ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 'เกษมสี จันทร์สุข' อดีตนายก อบต.บางยอ สมุทรปราการ เบียดบังเงินค่าเช่าสถานที่ติดตั้งเครื่อง ATM ไปโดยทุจริต ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 1 พิพากษาลงโทษจำคุก 405 ปี แต่ติดจริง 50 ปี หลังคดีเก่าได้ยกฟ้อง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายเกษมสี จันทร์สุข เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บางยอ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เบียดบังเงินค่าเช่าสถานที่ติดตั้งเครื่องฝากถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) ไปโดยทุจริต ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 151 และ 157 ประกอบมาตรา 91 ตาม พ.ร.ป. ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบ พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 มาตรา 192 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 เม.ย.2564 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีคำพิพากษาว่า นายเกษมสี จันทร์สุข จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 147 (เดิม) และ 151 (เดิม) พ.ร.ป. ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1
การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเตียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ซึ่งตาม ป.อ. มาตรา 147 (เดิม) และมาตรา 151 (เดิม) เป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดแต่มีอัตราโทษเท่ากัน จึงให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ตามมาตรา 147 (เดิม) เพียงบทเดียวตาม มาตรา 90
แต่การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตาม มาตรา 91
จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 81 กระทง เป็นจำคุก 405 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 50 ปี ตามมาตรา 91 (3)
ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำคุกจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อท 66/2564 ของศาลนี้ปรากฏว่าคดีดังกล่าวศาลพิพากษายกฟ้อง จึงไม่อาจนับโทษจำเลยต่อได้คำขอส่วนนี้ให้ยก
ทั้งนี้ คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลย มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมลงมติเมื่อวันที่ 12 ก.พ.2567 มีมติเห็นชอบตามที่อัยการสูงสุด (อสส.) หารือไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 เห็นควรไม่อุทธรณ์คำพิพากษา
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
อ่านข่าวในหมวดเดียวกัน