ละเอียดยิบ! เปิดคำพิพากษาศาลฏีกาฯ ฟันปลัดเทศบาล ต.สวนหลวง จ.สมุทรสาคร คดีจงใจยื่นบัญชีฯเท็จ ไม่แสดงโฉนด 13 แปลง เบื้องหลังปกปิดธุรกิจที่ดิน เลี่ยงถูกตรวจสอบการขออนุญาตจัดสรร ขณะที่เจ้าตัวยื่นอุทธรณ์ ที่ประชุมใหญ่ พิพากษายืน
สืบเนื่องจาก สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ก.พ.2563 ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามีคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ พิพากษายืน ตามศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ผู้ร้องยื่นคําร้องว่า นายประชา ไพประพันธ์ ผู้ถูกกล่าวหา เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตําแหน่งปลัดเทศบาลตําบลสวนหลวง (นักบริหารงานท้องถิ่น ระดับสูง) อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่า มีเจตนาไม่แสดง ทรัพย์สินหรือหนี้สิน ที่ดิน 13 แปลง ให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตําแหน่งปลัดเทศบาลตําบลสวนหลวง ที่ดํารงอยู่ในปัจจุบันนับแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2562 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองมีคําวินิจฉัย ห้ามมิให้ ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเฉพาะตําแหน่งที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สิน ตามมาตรา 39 และ 40 เป็นเวลาห้าปี จําคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท โทษจําคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี (อ่านข่าวที่เกี่ยวของ : ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิพากษายืน ปลัดเทศบาล จ.สมุทรสาคร ยื่นเท็จ-คุก 2 เดือน รอลงโทษ 1 ปี)
ประเด็นที่น่าสนใจในคดีนี้ก็คือ การปกปิดบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน กรณีที่ดิน 13 แปลง ที่มีมาจากเรื่องใดหรือชนวนใดเป็นแรงจูงใจ?
ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา เรียบเรียง คำพิพากษาของศาลฎีกาฯวันที่ 22 พฤษภาคม 2562 มารายงาน
องค์คณะผู้พิพากษาประชุมปรึกษาหารือร่วมกันแล้วมีมติโดยเสียงข้างมากว่า การที่ นายประชา ไพประพันธ์ ผู้ถูกกล่าวหา นางศิรินันท์ ไพประพันธ์ ภรรยา และผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ร่วมทำธุรกิจ กล่าวอ้างว่าที่ดินซึ่งมีสภาพเป็นถนนคอนกรีตทั้ง 13 แปลง ไม่อาจโอนขายได้นั้น ไม่ว่าจะตามบทบัญญัติของกฎหมายหรือตามข้อจริงที่ปรากฏตามสารบัญจดทะเบียนในโฉนดที่ดินว่า มีการจดทะเบียนซื้อขายและโอนกรรมสิทธิ์กันได้ แม้เป็นเวลาภายหลังจากที่มีการจดทะเบียนภารจำยอมแล้วก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ซื้อที่ดินส่วนดังกล่าวด้วยก็ดี
การที่ นางศิรินันท์ และผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมซึ่งดำเนินธุรกิจซื้อที่ดินมาแบ่งขายให้แก่บุคคลอื่นกรณีโฉนดที่ดินเลขที่ 9337 ด้วยการแยกถือกรรมสิทธิ์ที่ดินคนละแปลงกับผู้ร่วมธุรกิจให้ดูเสมือนว่าแต่ละแปลงมีการจัดสรรที่ดินไม่ครบจำนวนแปลงตามที่กฎหมายกำหนดและใช้เป็นข้ออ้างว่าไม่ต้องขออนุญาตจัดสรรที่ดินอันเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดซึ่งมีโทษทางอาญาก็ดี
การซื้อที่ดิน 11 แปลง ซึ่งตั้งอยู่ ในตำบลสวนหลวงในสภาพที่ที่ดินนั้นเจ้าของที่ดินเดิมจัดสรรหรือแบ่งแยกที่ดินออกเป็นแปลงย่อยแล้ว คงเหลือที่ดินโฉนดแปลงคงไว้ในสภาพให้เป็นถนนและมีที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งโรงงานขนาดเล็กอยู่ติดต่อกัน หรือในบริเวณใกล้เคียงโดยขณะนั้นยังไม่มีการจดทะเบียนภารจำยอมให้แก่ที่ดินแปลงใด ซึ่งไม่ใช่กรณี ที่ผู้ถูกกล่าวหา นางศิรินันท์ และผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ร่วมทำธุรกิจ ร่วมกันซื้อที่ดินมาแบ่งขายและมีหน้าที่ต้องจดทะเบียนภารจำยอมให้แก่ผู้ซื้อที่ดินตามที่กล่าวอ้างไว้ก็ดี
การจดทะเบียนให้ที่ดินทั้ง 13 แปลง คดีนี้ให้ตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินแปลงอื่น มีจำนวนหลายสิบครั้ง/แปลง มีการจดทะเบียนภารจำยอมให้แก่ผู้ซื้อที่ดินไปจากผู้ถูกกล่าวหา นางศิรินันท์ และผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ร่วมทำธุรกิจตามที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างเพียงสี่ครั้งและเป็นที่ดินจำนวนหกแปลง นอกนั้นไม่ใช่เรื่องตามที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างในคำให้การหรือนำพยานไต่สวน ซึ่งเมื่อพิจารณาประกอบกับการที่ผู้ถูกกล่าวหา นางศิรินันท์ และผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ร่วมทำธุรกิจก็เพื่อแสวงหาผลประโยชน์และหากำไร ทั้งยังต้องลงทุนซื้อที่ดิน โดยที่ดินทั้ง 13 แปลงมีมูลค่ารวมกันหลายล้านบาท ทำให้การจดทะเบียนภารจำยอมที่ไม่ใช่เรื่องต้องดำเนินการให้ผู้ซื้อที่ดินไปจากตน แต่กลับระบุว่าไม่มีค่าตอบแทน ซึ่งขัดแย้งและขาดเหตุผลไม่น่าเชื่อถือก็ดี
และการที่ผู้ถูกกล่าวหานางศิรินันท์ และผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ร่วมธุรกิจ ประกอบธุรกิจที่ดินโดยมีเจตนาที่จะหลีกเลี่ยงในการดำเนินการขออนุญาตจัดสรรที่ดินตามกฎหมายมาอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับการที่ผู้ถูกกล่าวหารับราชการ เป็นปลัดเทศบาลตำบลสวนหลวงมาตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม 2551 เรื่อยมา จนกระทั่งถึงขณะยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง และที่ดิน จำนวน 11 แปลง ซึ่งขณะซื้อมีสภาพเป็นถนนอยู่ก่อนแล้ว ล้วนตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลสวนหลวงซึ่งอยู่ในเขตอำนาจปกครองของหน่วยงานซึ่งผู้ถูกกล่าวหารับราชการอยู่นั่นเอง ดังนั้น การยื่นหรือไม่ยื่นรายการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบกรณีที่ดินซึ่งมีสภาพเป็นถนนทั้ง 13 แปลง คดีนี้จึงมีข้อได้ข้อเสียและมีผลกระทบต่อผู้ถูกกล่าวหาแตกต่างกัน โดยการปกปิดหรือไม่ยื่นจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ถูกกล่าวหามากกว่า เพราะไม่ต้องแจ้งรายการทรัพย์ที่นำไปลงทุนและได้มาจากการประกอบธุรกิจที่ดิน ทั้งไม่อาจตรวจสอบพบการหลีกเลี่ยงไม่ขออนุญาตจัดสรรที่ดินซึ่งผู้ถูกกล่าวหา นางศิรินันท์ และผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ร่วมทำธุรกิจร่วมกันกระทำมา และการไม่ยื่นรายการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบนั้น สอดคล้องกับการกรอกแบบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหาที่ยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2560 ตามแบบสอบถามผู้ถูกกล่าวหาเกี่ยวกับรายได้ประจำรายได้จากทรัพย์สิน และรายได้อื่น ๆ ผู้ถูกกล่าวหาระบุเฉพาะมีรายได้ประจำ คือ เงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และรายได้จากทรัพย์สิน คือ ค่าเช่าอาคารโรงงานของคู่สมรส ส่วนในช่องรายได้อื่น ๆ ผู้ถูกกล่าวหา ไม่ได้ระบุ ทั้งที่ผู้ถูกกล่าวหาและ นางศิรินันท์ ทำธุรกิจเกี่ยวกับที่ดินด้วย ล้วนเป็นเหตุเป็นผลที่ส่อแสดงหรือเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงมูลเหตุจูงใจให้ผู้ถูกกล่าวหาไม่ยื่นแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีที่ดินทั้ง13 แปลง ตามคำร้อง
จึงฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจหรือมีเจตนาไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีที่ดินทั้ง 13 แปลง เพื่อปกปิดการประกอบธุรกิจที่ดินของผู้ถูกกล่าวหา นางศิรินันท์ และผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ร่วมทำธุรกิจ ซึ่งดำเนินการในเขตปกครองที่ผู้ถูกกล่าวหารับราชการอยู่ และการจัดสรรที่ดินโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือหลีกเลี่ยงการขออนุญาตจัดสรรที่ดินตามกฎหมาย ก็เพื่อป้องกันมิให้นำไปสู่การตรวจสอบและพบการกระทำความผิดทั้งทางวินัยและอาญาได้ และเมื่อผลแห่งการวินิจฉัยเป็นดังนี้แล้ว คดีก็ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยในประเด็นข้ออื่น ๆ เนื่องจากไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลแห่งคดีได้
พิพากษาว่า นายประชา ไพประพันธ์ ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน
และหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง
ที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตำแหน่งปลัดเทศบาลตำบลสวนหลวง อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 40 ประกอบมาตรา 32, 33 และ 39 ให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งปลัดเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันนับแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2562 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำวินิจฉัย และองค์คณะผู้พิพากษามีมติเสียงข้างมาก ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเฉพาะตำแหน่งที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 39 และ 40 เป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำวินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 41 วรรคหนึ่ง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
อ่านเรื่องเกี่ยวข้อง
ส.จ.สระบุรีรอด! ศาลฎีกาฯยกคำร้อง ไม่ยื่นฯป.ป.ช. รถกระบะเก่า 1 คัน เงินฝาก 5,099.27 บาท
ศาลฎีกาฯ‘จำคุก-รอลงโทษ’รองนายกเทศฯ จ.พัทลุง - นายก อบต. สกลนคร ไม่ยื่นบัญชีฯ
2 นายกเทศฯสมุทรสงคราม - บางริ้น จ.ระนอง ยื่นบัญชีเท็จ ศาลจำคุก 1-2 เดือน รอฯ 1 ปี
ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิพากษายืน ปลัดเทศบาล จ.สมุทรสาคร ยื่นเท็จ-คุก 2 เดือน รอลงโทษ 1 ปี
คดีขาดอายุความ! ศาลฎีกาฯยกคำร้อง นายก อบต. แสนทอง จ.น่าน ยื่นบัญชีฯเท็จ
คุก 1 เดือน นายก อบต. ใน จ.สิงห์บุรี ปัตตานี คดีบัญชีทรัพย์สิน -รอลงโทษ 1 ปี
ยื่นบัญชีฯเท็จ! ศาลฎีกาฯคุก 1 เดือน นายก อบต.บางพรม จ.สมุทรสงคราม รอลงโทษ 1 ปี
ให้พ้นตำแหน่ง! ศาลฎีกาฯฟันรองนายกเทศมนตรี จ.สุรินทร์ ซุกทรัพย์สิน ป.ป.ช. 4 ครั้ง
ศาลฎีกาฯยกคำร้อง ‘เล็ก เมืองนนท์’ยื่นบัญชีฯเท็จ เหตุขาดอายุความ-เคยถูก ตร.ยุคบิ๊กโจ๊กสอบ
ศาลฎีกาฯคุก 1 ด.-รอลงโทษ รองนายกอบต. จ.สตูล -รองเทศมนตรี จ.สุราษฎร์ฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ
ลอตใหม่ปี 63 !ศาลฎีกาฯฟัน 6 คดีบัญชีทรัพย์สิน-ให้นายก อบต.บางขนุน นนทบุรี พ้นทันที
รายชื่อ 117 นักการเมือง ถูกศาลฎีกาฯฟันคดียื่นบัญชีทรัพย์สิน-ท้องถิ่น 110 คน
INFO: 28 นักการเมือง หลุดคดีบัญชีทรัพย์สิน ปี 62
รายชื่อ 28 นักการเมือง ศาลฎีกาฯ ยกคำร้อง คดีบัญชีทรัพย์สินปี 62
INFO: 117 นักการเมือง ศาลฎีกาฯ ฟัน จงใจยื่น‘บัญชีฯเท็จ-ไม่ยื่น’ป.ป.ช. ปี 2562
ปี 62 นักการเมือง 117 คนถูกศาลฎีกาฯฟันคดีบัญชีทรัพย์สิน-รองนายก อบต.มากสุด 51 ราย
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/