สำนักงาน ป.ป.ช. สงขลา แถลงมติคณะกรรมการชุดใหญ่ ชี้มูลความผิดอาญา 'วุฒิพงษ์ วงศ์สุวรรณ' อดีต ผอ.วิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ สงขลา-พวก คดีทุจริตจัดจ้างโครงการปรับปรุงอาคารเรียน-ปฏิบัติการเกษตร โดยวิธีพิเศษ ทั้งที่ไม่มีเหตุผลความจำเป็น- เอกชนโดนด้วย ส่งสำนวน อสส.ฟ้องร้องตามขั้นตอนทางกม.แล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสงขลา ได้แถลงผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไตรมาสที่ 1 – 2 ถึงกรณีมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ ชี้มูลความผิดในคดีกล่าวหา นายวุฒิพงษ์ วงศ์สุวรรณ อดีตผู้อำนวยการวิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ จังหวัดสงขลา กับพวก ดำเนินการจัดจ้างโครงการปรับปรุงอาคารเรียนและอาคารปฏิบัติการเกษตร วิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ จังหวัดสงขลา โดยวิธีพิเศษ ทั้งที่ไม่มีเหตุผลและความจำเป็น
โดยผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติดังนี้
1. การกระทำของนายวุฒิพงษ์ วงษ์สุวรรณ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 และนางจริยา ศรีเพ็ชร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำจัดการหรือ รักษาทรัพย์ใดๆใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขุมภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 และมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้ มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญา กับหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจ ในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผน ของทางราชการและหน่วยงานการศึกษา มติคณะรัฐมนตรีหรือนโยบายของรัฐบาล ประมาทเลินเล่อ หรือขาด การเอาใจใส่ระมัดระวังรักษาประโยชน์ของทางราชการ อันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 84 วรรคสาม และมาตรา 85 วรรคสอง
2. การกระทำของนายธวัชชัย หนูอินทร์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นายพยุทน์ นิยม ผู้ถูกกล่าวหา ที่ 3 นายสุเทพ สังวาลย์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 นางสุมิตรา อุโฆษกุล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 ว่าที่ร้อยตรี ธานี ศรีทอง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 และนายสมบัติ นรสิงห์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงใน เอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐานว่า ตนได้กระทำการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตน อันเป็นความเท็จ และรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 123/1 ( ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ 2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดตามวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ ที่มิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติ ตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการและหน่วยงานการศึกษา มติคณะรัฐมนตรีหรือนโยบายของ รัฐบาล ประมาทเลินเล่อ หรือขาดการเอาใจใส่ระมัดระวังรักษาประโยชน์ของทางราชการ อันเป็นเหตุให้เกิด ความเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 84 วรรคสาม และมาตรา 85 วรรคสอง
3. การกระทำของบริษัท ไทยเอ็นจิเนียริ่ง อินโนเวชั่น แอนด์ เอ็นไวรอนเม้นท์ จำกัด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9 และนายบรรณกร นันทวิสัย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 10 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุน เจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหาย แก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการ รับรองเป็นหลักฐาน ว่า ตนได้กระทำการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ รับรองเป็นหลักฐาน ซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 86 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ ในหน่วยงานของรัฐ กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขัน ราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงาน ของรัฐ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ อย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่ง ผู้ใด หรือปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงานสำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย และให้แจ้งผู้บังคับบัญชา ดำเนินการ ตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหาย ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539
สำหรับพฤติการณ์การกระทำความผิดในคดีนี้ นายวุฒิพงษ์ วงศ์สุวรรณ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้อนุมัติให้ดำเนินการจัดจ้างโครงการปรับปรุงอาคารเรียนและอาคารปฏิบัติการเกษตร โดยวิธีพิเศษ ตามที่นางจริยา ศรีเพ็ชร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 เสนอ ทั้ง ทั้งที่ไม่เข้าเหตุผล ความจำเป็นที่จะจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ และปรากฏพฤติการณ์มุ่งหมายให้ บริษัทไทยเอ็นจิเนียริ่ง อินโนเวชั่นแอนด์เอ็นไวรอนเม้นท์ จำกัด ได้เป็นผู้รับจ้างโครงการดังกล่าว รวมทั้งไม่มีการดำเนินการแต่งตั้งผู้ควบคุมงาน ให้ถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
นอกจากนี้ คณะกรรมการควบคุมงาน ได้รับรองงานก่อสร้างปรับปรุงอาคารเรียนและอาคารปฏิบัติการเกษตร ของบริษัท ไทยเอ็นจิเนียริ่ง อินโนเวชั่น แอนด์ เอ็นไวรอนเม้นท์ จํากัด ในงวดงานที่ 1 เป็นเท็จ และการก่อสร้างไม่ถูกต้อง ตามแบบรูปรายการ ทั้งงวดงานที่ 1 และงวดงานที่ 2 คณะกรรมการตรวจการจ้างได้ตรวจรับงานจ้าง และนายวุฒิพงษ์ วงศ์สุวรรณ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินค่าจ้างงวดงานที่ 1 และงวดงานที่ 2 ทั้งที่ การก่อสร้างทั้งสองงวดงาน ไม่ถูกต้องตามแบบรูปรายการ เป็นเหตุให้วิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ ได้รับความเสียหาย
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด