ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 'ปิยากร อาจวิชัย' อดีตนักวิชาการจัดเก็บรายได้เทศบาลตำบลมุก มุกดาหาร ปลอมใบเสร็จรับเงินจัดเก็บภาษีโรงเรือนที่ดิน ก่อนยักยอกเงินไปใช้ประโยชน์ส่วนตน ล่าสุด ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนโทษจำคุก 14 ปี 42 เดือน ไม่รอลงอาญา
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นางปิยากร อาจวิชัย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนักวิชาการจัดเก็บรายได้ ชำนาญการ สังกัดเทศบาลตำบลมุก อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ปลอมใบเสร็จรับเงินในการจัดเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดินและภาษีป้าย ประจำปี 2561 และ 2562 ของเทศบาลตำบลมุก และยักยอกเงินที่ได้รับจากการจัดเก็บภาษีไปใช้ประโยชน์ส่วนตน ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 , 157 , 160 , 161 , 264 , 265 และ 268 ประกอบมาตรา 91 พ.ร.ป. ป.ป.ช.พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 ประกอบ พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 มาตรา 192 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 พ.ค.2564 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 27 ก.ค.2566 ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4
จากเดิม พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม มาตรา 147 (เดิม), 160 (เดิม), 161 (เดิม), 266 (1), 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 266 (1) พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันความผิดแต่ละกระทงความผิดเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตาม มาตรา 147 (เดิม) ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกกระทงละ 5 ปี
จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม มาตรา 78 คงจำคุกกระทงละ 2 ปี 6 เดือน รวม 7 กระทง เป็นจำคุก 14 ปี 42 เดือน
พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง จึงไม่สมควรรอการลงโทษ ส่วนที่โจทก์ขอให้คืนเงินจำนวน 213,035 บาท ให้แก่เทศบาลตำบลมุก ผู้เสียหาย นั้น ข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้เสียหายดำเนินการหักเงินบำเหน็จของจำเลยคืนเข้าเป็นรายได้ค่าภาษีของเทศบาลตำบลมุก ผู้เสียหาย เป็นเงินจำนวน 263,066 บาท จึงให้ยกคำขอส่วนนี้
แก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 โทษและนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมลงมติเมื่อวันที่ 7 ก.พ.2567 มีมติเห็นชอบตามความเห็นอัยการสูงสุด (อสส.) ที่จะไม่ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
อ่านข่าวในหมวดเดียวกัน