ข้อมูลในเอกสารระบุต่อว่าวัตถุโบราณที่ถูกโยกเข้าเป็นสินทรัพย์ที่อยู่ในสกันด้าทรัสต์ซึ่งมีมูลค่าหลายล้านปอนด์ ถูกย้ายไปยังศิวะ ทรัสต์ ซึ่งกองทรัสต์เหล่านี้ได้รับการออกแบบมาให้มีหลายชั้นยากต่อการเข้าถึงทรัพย์สินที่นายดักลาสต้องการจะปกปิดไว้
สืบเนื่องจากที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รายงานข่าวเชิงลึก จากฐานข้อมูล “แพนโดรา เปเปอร์ส” ของเครือข่ายผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนระหว่างประเทศ หรือ ไอซีไอเจ (International Consortium of Investigative Journalists: ICIJ) ที่เปิดความลับทางการเงินของผู้นำระดับโลกทั้งอดีตและปัจจุบันกว่า 35 ราย นักการเมืองมากกว่า 330 ราย เจ้าหน้าที่ของรัฐใน 91 ประเทศ มหาเศรษฐีกว่า 130 ราย รวมไปถึงนักต้มตุ๋นและอาชญากรหลายราย อันมีที่มาจากฐานข้อมูลบริษัทเอเย่นต์รับจดทะเบียนและดูแลบริษัทนอกอาณาเขต 14 แห่งทั่วโลก ซึ่งรับจดทะเบียนตั้งบริษัทให้กับลูกค้าที่ต้องการเก็บข้อมูลทางการเงินของตนไว้ให้อยู่ในที่ลับ
ล่าสุดสำนักข่าวอิศราได้รับทราบข้อมูลว่าบริษัทนอกอาณาเขตเหล่านี้นั้นมีส่วนร่วมในการค้าโบราณวัตถุอันผิดกฎหมายในประเทศต่างๆรวมถึงประเทศไทย
โดยข้อมูลจากเอกสารแพนโดรา หรือแพนโดราเปเปอร์สนั้นระบุความเชื่อมโยงระหว่างนายดักลาส แลทช์ฝอร์ด ผู้ลักลอบค้าวัตถุโบราณกัมพูชารายใหญ่กับกองทรัสต์นอกอาณาเขต ซึ่งนายดักลาสนั้นได้เสียชีวิตไปเมื่อปีวันที่ 2 สิงหาคม 2563 ด้วยวัย 88 ปี
ข่าวการส่งโบราณวัตถุจากประเทศอังกฤษกลับคืนสู่ประเทศกัมพูชาจำนวน 5 ชิ้น (อ้างอิงวิดีโอจาก Khmer Times)
ซึ่งจากข้อมูลในเอกสารปรากฎว่านายดักลาสและครอบครัว มีชื่อเป็นผู้รับผลประโยชน์ของทรัสต์นอกอาณาเขตที่เกาะเจอร์ซีย์ในหมู่เกาะแชนแนล ประเทศอังกฤษ จำนวน 2 แห่งคือ สกันดา ทรัสต์ (Skanda Trust) และศิวะ ทรัสต์ (Siva Trust) โดยมีทรัสต์อีกแห่งหนึ่งในหมู่เกาะบริติชเวอร์จินเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ โดยระบุว่าเพื่อการจัดการทรัพย์สินและประโยชน์ทางภาษี
ข้อมูลในเอกสารระบุต่อว่าวัตถุโบราณที่ถูกโยกเข้าเป็นสินทรัพย์ที่อยู่ในสกันด้าทรัสต์ซึ่งมีมูลค่าหลายล้านปอนด์ ถูกย้ายไปยังศิวะ ทรัสต์ ซึ่งกองทรัสต์เหล่านี้ได้รับการออกแบบมาให้มีหลายชั้นยากต่อการเข้าถึงทรัพย์สินที่นายดักลาสต้องการจะปกปิดไว้
จากการตรวจสอบเอกสารโดยไอซีไอเจ พบว่า สกันดา ทรัสต์ ถูกตั้งขึ้นเดือนมิถุนายน 2554 ไม่ถึงสามเดือนหลังจากที่พนักงานอัยการทำการสืบสวนสอบสวนการลักลอบค้าวัตถุโบราณและหยุดยั้งการขายวัตถุโบราณของนายดักลาสไว้ ซึ่งกองทรัสต์นั้นถือสินทรัพย์ในบริษัทกองทุนและบริหารสินทรัพย์ต่ออีกทอดหนึ่งรวมถึง Rathbones, HSBC Private Bank, Headstart Fund of Funds และ Limestone Fund SPC Wider Russia และมีผู้รับผลประโยชน์เป็นบริษัทจดทะเบียนในฮ่องกงซึ่งคาดว่านายดักลาสเป็นผู้มีอำนาจควบคุม โดยพบว่ากองทรัสต์นั้นมีทรัพย์สินที่จดทะเบียนเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงวัตถุโบราณที่เก็บอยู่ในสกันดา ทรัสต์ มีมูลค่าราว 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 300 กว่าล้านบาท
รูปปั้นนกยูงกัมพูชา ที่ถูกพบว่าอยู่ในกองทรัสต์สกันดา
ต่อมาในเดือนกันยายน 2555 ศิวะ ทรัสต์ ได้ถูกจัดตั้งขึ้นโดยบริษัททรัสต์เอกชนที่ยากต่อการเข้าถึงข้อมูล ซึ่งลูกสาวนายดักลาสแถลงว่า เป็นไปเพื่อเหตุผลในบริหารค่าใช้จ่ายกองทรัสต์ ไม่ใช่เพื่อการปกปิดความลับแต่อย่างใด แต่ต่อมากลับพบว่าทรัพย์สินที่จดทะเบียนในสกันดา ทรัสต์ ได้ถูกโอนต่อไปยังศิวะ ทรัสต์ เช่น รูปสำริดพระพุทธเจ้าซึ่งมีมูลค่ากว่า 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ลูกสาวของนายดักลาสได้กล่าวว่าจะคืนวัตถุโบราณทั้งหลายที่นายดักลาสสะสมไว้กว่า 125 ชิ้น มูลค่ากว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 2.3 พันล้านบาท รวมถึงรูปเงิน ทอง ทองแดง และหินทรายโบราณ ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้วัตถุโบราณจำนวน 5 ชิ้นแรกก็ได้เดินทางถึงกัมพูชาแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าลูกสาวและลูกเขยของนายดักลาสจะไม่ได้ถูกดำเนินคดี แต่วัตถุโบราณทั้งหลายที่เก็บไว้ในสกันดา ทรัสต์ และศิวะ ทรัสต์ นั้นยังคงถูกตั้งคำถามถึงแหล่งที่มาที่แท้จริง
แม้นายดักลาสเคยพยายามที่จะต่อรองขอคืนวัตถุโบราณทั้งหลายเพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี แต่ครอบครัวของนายดักลาสกล่าวว่า ไม่ทราบถึงเรื่องดังกล่าวและเข้าใจว่าเป็นเพียงการแสดงออกที่ถูกต้อง
โดยเมื่อปี 2562 ที่ทางการสหรัฐอเมริกาดำเนินคดีกับนายดักลาส ก็ได้ยึดวัตถุโบราณกว่าหลายร้อยชิ้นเพื่อนำส่งคืนแหล่งที่มา
นอกจากนี้ การสืบสวนเรื่องราวของนายดักลาสยังได้ถูกขยายออกไปในมุมของตลาดค้าวัตถุโบราณทั่วทั้งโลกซึ่งถูกบังหน้าไว้ด้วยบริษัทนอกอาณาเขต กองทรัสต์และองค์กรทั้งหลาย เพื่อการซื้อขายวัตถุโบราณที่มีที่มาไม่ชอบ
