ทำทุกวิถีทางที่ให้เกิดเรื่องนี้!'วิชา'เผยมหากาพย์คดี 'บอส' มีผู้ร่วมในขบวนการทุกภาคส่วน

cvvicah888

‘วิชา’ เตรียมส่งรายงานฉบับสมบูรณ์คดี 'บอส อยู่วิทยา' ให้นายกฯวันจันทร์นี้ ยันผลสอบฉายภาพมหากาพย์ - มีผู้เข้าร่วมในขบวนการทุกภาคส่วน โยน 'บิ๊กตู่' ตัดสินใจเปิดเผยรายละเอียดเอง ขณะที่ นพ.แท้จริง เข้าให้ข้อมูลเรื่องปริมาณแอลกอฮอล์ เสนอตำรวจฟ้องคดีเมาแล้วขับอีก 1 ข้อหา

---------------------------------------

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 28 ส.ค. นายวิชา มหาคุณ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน โดยเป็นการประมวลความเห็นทุกฝ่ายก่อนรวบรวมรายงานข้อเท็จจริงกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ที่ขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555

นายวิชา กล่าวภายหลังการประชุมว่า ในวันนี้ได้มีการประชุมเพื่อทำรายงานส่งนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 3 และมีรายงานฉบับสมบูรณ์หลังจากคณะกรรมการดำเนินการมาครบ 30 วัน โดยจะมีรายละเอียดเรื่องของการสอบสวนบุคคลทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง เอกสารสำนวนที่ได้รับทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย และที่สำคัญคือข้อเสนอที่จะชี้ให้เห็นว่าอะไรเป็นข้อผิดพลาดที่จะต้องปรับปรุงแก้ไข รวมไปถึงข้อเสนอว่าใครบกพร่องอย่างไรบ้าง เพื่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบไปสอบสวนต่อ แต่ยังไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ เพราะมีอีกหลายคนที่ต้องเข้ามาให้ข้อมูล ทั้งตำรวจ อัยการ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ในรายงานจะพบว่ามีข้อบกพร่องหลายจุด

“ถ้าได้อ่านแล้วจะต้องพูดว่า ขนาดนี้เลยหรอ ขบวนการแบบนี้ไม่สามารถทำคนเดียวได้ ในขบวนการเป็นการทำทุกวิถีทางที่จะให้เกิดเรื่องในแบบนี้ขึ้นมา มีผู้เข้าร่วมในขบวนการทุกภาคส่วน เป็นมหากาพย์คดี ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุจนถึงตอนนี้ ส่วนที่จะเปิดเผยหรือไม่ เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ที่จะได้รับรายงานในวันจันทร์นี้”

นายวิชา กล่าวต่อว่า ในส่วนของรายงานเสนอแนะที่นำไปสู่การปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมได้ขอขยายเวลาออกไปอีก 30 วัน จะต้องเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเพิ่ม เพื่อนำข้อมูลไปสู่การปฏิรูปปรับปรุงหน่วยงาน ประชาชนก็ได้เห็นสมควรแล้วว่าควรมีการปฏิรูปทั้งตำรวจและอัยการ โดยที่หน่วยงานดังกล่าวต้องยอมรับว่ามีข้อผิดพลาดข้อบกพร่องอะไรบ้าง ทั้งนี้คณะกรรมการตรวจสอบนั้นไม่ใช้องค์กรที่สามารถชี้ถูกผิดได้ เพียงแต่จะนำเสนอให้นายกรัฐมนตรีได้พิจารณาต่อไป

นายวิชา กล่าวอีกว่า อีกหนึ่งประเด็นคือเรื่องของปริมาณแอลกอฮอล์ของนายวรยุทธที่ในสำนวนพบว่าดื่มเหล้าหลังจากขับรถชนแล้ว คณะกรรมการฯได้เชิญ นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขามูลนิธิเมาไม่ขับ เข้ามาให้ข้อมูลเรื่องนี้ และเป็นมติของคณะกรรมการฯว่าข้อมูลที่ได้รับนั้น สามารถส่งต่อให้ตำรวจได้ ตำรวจจะมีการสอบสวนพยานใหม่ เรียกผู้เชี่ยวชาญใหม่หรือไม่ต้องอยู่ที่ทางตำรวจเป็นผู้พิจารณา เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานใหม่ จากเดิมที่นายวรยุทธ อ้างว่ากินเหล้าหลังจากเกิดเหตุ ต่อไปทุกคนก็จะพกขวดเหล้าไป ถ้ามีอุบัติเหตุไปชนคนอื่นก็กินเหล้าโดยอ้างว่าเครียดได้ เราไม่อยากให้มีมาตรฐานนี้อยู่ เพราะได้สั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธในคดีนี้ไปแล้ว ถือว่าเป็นแบบอย่างที่ไม่ควร

ขณะที่ นพ.แท้จริง เปิดเผยภายหลังการให้ข้อมูลกับคณะกรรมการฯชุดนายวิชา ว่า ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคำนวณปริมาณแอลกอฮอล์ หลังจากอัยการแถลงผลการตรวจสอบในคดีดังกล่าว ที่ระบุว่าผลการตรวจแอลกอฮอล์ของนายวรยุทธ ลดลง 15 เปอร์เซ็นต์ต่อ 1 ชั่วโมง และเมื่อย้อนไปถึงช่วงเกิดเหตุจะมีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย 389 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ทำให้ไม่สามารถขับรถได้ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เป็นไปตามข้อมูลที่มูลนิธิตรวจสอบพบ เพราะทั้งจากผลทดสอบกับบุคคลอื่น หรือแม้กระทั่งข้อมูลคำพิพากษาศาลที่เคยตัดสินคนที่ขับรถชนผู้อื่นเสียชีวิต มีปริมาณแอลกอฮอล์สูงถึง 500 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ และมีข้อสังเกตหลายอย่าง ทั้งแพทย์ที่ให้วิธีการคำนวณนั้น ตนไม่รู้จัก ทั้งที่อยู่ในวงการเดียวกัน และตนเชื่อว่าถ้าพิสูจน์ได้ว่านายวรยุทธ เมาและขับจริง ในเมื่อคดีความยังไม่สิ้นสุดให้ส่งศาลสั่งฟ้องคดีเพิ่มได้ โดยใช้พยานหลักฐานใหม่ทั้งหมด จะส่งผลต่อคดีความขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งมีอายุความ 15 ปีได้ หลังจากให้ข้อมูลคณะกรรมการเสร็จแล้ว นายวิชาได้ถามตนว่า จะไปเป็นพยานที่ศาลในเรื่องนี้หรือไม่ ซึ่งตนก็ตอบว่าไป

cvvicah822