั่งปรับ ‘ซีอีโอ JKN’ 2.1 ล้าน โพสต์เฟซบุ๊กชักชวนซื้อหุ้น