หลังแพ้คดี! ศาลปกครองสูงสุด สั่งชำระค่ารถซ่อมบำรุงทางเอนกประสงค์ 2 คัน ให้ บ.พลวิศว์ เทคพลัสฯ ล่าสุด อบจ.สงขลา นำเงินพร้อมดอกเบี้ย 81 ล้าน ไปวางที่สนง.บังคับคดีแล้ว เผยตัวเลขค่าเสียหายเฉพาะส่วนดอกเบี้ยบาน 30 ล้านบาท ต้องรวมเงินเหลือจ่ายโครงการต่าง ๆ มาชำระ -รอจังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง หาผู้รับผิดชอบต่อ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบกรณีเมื่อ 9 มิ.ย.2565 ที่ผ่านมา ศาลปกครองสงขลา ได้อ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา ชำระหนี้ค่ารถซ่อมบำรุงทางเอนกประสงค์ 2 คัน ให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทคพลัส จำกัด ผู้ฟ้อง เป็นจำนวนเงินรวมดอกเบี้ยกว่า 80 ล้านบาท รวมดอกเบี้ย
ล่าสุด มีรายงานข่าวยืนยันว่า ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา อบจ.สงขลา ได้ดำเนินการนำเงินเต็มจำนวน กว่า 81 ล้านบาท ไปวางที่สำนักงานบังคับคดี ศาลปกครองสงขลา ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ที่ให้อบจ.สงขลา ชำระหนี้ค่ารถซ่อมบำรุงทางเอนกประสงค์ 2 คัน ให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทคพลัส จำกัด ผู้ฟ้อง เป็นจำนวนเงินรวมดอกเบี้ยกว่า 80 ล้านบาท เพื่อหยุดดอกเบี้ยที่จะเป็นความเสียหายของ อบจ.เพิ่มเติมวันละ 6,000 บาทเศษ โดยมูลค่าของรถซ่อมบำรุงเอนกประสงค์ 2 คันนั้น มีจำนวน 50 ล้านบาทเศษ เฉพาะส่วนดอกเบี้ยอยู่ที่ 30 ล้านบาทเศษ ซึ่งต้องไปรวบรวมจากเงินเหลือจ่ายในโครงการต่าง ๆ มาชำระ
นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายก อบจ.สงขลา กล่าวว่า ในส่วนของดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอทางจังหวัดสงขลา แต่งตั้งประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพื่อตรวจสอบว่ามีผู้ใดที่ทำให้ อบจ.เสียหาย จากการไม่ชำระค่ารถซ่อมบำรุงเอนกประสงค์ฯดังกล่าว ทำให้ อบจ.มีภาระดอกเบี้ยถึง 30 ล้านบาทเศษ เมื่อจังหวัดมีการแต่งตั้งประธานคณะกรรมการฯขึ้นมาก็จะแต่งตั้งคณะกรรมการร่วม เพื่อเริ่มทำการตรวจสอบ คาดว่าสัปดาห์หน้า การแต่งตั้งคณะกรรมการจะแล้วเสร็จ ในส่วนของระยะเวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้นคาดว่าจะใช้เวลาระยะหนึ่ง เนื่องจากผู้เกี่ยวข้องส่วนใหญ่ได้เกษียณอายุราชการไปแล้ว แต่เมื่อมีคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ก็จะมีกำหนดระยะเวลาในการตรวจสอบ เพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว เมื่อทราบว่ามีบุคคลใดกระทำให้ อบจ.เสียหาย ก็จะดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อเรียกเงินจำนวน 30 ล้านบาทเศษคืนมายัง อบจ.สงขลาต่อไป
ขณะที่มีรายงานข่าวจากสื่อมวลชน “ภาคใต้โฟกัส” ว่า ได้โทรไปสอบถามเจ้าหน้าที่ศาลปกครองสงขลา ถึงระเบียบขั้นตอนในการมารับเงินในคดีนี้ ได้รับคำชี้แจงว่า หลังจากที่ผู้แพ้คดีนำเงินมาวางตามคำสั่งศาลเรียบร้อยแล้ว จากนั้น ศาลปกครองสงขลาจะแจ้งให้ผู้ชนะดีทราบ เพื่อให้มาดำเนินการขอเบิกเงินคืน
โดยผู้ที่สามารถมาเบิกเงินได้ จะต้องเป็นผู้ที่มีชื่อตามคำสั่งศาล หากศาลพิพากษาสั่งจ่ายให้กับบริษัทฯ ซึ่งบริษัทก็สามารถมอบหมายให้ทนายหรือฝ่ายกฎหมายที่มีชื่ออยู่ในบริษัทมารับเงินในนามบริษัทได้ นั่นแสดงว่า บริษัท พลวิศว์ ฯ ซึ่งเป็นผู้ชนะคดีสามารถมอบหมายให้ตัวแทนมาติดต่อรับเงินได้ โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็น นายอิทธิพล ดวงเดือน หุ้นส่วนใหญ่ของบริษัท พลวิศว์ฯ ซึ่งขณะนี้ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฮั้วประมูล และใช้เอกสารปลอมหลังศาลคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 ออกหมาย จับไปแล้ว ซึ่งยังไม่มีการยืนยันข้อมูลจากบริษัทฯ ว่า นายอิทธิพล ดวงเดือน ยังอยู่ในประเทศไทยหรือเดินทางไปต่างประเทศแล้ว
นอกจากนี้ยังมีกรณี คณะกรรมการ ป ป.ช.ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีกับ บริษัท พลวิศว์ เทค จำกัด โดย นายอิทธิพล ดวงเดือน , บริษัท เอ็กซ์ ทู ที อินดัสตรี จำกัด โดยนายสุรพงษ์ ตรียานนท์ , บริษัท ครีเอทอินโนเวชั่น จำกัด โดยนางชวลี เทียนงามสัจ, ห้างหุ้นส่วนจำกัด เพลิโอนี โดยนายอิทธิพล ดวงเดือน และ บริษัท อะมีลัม จำกัด โดยนางสาวหรือนางญาณี ลิ้มสถิรานันท์หรืออารยะทรงศักดิ์ ผู้ต้องหาทั้งในฐานะส่วนตัวและนิติบุคคล ที่ร่วมกันกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 4 วรรคแรก ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 14(2) ซึ่งขณะนี้สถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลาอยู่ระหว่างการดำเนินการเร่งรัดสรุปสำนวนการสอบสวนเพื่อส่งให้พนักงานอัยการพิจารณาตามกฎหมายต่อไปด้วย
อ่านประกอบ :