เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 'สุรจิต มีศรี' อดีตนายก อบต.วังชะพลู กำแพงเพชร ลงนามในเช็คปีงบประมาณ 2551 โดยมิชอบ ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 2 พิพากษาลงโทษจำคุก 230 ปี พวก 3 ราย โดน 235 ปี แต่ติดจริงคนละ 50 - 3 ราย ได้รอลงอาญา ป.ป.ช.ขออุทธรณ์สู้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายสุรจิต มีศรี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) วังชะพลู อำเภอชาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร กับพวก ลงนามในเช็คของ อบต.วังชะพลู ปีงบประมาณ 2551 โดยมิชอบ ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 , 151 และ 157 ประกอบมาตรา 86 , 90 และ 91 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 ก.ย.2563 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 16 ส.ค.2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 มีคำพิพากษาว่า นายสุรจิต มีศรี จำเลยที่ 1 นางจิราภรณ์ ตระกูลชัย จำเลยที่ 2 นางณัฐกานต์ ปัญญาฤทธิ์ จำเลยที่ 3 นางพรชุลี สุขคุ้ม หรือไผ่งาม จำเลยที่ 4 นางนิภา เขตกัน หรือณีรนุช เขตวิทย์ จำเลยที่ 5 นางสาวเกษมวิธู แก้วสะแสน จำเลยที่ 6 มีความผิดตามกฎหมาย
ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 กระทงละ 5 ปี รวม 230 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 กระทงละ 5 ปี รวม 235 ปี จำคุกจำเลยที่ 4 กระทงละ 5 ปี รวมจำคุก 235 ปี และปรับ 94,000 บาท
จำคุกนางนิภา เขตกัน หรือณีรนุช เขตวิทย์ จำเลยที่ 5 เป็นเวลา 3 ปี 4 เดือน ปรับ 6,400 บาท
จำคุก นางณัฐกานต์ ปัญญาฤทธิ์ จำเลยที่ 3 เป็นเวลา 5 ปี ปรับ 2,000 บาท
จำคุก นางสาวเกษมวิธู แก้วสะแสน จำเลยที่ 6 กระทงละ 5 ปี รวมจำคุก 235 ปี
จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 4 จำเลยที่ 5 และจำเลยที่ 6 ให้การรับสารภาพเห็นสมควรลดโทษ
คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 115 ปี (92 ปี 276 เดือน)
คงจำคุกจำเลยที่ 2 ปีกำหนด 117 ปี 6 เดือน (94 ปี 282 เดือน)
คงจำคุก จำเลยที่ 4 มีกำหนด 117 ปี 6 เดือน (94 ปี 282 เดือน) และปรับ 47,000 บาท
รวมโทษจำคุกจำเลยที่ 1 , 2 และ 4 ทุกกระทงแล้ว ให้จำคุกคนละ 50 ปี , คงจำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 2 ปี 6 เดือน และปรับ 1,000 บาท , คงจำคุกจำเลยที่ 5 มีกำหนด 1 ปี 8 เดือน ปรับ 1,200 บาท , จำคุกจำเลยที่ 6 มีกำหนด 117 ปี 6 เดือน (94 ปี 282 เดือน) เมื่อรวมโทษแล้วให้จำคุก 50 ปี
จำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 ไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน ให้รอลงโทษจำคุกไว้ คนละ 2 ปี
ทั้งนี้ คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งหมด มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมลงมติเมื่อวันที่ 28 ก.พ.2567 เห็นควรที่จะอุทธรณ์คำพิพากษา ในประเด็นรอการลงโทษจำเลยที่ 3 และที่ 5 ตามที่สำนักคดีเสนอ
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
มาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท