เครือข่ายภาคประชาชนฯ จี้ ‘กขค.’ ทบทวนมติอนุญาต ‘ซีพี’ ควบรวม ‘เทสโก้ โลตัส’ ชี้ทำเศรษฐกิจเสียหายร้ายแรง-เกิดการผูกขาดทางธุรกิจ เผยหลังควบรวมกลุ่มซีพีมีรายได้จากธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง 9.5 แสนล้านบาท/ปี ‘สารี’ เรียกร้องประชาชนส่ง ‘อีเมล์’ ถึง 'กขค.เสียงข้างมาก' คัดค้านมติ
................
เมื่อวันที่ 27 พ.ย. องค์กรผู้บริโภคและภาคประชาชน แถลงกรณีคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) มีมติ 4 ต่อ 3 เสียง อนุญาตให้รวมธุรกิจระหว่างกลุ่มซี.พี. และบริษัท เทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด โดยน.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า มูลนิธิฯและเครือข่ายภาคประชาสังคม รู้สึกผิดหวังกับมติกขค.เป็นอย่างมาก เพราะการอนุญาตให้รวมกิจการดังกล่าว จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจและทำให้เกิดการผูกขาดทางธุรกิจ
“กขค.บอกว่ามีอำนาจเหนือตลาด แต่ไม่ผูกขาด ฟังอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ทำให้นึกย้อนไปถึงคำตัดสินของป.ป.ช.เรื่องนาฬิกาเพื่อน ซึ่งเป็นการยืมใช้ แต่เพราะเป็นสินค้าคงรูป จึงไม่ต้องแสดงรายการในบัญชีทรัพย์สิน ทั้งนี้ เครือข่ายองค์กรผู้บริโภครับไม่ได้กับคำวินิจฉัยในครั้งนี้ ขณะที่ กขค.เสียงข้างน้อยเองยังพูดไว้ชัดเจนว่า จะส่งกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เพราะการรวมธุรกิจทำให้เกิดการผูกขาดหรือครอบงำทางเศรษฐกิจได้” น.ส.สารีกล่าว
น.ส.สารี กล่าวว่า การรวมธุรกิจระหว่างซีพี ออลล์ ที่มียอดขาย 25,453 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/ปี หรือ 7.7 แสนล้านบาท/ปี ซึ่งคิดเป็นส่วนแบ่ง 67.9% ของตลาด GROCERY (ตลาดค้าปลีกค้าส่ง) ในไทย และเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาดอยู่แล้ว กับเทสโก้ โลตัส ซึ่งมียอดขาย 6,024 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/ปี หรือ 1.8 แสนล้านบาท/ปี หรือคิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 16.07% จะทำให้กลุ่มซีพีมีส่วนแบ่ง 83.97% ของตลาด GROCERY และมีรายได้ 9.5 แสนล้านบาท/ปี แต่กขค.กลับมองว่าไม่ผูกขาดได้อย่างไร
นอกจากนี้ การอนุญาตให้รวมธุรกิจครั้งนี้จะทำให้ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีความเหลื่อมล้ำสูงอยู่แล้ว อีกทั้งยังทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกลดลง เพราะกลุ่มซีพีมีธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ถึงปลายน้ำ จึงมีต้นทุนการผลิตที่ถูกลง และเมื่อผู้ผลิตรายอื่นๆอยู่ไม่ได้ ผู้บริโภคก็ไม่มีทางเลือก ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่อารยประเทศไม่ทำกัน อย่างในบางประเทศธุรกิจค้าปลีกที่มีส่วนแบ่งตลาด 25% ถือเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาดที่ไม่อนุญาตให้รวมธุรกิจแล้ว
“แม้กขค.จะบอกว่าอำนาจของกรรมการฯเป็นที่สิ้นสุดแล้ว ถ้าใครจะใช้สิทธิ์ต้องไปฟ้องศาล แต่เรื่องนี้เป็นที่น่าแปลกใจว่า มติกขค.ไม่ได้เป็นเอกฉันท์ คือมีมติ 4 ต่อ 3 และเพิ่งเคยเห็นประธานแพ้มติในที่ประชุม ถือว่าไม่ชอบมาพากลพอสมควร จึงอยากให้พวกเราทุกคนเขียนอีเมล์ไปถึงกรรมการกขค.เสียงข้างมาก ว่า เราไม่เห็นด้วย ขอให้คุณทบทวน คุณจะบอกว่าจบแล้ว เบ็ดเสร็จเด็ดขาด อันนี้ก็พูดง่ายไป เพราะสังคมไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ดำเนินการไป” น.ส.สารีกล่าว