ถึงแม้ว่าบรรดาพิพิธภัณฑ์จะส่งคืนวัตถุโบราณบ้างแล้ว แต่พบว่ายังคงมีวัตถุโบราณอย่างน้อย 12 ชิ้นที่พิพิธภัณฑ์ Metropolitan Museum of Art ในเมืองนิวยอร์กก็ผ่านการขายโดยนายดักลาส และอีก 15 ชิ้นที่ British Museum ในกรุงลอนดอน, National Gallery of Australia, Denver Art Museum และ Cleveland Museum of Art นอกจากนี้ยังพบวัตถุโบราณอื่นกว่า 16 ชิ้นที่ผ่านการขายโดยผู้เกี่ยวข้องกับนายดักลาส ซึ่งพิพิธภัณฑ์เหล่านี้ก็ไม่ได้แสดงใบอนุญาตส่งออกที่อนุมัติโดยรัฐบาลแต่อย่างใด และในบางพิพิธภัณฑ์เองก็ไม่มีแม้แต่เอกสารเสียด้วยซ้ำ
ถึงแม้จะปรากฏความเชื่อมโยงและความน่าสงสัยมากมายระหว่างนายดักลาสและวัตถุโบราณที่พิพิธภัณฑ์ครอบครองอยู่ และพิพิธภัณฑ์หลายแห่งก็ไม่อาจแสดงถึงแหล่งที่มาที่แท้จริงของวัตถุโบราณเหล่านั้นได้ แต่ในการเรียกวัตถุโบราณกลับคืนนั้นเป็นภาระของประเทศต้นทางที่จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าวัตถุโบราณเหล่านั้นมีที่มาไม่ถูกต้องอย่างไร
นายดักลาส แลทช์ฝอร์ด (อ้างอิงวิดีโอจาก You News 2)
แต่วัตถุโบราณจำนวนดังกล่าวเป็นเพียงส่วนเล็กส่วนหนึ่งของทั้งหมดเนื่องจากการขายในหลายครั้งเป็นการซื้อขายกันเองภายนอก
ในขณะที่มีการวิจารณ์ว่า ควรจะเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดอยู่แล้วหากวัตถุเหล่านั้นถูกขโมยมาเนื่องจากบางกรณีเป็นที่ทราบกันดีว่าวัตถุเหล่านั้นหายไป แต่กลับมีการนำมาบริจาคให้กับเหล่าพิพิธภัณฑ์ทั้งหลายต่อ และถึงแม้การขายวัตถุโบราณที่ปรากฏชื่อนายดักลาสจะไม่ได้หมายความว่าวัตถุเหล่านั้นถูกขโมยมา แต่เมื่อเรื่องราวของนายดักลาสได้ถูกเปิดโปง พิพิธภัณฑ์ทั้งหลายก็มีหน้าที่ที่จะต้องสืบสวนหาความจริงถึงที่มาของวัตถุโบราณเหล่านั้นอันถือเป็นแนวทางที่ดีที่เหล่าผู้ครอบครองวัตถุโบราณควรปฏิบัติ
อนึ่งจุดเริ่มต้นเส้นทางการสะสมวัตถุโบราณของนายดักลาส มาจากตอนที่เขาย้ายมาอยู่กรุงเทพมหานครตั้งแต่อายุ 20 ปี โดยเริ่มลงทุนในบริษัทยาและบริษัทตัวแทนจำหน่าย และมักจะปรากฏตัวตามงานสังคมชั้นสูงอยู่เสมอนั้น วัตถุโบราณชิ้นแรกที่นายดักลาสซื้อมาเมื่ออายุ 26 ปีเป็นประติมากรรมทรายราคา 700 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 23,000 บาทจากตลาดมืดในกรุงเทพ และต่อมาศิลปวัตถุโบราณกลายมาเป็นความฝักใฝ่อย่างแรงกล้าตลอดชีวิตของนายดักลาส นายดักลาสยังได้บริจาควัตถุโบราณจากกัมพูชาให้กับพิพิธภัณฑ์ทั่วโลก และยังเคยได้รับเกียรติคุณจากนายกรัฐมนตรีกัมพูชาในฐานะผู้บริจาคให้กับพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ
ปรากฏว่าต่อมาความหลงใหลของนายดักลาสกลับกลายเป็นการพัวพันกับตลาดค้าวัตถุโบราณเถื่อนในประเทศไทย กัมพูชา และลาว โดยวัตถุเหล่านี้ถูกถอดออกมาจากสถานที่โบราณและลักลอบขนถ่ายทางเกวียนผ่านชายแดนประเทศไทยเพื่อนำออกมาขายต่อเป็นทอด แต่เมื่อถึงมือผู้ซื้อกลับถูกปกปิดถึงแหล่งที่มาที่แท้จริง
ในขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐกระทรวงศิลปะและวัฒนธรรมของกัมพูชากล่าวว่า รัฐบาลยังคงมีความพยายามที่จะนำวัตถุโบราณกลับคืนเนื่องจากวัตถุโบราณเหล่านี้เปรียบเสมือนเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจ
แต่อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ก็ยังคงมีวัตถุโบราณอีกเป็นจำนวนมากอยู่นอกประเทศ และเจ้าหน้าที่ของกัมพูชาก็ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการค้นหาวัตถุโบราณเหล่านั้นเพื่อนำกลับมายังประเทศของตัวเองต่อไป
เรียบเรียงจาก:Pandora Papers link Donald Latchford with secret offshore trusts (returningheritage.com)
อ่านข่าวประกอบ ‘แพนโดรา เปเปอร์ส’ ในส่วนของประเทศไทย
แพนโดราเปเปอร์ส: อาชญากรข้ามชาติ ใช้ บ.ออฟชอร์ฟอกเงิน-ผูกคอตายในห้องขัง บช.ปส.ไทย
ส่องท่าทีโลก หลังเปิดโปง 'แพนโดราเปเปอร์ส' ปลุกกระแสสกัดกลธุรกิจมหาเศรษฐี-ไทยยังเงียบ?
แพนโดราเปเปอร์ส: เปิด Google Maps ลัดฟ้ากรุงลอนดอน ตามหา อพาร์ตเม้นท์ 'จิตภัสร์'
แพนโดรา เปเปอร์ส! เจาะฐานข้อมูล บ.นอกอาณาเขตทั่วโลก 'มหาเศรษฐีไทย’ หลายตระกูล
พบ 6 ตระกูลร่ำรวยสูงสุดไทย ถือครอง บ.นอกอาณาเขต ใน ‘แพนโดรา เปเปอร์ส’
แพนโดราเปเปอร์ส : ‘เฉลิม อยู่วิทยา’ มี บ.นอกอาณาเขตไม่ต่ำกว่า 4 แห่ง ทรัพย์สินมหาศาล
แพนโดราเปเปอร์ส : แกะรอย บ.สยาม แอร์เน็ท - เครื่องบินเจ็ทหรู ครอบครัว 'เฉลิม อยู่วิทยา'
แพนโดราเปเปอร์ส : 'จิตภัสร์' รับโอนหุ้น บ.เจ้าของอพาร์ตเม้นท์ลอนดอน ไม่มีในบัญชี ป.ป.ช.
แพนโดราเปเปอร์ส : บ.นอกอาณาเขต 100 แห่ง 7หมื่นล. 'เจ้าสัวเจริญ' ก่อนซื้อที่ดินพ่อบิ๊กตู่
แพนโดราเปเปอร์ส : ส่องข้ามโลก ตามหา 4 บ.นอกอาณาเขต -โครงข่ายธุรกิจ 'เฉลิม อยู่วิทยา'
แพนโดราเปเปอร์ส : บัญชีทรัพย์สิน 664 ล. 'จิตภัสร์' ไม่มีหุ้น บ.อพาร์ตเม้นท์ในลอนดอน
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage