ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าคดีทุจริตสอบคัดเลือกครูผู้ช่วยพื้นที่การศึกษานครราชสีมา เขต 7 ล็อตสอง! ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 พิพากษาลงโทษ จำคุก 6 ราย รอด 14 ราย หนักสุดโดน 9 ปี 3 เดือน- อุทธรณ์สู้คดีต่อ 1 ราย
........................................
สืบเนื่องจากสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่วามคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายสถาพร หยองเอ่น เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครราชสีมา เขต 7 กับ พวกรวม 30 ราย โดยเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2562 ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ว่า นายสถาพร หยองเอ่น จำเลยที่ 1 มีความผิดจำคุก 3 ปี นายเสวียน ปุราสะแก จำเลยที่ 4 มีความผิดจำคุก 4 ปี นางธมนวรรณ พลทามูล จำเลยที่ 9 นายโยธิน ผุโพธิ์ จำเลยที่ 20 และ นางสาววริศรา สอนแก้ว จำเลยที่ 25 มีความผิด จำคุก คนละ 6 เดือน ไม่มีเหตุอันควรรอการลงโทษ ส่วนผู้ถูกกล่าวหารายอื่นนั้นได้มีการแยกฟ้องดำเนินคดีเป็นอีกสำนวนหนึ่งนั้น
(อ่านประกอบ : ยืนโทษคุก3 ปี! อดีตผอ.ศึกษาโคราชเขต7ทุจริตสอบครูผู้ช่วย-พวกอีก 26 ราย แยกสำนวนฟ้อง)
ล่าสุด สำนักงาน ป.ป.ช. ได้เผยแพร่ความคืบหน้าการฟ้องร้องคดีนี้ในส่วนของผู้ถูกกล่าวหารายอื่น ประกอบไปด้วย นายประดิษฐ์ เวียงสีมา จำเลยที่ 1 นายอำนาจ ศรีแสง จำเลยที่ 2 นายนันทวัฒน์ เกียรติกรทวียศ จำเลยที่ 3 นายภักดี โพธิ์ศรี จำเลยที่ 4 นายทิน เลาะครบุรี จำเลยที่ 5
นายบุญชิต จันทร์พรม จำลยที่ 6 นางวันฉัตร เปรมพลอย จำเลยที่ 7 นางสาวศณิธร คัมภิรา จำเลยที่ 8 นางสาวมาลี นันกระโทก จำเลยที่ 9 นางภัทราพร ธัญกิจเจริญสินหรือตอพล จำเลยที่ 10
นางสาวสายฝน จุลชาติ จำเลยที่ 11 นายสมชาย ปลื้มพันธ์ จำเลยที่ 12 นางสาวสุกัญญา จันนวล จำเลยที่ 13 นายสุรศักดิ์ สัตย์ซื่อ จำเลยที่ 12 นางวาสนา ปวงกลาง จำเลยที่ 15
นางบังอร สุขอ่อน จำเลยที่ 16 นางบุญส่ง พลยางนอก จำเลยที่ 17 นางสาวรุจิรา รักษาทรัพย์ หรือคำสิงห์นอก จำเลยที่ 18 นางประภัสรา ปัญญาวงษ์รักษา จำเลยที่ 19 และ นางศศิตาภา หรือนุชนารถ พิชพรม จำเลยที่ 20
ระบุว่า เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2563 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 มีคำพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามปอ.มาตรา 149 , 157 , 154 ,161 ,162 (1) (4) ประกอบมาตรา 83 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม ตามปอ.มาตรา 91 รวมจำคุก 18 ปี 6 เดือน
จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม มาตรา 149 , 157 , 161 , 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 83 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม ตาม ปอ. มาตรา 91 รวมจำคุก 12 ปี
จำเลยที่ 3 มีความผิดตาม ปอ. มาตรา 149 , 161 ประกอบมาตรา 83 เป็น ความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรม ตามปอ. มาตรา 91 รวมจำคุก 6 ปี
จำเลยที่ 4 และที่ 5 มี ความผิดตาม ปอ. มาตรา 161 ประกอบมาตรา 83 จำคุกคนละ 1 ปี และ จำเลยที่ 20 มีความผิดตาม ปอ. มาตรา 161 ประกอบมาตรา 86 จำคุก 8 เดือน
จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพทุกข้อหา จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพบางข้อหา และคำให้การของจำเลยที่ 20 ในชั้นไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา
ลดโทษให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และ ที่ 3 ในข้อหาที่ได้รับสารภาพกึ่งหนึ่ง และลดโทษให้จำเลย ที่ 20 1 ใน 1
คงจำคุก จำเลยที่ 1 จำนวน 9 ปี 3 เดือน
จำคุก จำเลยที่ 2 จำนวน 8 ปี 6 เดือน
จำคุก จำเลยที่ 3 จำนวน 3 ปี และจำคุก จำเลยที่ 20 จำนวน 6 เดือน
ส่วนจำเลย ที่ 6 - 19 ให้ยกฟ้อง
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2563 มีมติเห็นควรเสนออัยการสูงสุด (อสส.) ศาลอุทธรณ์คำพิพากษาในส่วนจำเลยที่ 6
อย่างไรก็ดี สำหรับคดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งหมด มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
สำหรับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 161 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความลงในเอกสารหรือดูแลรักษาเอกสาร กระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
มาตรา 162 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการดังต่อไปนี้ในการปฏิบัติการตามหน้าที่
(1) รับรองเป็นหลักฐานว่า ตนได้กระทำการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ
(2) รับรองเป็นหลักฐานว่า ได้มีการแจ้งซึ่งข้อความอันมิได้มีการแจ้ง
(3) ละเว้นไม่จดข้อความซึ่งตนมีหน้าที่ต้องรับจด หรือจดเปลี่ยนแปลงข้อความเช่นว่านั้น หรือ
(4) รับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท
อ่านประกอบ :
ศาลอุทธรณ์ ยืนโทษคุก 6 ปี อดีตอธิบดีกรมส่งเสริมเกษตร ทุจริตปุ๋ยอินทรีย์ -รองฯ โดน 12 ปี
ยืนโทษคุก3 ปี! อดีตผอ.ศึกษาโคราชเขต7ทุจริตสอบครูผู้ช่วย-พวกอีก 26 ราย แยกสำนวนฟ้อง
ยืนโทษคุก 7 ปี! อดีตผู้ช่วยผอ.สวทช. เอื้อปย.เอกชนจัดซื้อจ้าง-เอารถส่วนตัวให้สถาบันฯเช่า
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/