เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 'ลำพอง นามพันธ์' อดีตนายก อบต.พิมลราช นนทบุรี ทุจริตเบิกจ่ายงบประมาณแก้ไขชื่อผู้รับเงินในเช็คเป็นพนักงานขับรถ ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 1 พิพากษาลงโทษจำคุก 50 ปี พวก 1 ราย ส่วนเจ้าตัวรอด ศาลฯ ให้ยกฟ้อง -ป.ป.ช.ค้าน อสส.เห็นควรอุทธรณ์สู้ต่อ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายลำพอง นามพันธ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) พิมลราช อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี กับพวก ทุจริตในการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ โดยกระทำการแก้ไขชื่อผู้รับเงินในเช็คเป็นพนักงานขับรถยนต์ที่มิใช่เจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงินตามเช็ค ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157 ประกอบมาตรา 91 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 พ.ค.2564 ที่ผ่านมา
โดยปรากฏชื่อ นายวิรัติ ปีดแก้ว เป็นจำเลยที่ 1 นายบุญเรศ หนูขาว จำเลยที่ 2 นางสาวจรรยา ชาญวิชัย จำเลยที่ 3 และนายลำพอง นามพันธ์ เป็นจำเลยที่ 4
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีคำพิพากษาว่า นายวิรัติ ปีดแก้ว จำเลยที่ 1 มีความผิดตามกฎหมาย ให้ลงโทษตามมาตรา 151 ลงโทษจำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 18 กระทง เป็นจำคุก 90 ปี และตาม ป.อ. มาตรา 157 (เดิม) จำคุกกระทงละ 1 ปี รวม 91 กระทง เป็นจำคุก 91 ปี
รวมโทษทุกกระทงแล้ว ให้จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 50 ปี ตาม ป.อ. มาตรา 91 (3) นับโทษ จำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีเดิม
ส่วน นายบุญเรศ หนูขาว จำเลยที่ 2 นางสาวจรรยา ชาญวิชัย จำเลยที่ 3 และนายลำพอง นามพันธ์ เป็นจำเลยที่ 4 ให้ยกฟ้อง
ทั้งนี้ คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งหมด มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมลงมติเมื่อวันที่ 20 ก.พ.2567 มีมติไม่อาจเห็นพ้องด้วยในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 เห็นควรที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลดังกล่าว ในส่วนที่ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ตามที่สำนักคดีเสนอ
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐเทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อ่านข่าวในหมวดเดียวกัน
- คุก 230 ปี! อดีตนายก อบต.วังชะพลู กำแพงเพชร ลงนามในเช็คปีงบ 2551 มิชอบ
- อสส.ไม่อุทธรณ์สู้! ยกฟ้องคดี 'นริศ' อดีตอธิบดีธนารักษ์-พวก ให้เช่าที่ราชพัสดุปากน้ำ
- ยืนโทษ! คุก 14 ปี 42 ด. อดีตนักวิชาการเทศบาลฯมุก ปลอมใบเสร็จยักยอกเงินภาษี
- คุก 405 ปี ติดจริง 50! อดีตนายกอบต.บางยอ ปากน้ำ เบียดบังเงินค่าเช่าที่ตู้ ATM
- ป.ป.ช.ขออุทธรณ์สู้! รอลงอาญาคุก 50 ปี อดีตนายกอบต.พรุเตียว-พวก ทุจริตเงินขายปาล์มน้ำมัน
- ไม่รอลงอาญา! คุก 5 ปี อดีตนายก อบต.คอกกระบือ ปัตตานี ทุจริตก่อสร้างคูระบายน้ำ
- ป.ป.ช.ไม่อุทธรณ์สู้! รอลงอาญาคุก 204 ด. อดีตนายกอบต.ศรีตระกูล มีส่วนได้เสีย 34 โครงการ