'นิวัติไชย เกษมมงคล' เลขาฯ ป.ป.ช. ยืนยันมติที่ประชุมคกก.ชุดใหญ่ ชี้มูล 'ศุภชัย โพธิ์สุ' คดีผิดจริยธรรมรุกป่าดงพะทาย 220 ไร่ จริง เตรียมส่งสำนวนยื่นฟ้องศาลฎีกาตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้ากรณีปรากฏข่าวว่าที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิด นายศุภชัย โพธิ์สุ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครพนม กรณีบุกรุกหรือถือครองและเข้าทำประโยชน์ในที่ดิน น.ส.2 หรือใบจองในโครงการจัดที่ดินผืนใหญ่แปลงป่าดงพะทาย ท้องที่อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม โดยการซื้อที่ดินและไม่มีหลักฐานใบจองที่ดินจนถึงปัจจุบัน จำนวน 40 แปลง เนื้อที่ 220 ไร่ ซึ่งถือเป็นการกระทำฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 พร้อมให้ส่งสำนวนยื่นฟ้องศาลฎีกาตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
- 'ศุภชัย โพธิ์สุ' ผิดจริยธรรม! ป.ป.ช.มติเอกฉันท์ชี้มูลคดีรุกป่าดงพะทาย 220 ไร่
- เจาะแฟ้มคดี ป.ป.ช. ก่อนชี้มูล 'ศุภชัย' ผิดจริยธรรมรุกป่า เคยยุติไต่สวนถอดถอนตำแหน่งไปแล้ว
ล่าสุด นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2566 ที่ผ่านมา ได้มีมติชี้มูลความผิด นายศุภชัย โพธิ์สุ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครพนม กรณีบุกรุกหรือถือครองและเข้าทำประโยชน์ในที่ดิน น.ส.2 หรือใบจองในโครงการจัดที่ดินผืนใหญ่แปลงป่าดงพะทาย ท้องที่อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ไปแล้วจริง แต่ยังไม่ทราบรายละเอียด เนื่องจากเพิ่งเดินทางกลับมาจากปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ ต้องขอตรวจสอบข้อมูลก่อน
"ส่วนขั้นตอนต่อไปนี้ หลังมีการรับรองรายงานประชุมเป็นที่เรียบร้อย ป.ป.ช.ก็จะมีการส่งสำนวนเอกสารหลักฐานยยื่นฟ้องศาลฎีกาตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป"
นายนิวัติไชย เกษมมงคล
อนึ่งเกี่ยวกับคดีนี้ สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วว่า นายศุภชัย เคยชี้แจงต่อสาธารณชนว่า ได้ครอบครองที่ดินดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2531 ถึง 2532 ทำการเกษตร จำนวนประมาณ 200ไร่ ซึ่งขณะนั้นยังเป็นครูสอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนบ้านท่าหนามแก้ว ต.พะทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ก่อนมาเป็น สส. เมื่อปี 2544 แสดงให้เห็นว่าไม่ได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ ความเป็น สส. เพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดินเหล่านั้นแต่อย่างใด
นายศุภชัย ยังระบุด้วยว่า ในช่วงปี 2518-2519 รัฐบาลได้ทำการจัดสรรที่ดินป่าดงพะทายให้ชาวบ้านทำกิน โดยแบ่งเป็นล็อก ล็อกละ 10 ไร่เพื่อทำการเกษตร และยังให้เป็นที่อยู่อาศัยอีกคนละ 1 ไร่ และต่อมาเกิดปัญหาชาวบ้านไม่เข้าทำประโยชน์ หรือซื้อขายเปลี่ยนมือไปทำให้ผิดเงื่อนไข นำไปสู่การจำหน่ายใบจองในพื้นที่ป่าดงพะทายจำนวน ทั้งหมดประมาณ 20,000 ไร่ โดยมีผู้ที่ครอบครองที่ดินและทำกินอยู่ไม่ตรงชื่อตามใบจอง รวมทั้งสิ้นถึง 880 แปลง จากนั้นคนที่ครอบครองที่ดินดังกล่าวจึงสามารถไปดำเนินการขอออกเอกสารสิทธิ์ตามกฎหมายที่ดิน ซึ่งที่ดินของตนครอบครองมา 30 ปี ไม่มีใครยึดได้ และพื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่พื้นที่ป่า เป็นเพียงชื่อเรียกเท่านั้น
ศุภชัย โพธิ์สุ
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด