อีกกรณี! เปิดคำพิพากษาศาลฎีกา ยกคำร้อง คดี เชษฐา ไชยสัตย์ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 2 อุบลราชธานี พรรครวมไทยรักษาชาติ โดน กกต. ตัดสิทธิ์ ไม่ประกาศชื่อเป็นผู้รับสมัครฯ เหตุไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อมสภาเทศบาลเมืองวารินชำราบ แล้วไม่แจ้งเหตุที่ไม่ไป ถูกจำกัดสิทธิมิให้สมัคร ส.ส.
นายสุทธิรัตน์ ประสงค์ธรรม ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคประชากรไทย ถูก ศาลฎีกามีคำสั่งถอนชื่อออกจากบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่ 13 กรุงเทพมหานคร เนื่องจากไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพฯและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตามที่รายงานแล้ว
คราวนี้เป็นอีกกรณี ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ถูกตัดสิทธิ์เนื่องจากไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาเทศบาลเมืองวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2566 ศาลฎีกา มีคำสั่งยกคำร้องของ นายเชษฐา ไชยสัตย์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. แบบแบ่งเขตพรรครวมไทยรักษาชาติ กรณียื่นคำร้องต่อศาลว่า ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดอุบลราชธานี ไม่ประกาศรายชื่อผู้ร้อง เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. โดยให้เหตุผลว่า ผู้ร้องไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งและมิได้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อมสภาเทศบาลเมืองวารินชำราบ จึงเป็นผู้ถูกจำกัดสิทธิในการรับสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 มาตรา 42 (1)
โดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการที่ กกต.ไม่ประกาศชื่อผู้ร้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดอุบลราชธานี นั้นชอบแล้ว
นายเชษฐา ไชยสัตย์
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เรียบเรียงคำสั่งศาลฎีกา มารายงาน
คดีความเลือกตั้ง
ระหว่าง นายเชษฐา ไชยสัตย์ ผู้ร้อง
ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดอุบลราชธานี ผู้คัดค้าน
เรื่อง พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฯ (สิทธิสมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขต)
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตของพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่ผู้คัดค้านไม่ประกาศรายชื่อผู้ร้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยอ้างว่า ผู้ร้องไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งและมิได้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาเทศบาลเมืองวารินชำราบ เขตเลือกตั้งที่ 1 กรณีแทนตำแหน่งที่ว่างเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2565 จึงเป็นผู้ถูกจำกัดสิทธิในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 42 (1) แต่เหตุที่ผู้ร้องมิได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งและมิได้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งดังกล่าวเพราะผู้ร้องไม่ได้พักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 377/2 ถนนกันทรลักษณ์ ตำบลวารินชำราบ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี และผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวมิได้แจ้งให้ผู้ร้องทราบเป็นการกลั่นแกล้งผู้ร้องให้ถูกตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ขอให้มีคำสั่งให้ผู้คัดค้านรับสมัครผู้ร้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านตรวจสอบหลักฐานการสมัคร คุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายแล้วไม่ประกาศรายชื่อผู้ร้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งเนื่องจากตรวจสอบพบว่า ผู้ร้องมีรายชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และมิได้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง จึงถูกจำกัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรา 42 (1) ของพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ขอให้ยกคำร้อง
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งตรวจพยานหลักฐานของคู่ความทั้งสองฝ่ายที่เสนอต่อศาลในวันนัดพร้อมแล้วเห็นว่า คดีไม่จำเป็นต้องไต่สวนพยานหลักฐาน จึงให้งดไต่สวน
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าผู้ร้องมีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 38 บัญญัติว่า "บุคคลผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง...(3) มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าหนึ่งปีนับถึงวันเลือกตั้ง..." มาตรา 42 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "ผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้ใดไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งและมิได้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หรือแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งแล้ว แต่เหตุนั้นมิใช่เหตุอันสมควร ผู้นั้นถูกจำกัดสิทธิ ดังต่อไปนี้...(1) สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร..." และวรรคสองบัญญัติว่า "การจำกัดสิทธิตามวรรคหนึ่ง ให้มีกำหนดเวลาครั้งละสองปีนับแต่วันเลือกตั้งครั้งที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หากในการเลือกตั้งครั้งต่อไปผู้นั้นไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งอีก ให้นับเวลาการจำกัดสิทธิครั้งหลังนี้โดยนับจากวันที่มีได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งใหม่และหากกำหนดเวลาการจำกัดสิทธิครั้งก่อนยังเหลืออยู่เท่าใดให้กำหนดเวลาการจำกัดสิทธินั้นสิ้นสุดลง"
ข้อเท็จจริงปรากฏตามคำร้อง เอกสารประกอบคำร้อง คำคัดค้าน และเอกสารประกอบคำคัดค้านว่า เมื่อวันที่ 21สิงหาคม 2565 มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองวารินชำราบ เขตเลือกตั้งที่ 1 กรณีแทนตำแหน่งที่ว่าง โดยผู้ร้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเลขที่ 377/2 ถนนกันทรลักษณ์ ตำบลวารินชำราบ อำเภอว่ารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ระหว่างวันที่ 14 กรกฎาคม 2554 ถึงวันที่ 22 สิงหาคม 2565 ตามแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎร เอกสารท้ายคำร้องแผ่นที่ 23 ถึง 25 และเอกสารหมาย ค.4 ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองวารินชำราบ เขตเลือกตั้งที่ 1 กรณีแทนตำแหน่งที่ว่างในคราวดังกล่าวเพราะเป็นบุคคลมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าหนึ่งปีนับถึงวันเลือกตั้งตามบทบัญญัติของกฎหมาย ตามบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองวารินชำราบ เอกสารหมาย ค.7 หน้าที่ 8 ถึง 10
เมื่อปรากฏว่าผู้ร้องไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งและมิได้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งตามประกาศนายทะเบียนท้องถิ่นเทศบาลเมืองวารินชำราบ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เรื่องบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งและมิได้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งหรือแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งแล้วแต่เหตุนั้นมิใช่เหตุอันสมควร เอกสารหมาย ค.7 หน้าที่ 4 ถึง 6 อีกทั้งนับแต่วันเลือกตั้งซึ่งผู้ร้องไม่ไปใช้สิทธิดังกล่าวจนถึงวันสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ตามประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง กำหนดวันเลือกตั้ง วันสมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งวันรับสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อและสถานที่ที่พรรคการเมืองจะส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ เอกสารหมาย ค.3 ซึ่งกำหนดให้วันที่ 3 เมษายน 2566 ถึงวันที่ 7 เมษายน 2566 เป็นวันรับสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งยังไม่ครบกำหนดสองปี
ผู้ร้องจึงต้องถูกจำกัดสิทธิมิให้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 42 (1) ที่ผู้ร้องอ้างว่าไม่ไปใช้สิทธิดังกล่าวเนื่องจากผู้เป็นเจ้าบ้านที่ผู้ร้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนไม่แจ้งให้ทราบโดยมีเหตุจูงใจอย่างหนึ่งอย่างใดหรือไม่ ไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง ที่ผู้คัดค้านไม่รับสมัครผู้ร้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งชอบแล้ว คำร้องของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง.
คดีเลือกตั้งอื่น
- กรณีศึกษา : ศาลฎีกาสั่งถอนชื่อสมัคร ส.ส. เพราะไม่ไปเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.-ส.ก.
- มีประวัติถูกปลดพ้นนายก อบต.! ศาลฎีกายกคำร้องผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคชาติไทยพัฒนา
- ถือน้อยไม่มีอำนาจสั่งการ!คำพิพากษาศาลฎีกาคืนสิทธิ์สมัคร ส.ส. 'ชาญชัย'ปม AIS 200 หุ้น
- โดนปลดพ้นนายกเทศฯ คดีอยู่ระหว่าง‘ทุเลา’คำสั่ง! ศาลฎีกาคืนสิทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส. ภูมิใจไทย