เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา 'วิบูลย์ เลิศวัฒนาสมบัติ' อดีตปศุสัตว์จังหวัดเลย นำรถยนต์ราชการไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 5 พิพากษาลงโทษจำคุก 10 ปี แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี - ป.ป.ช.เห็นควรอุทธรณ์สู้ต่อ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้ากรณีกล่าวหา นายวิบูลย์ เลิศวัฒนาสมบัติ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปศุสัตว์จังหวัดเลย นำรถยนต์ราชการคันหมายเลขทะเบียน บพ 4112 เลย ไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว
ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตาม ป.อ.มาตรา 151, 157 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2563
ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2564 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 มีคำพิพากษาว่า นายวิบูลย์ เลิศวัฒนาสมบัติ จำเลยมีความผิดตามมาตรา 151
การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรมต่างกันเรียงกระทงลงโทษทุกกรรมความผิดไปตามมาตรา 91
จำคุกกระทงละ 5 ปี และปรับกระทงละ 20,000 บาท รวมสองกระทงความผิดเป็นจำคุก 10 ปี และปรับ 40,000 บาท
โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี
ทั้งนี้ คดียังไม่สิ้นสุด จำเลย มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2565 มีมติไม่เห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษา และเห็นควรอุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าว
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2564 เฟซบุ๊กแฟนเพจ ชมรม Strong ต้านทุจริตประเทศไทย โพสต์ข้อมูล เครือข่ายชมรม Strong ได้รับเรื่องการลงโทษไล่ออกจากราชการ อดีตปศุสัตว์จังหวัดเลย กรณีนำรถหลวงไปใช้ส่วนตัว
โดยกรณีดังกล่าวคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2563 ว่า นายวิบูลย์ เลิศวัฒนา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปศุสัตว์จังหวัดเลย มีพฤติการณ์นำรถยนต์ราชการหมายเลขทะเบียน บพ 4112 เลย ไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว อันเป็นความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและฐานกระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 85 (1) (4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 โดยส่งสำนวนพร้อมความเห็นให้แก่ผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาไล่นายวิบูลย์ เลิศวัฒนาสมบัติ ออกจากราชการ
อย่างไรก็ดี ในชั้นผู้บังคับบัญชามีการพิจารณาว่า นายวิบูลย์ เลิศวัฒนาสมบัติ รับราชการมาเป็นเวลานานถึง 37 ปี ไม่เคยกระทำความผิดวินัยมาก่อนและเป็นความผิดครั้งแรกจึงมีอันควรลดหย่อนโทษเป็นปลดออกจากราชการ แต่ในมาตรา 98 วรรคแห่ง แห่ง พ.ร.บ.ป.ป.ช. กำหนดให้ผู้บังคับบัญชาต้องลงโทษตามฐานความผิดที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ ประกอบหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0205/ว.234 ให้ลงโทษผู้กระทำผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการเป็นไล่ออกจากราชการสถานเดียว กรณีจึงไม่มีทางพิจารณาเป็นอื่นให้ผิดไปจาก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดได้ ผู้บังคับบัญชาจึงสั่งลงโทษไล่นายวิบูลย์ออกจากราชการ
อนึ่ง หากนายวิบูลย์ เลิศวัฒนาสมบัติ ประสงค์จะอุทธรณ์คำสั่งนี้ให้ยื่นอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรม (ก.พ.ค.) ณ สำนักพิทักษ์ระบบคุณธรรม สำนักงาน ก.พ. ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันรับทราบหรือถือว่ารับทราบคำสั่ง..
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มาตรา 85 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 (1) ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต และ (4) กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
อ่านข่าวในหมวดเดียวกัน