คุก 2 ปี 6 ด. แต่รอลงโทษ! อดีตนายกฯทาสบเส้า ลำพูน-พวก เบียดบังค่าโฆษณาสถานีวิทยุฯ

เขียนวันที่

วันศุกร์ ที่ 04 กันยายน 2563 เวลา 07:30 น.

เขียนโดย

isranews

Hits

5131 views

news lumpoon0409

ป.ป.ช. เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา 'แสงอรุณ รังรองธานินทร์' อดีตนายกเทศมนตรีตำบลทาสบเส้า อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน -พวก จัดตั้งสถานีวิทยุประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารให้เอกชนเป็นคู่สัญญาไม่นำส่งค่าโฆษณาเป็นรายได้แผ่นดิน ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 มีคำพิพากษาลงโทษ จำคุก 5 ปี ปรับ 30,000 บาท ให้การรับสารภาพลดโทษเหลือ 2 ปี 6 เดือน ปรับ 15,000 บาท ไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน ชดใช้ค่าเสียหายครบแล้ว ให้โอกาสกลับตนเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกรอไว้มีกำหนด 2 ปี

..................................

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา นางแสงอรุณ รังรองธานินทร์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลทาสบเส้า อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน กับพวก 2 ราย คือ นายธนาธิศย์ หรือธนาทิตย์ หงส์ทอง และนายพิสิษฐ์ กอบแก้ว จัดตั้งสถานีวิทยุเพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารโดยให้เอกชนมาเป็นคู่สัญญาแล้วไม่นำส่งค่าโฆษณาเป็นรายได้แผ่นดิน

ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และ 157 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 มีคำพิพากษาว่า นางแสงอรุณ รังรองธานินทร์ จำเลยที่ 1 และ นายธนาธิศย์ หรือธนาทิตย์ หงส์ทอง จำเลยที่ 2 มีความผิด ตามมาตรา 151 ประกอบมาตรา 83 ลงโทษ จำคุก จำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละ 5 ปี ปรับคนละ 30,000 บาท

นายพิสิษฐ์ กอบแก้ว จำเลยที่ 3 มีความผิดตามมาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 ลงโทษ จำเลยที่ 3 จำคุก 3 ปี 4 เดือน ปรับ 20,000 บาท

จำเลยทั้ง 3 ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่ง คงจำคุก จำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละ 2 ปี 6 เดือน ปรับคนละ 15,000 บาท และลงโทษ จำเลยที่ 3 จำคุก 1 ปี 4 เดือน ปรับ 10,000 บาท

จำเลยทั้ง 3 ไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน และได้นำค่าเสียหายไปชดใช้ให้กับเทศบาลตำบลทาสบเส้าจนครบแล้ว

เห็นควรให้โอกาสจำเลยทั้งสามกลับตนเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกสำหรับจำเลยทั้งสาม จึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี

เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2563 มีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5

อย่างไรก็ดี สำหรับคดีนี้ ยังไม่สิ้นสุด จำเลย มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้

สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท

picnewsrftg9 4 63