นายปรีดา เตียสุวรรณ์ ที่ปรึกษาเครือข่ายธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และผู้ผลักดันกฎหมายแข่งขันทางการค้า กล่าวว่า การที่กขค.มีมติให้รวมธุรกิจระหว่างซีพีออลล์กับเทสโก้ โลตัส แม้ไม่เป็นมติเอกฉันท์ แต่ไม่ทราบว่ากขค.เสียงข้างมากใช้หลักวิชาการจากสำนักใด เพราะที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็แย่อยู่แล้ว โดยซีพีออลล์มีอำนาจเหนือตลาดชัดเจน ดังนั้น กขค. จึงมีหน้าที่ลดอำนาจเหนือตลาดของซีพีออลล์ลงมาให้มีส่วนแบ่งตลาดใกล้ 50% ของตลาด ไม่ใช่ทำให้เพิ่มขึ้น
“กขค.ต้องสร้างผู้แข่งขันให้มากขึ้น ทำให้ผู้ผลิตมีอำนาจต่อรอง เพื่อช่วยให้เขารักษาโรงงานได้ รักษาแรงงานที่เขาต้องดูแลได้ ถ้าผู้ผลิตสินค้าอยู่ไม่ได้ แรงงานก็มีปัญหา และปัจจุบันผู้ผลิตสินค้าเหล่านี้ส่งสินค้าไปต่างประเทศด้วย หากเขาอยู่ไม่ได้ก็จะกระทบการส่งออก ส่วนผู้บริโภคเองก็หนาว เพราะเขาจะขึ้นราคาอย่างไรก็ได้ ผมจึงไม่เข้าใจจริงๆว่ากขค.เสียงส่วนใหญ่ 4 ท่าน ใช้หลักอะไรมาวินิจฉัย และไม่มีความเป็นธรรมอะไรเลยที่อยู่ตรงนี้” นายปรีดากล่าว
นายปรีดา ยังเรียกร้องให้สังคมจับตามองการอนุญาตให้รวมธุรกิจครั้งนี้ และช่วยกันแก้ไข เพราะประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับชีวิตคนไทยทุกคนและอนาคตของประเทศด้วย เนื่องจากหากปล่อยให้ตัวอย่างนี้ออกไปได้ กลุ่มอุตสาหกรรมอื่นก็จะมีการควบรวมในลักษณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันรายได้กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มคนจำนวนน้อยอยู่แล้ว จึงต้องทำให้มีการกระจายความมั่งคั่งเหล่านี้ออกไป
ด้านนายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า การที่กขค.อนุญาตให้ซีพีควบรวมกิจการกับเทสโก้ โลตัส จะทำให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจร้ายแรง ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคส่วนรวมโดยตรง และขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายการแข่งขันทางการค้าที่ไม่ยินยอมให้มีอำนาจเหนือตลาด จากปัจจุบันที่ธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มซีพีมีการผูกขาดทางการตลาดอย่างชัดเจนอยู่แล้ว รวมทั้งจะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้น
“กขค.ต้องทบทวนมติเรื่องนี้โดยเร่งด่วน เพราะนอกจากมติจะไม่มีเป็นฉันท์ มีหลายข้อที่เป็นข้อครหาของสังคม ดังนั้น รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ต้องเข้าไปตรวจสอบ โดยเฉพาะกรณีที่กขค.อ้างว่าไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างร้ายแรงนั้น ไม่รู้ว่าใช้หลักการอะไร และการที่กขค.แยกตลาดค้าส่งและค้าปลีกออกจากกัน ถือเป็นการใช้เทคนิคที่ทำให้การอนุญาตทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งไม่ใช่หลักสากลที่ห้ามไม่ให้ผูกขาดตลาดเกินกึ่งหนึ่ง”นายเมธากล่าว
อ่านประกอบ :
ห่วงผูกขาด! ครป.จี้รัฐทบทวนมติ ‘ซีพี’ควบ‘เทสโก้ โลตัส’-กขค.เปิดคำวินิจฉัยส่วนตน
กระทบศก.ร้ายแรง-เพิ่มเหลื่อมล้ำ! เหตุผล กขค.เสียงข้างน้อย ไม่อนุญาต ‘ซี.พี.’ควบ‘เทสโก้ โลตัส’
ไม่เป็นการผูกขาด! คกก.แข่งขันการค้าฯไฟเขียว‘ซีพี’ควบรวม ‘เทสโก้ โลตัส’-กำหนด 7 เงื่อนไข
2 ปี ‘คกก.แข่งขันทางการค้า’ กับ 'การใช้ดุลพินิจ-ไม่เปิดคำวินิจฉัย'
สั่งปรับเซ็นทรัลฯ 5.9 ล.! ผิดกม.แข่งขันการค้า-กีดกัน ‘บ.คู่แข่ง’ เช่าพื้นที่ห้างขายคอนโด
เข้าข่ายค้าไม่เป็นธรรม! สอบ ‘ฟู้ดเดลิเวอรี่แอพฯ’ ตั้งเงื่อนไขห้ามร้านค้าใช้บริการเจ้าอื่น
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage