ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา 'อภิชาติ ถนอมทรัพย์' อดีต ผอ.กองคดี 2 ปปง. เรียกเงิน 20 ล.ช่วยถอนอายัดทรัพย์คดีเงินกู้ ช.พ.ค. ล่าสุดศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาลงโทษ จำคุก 12 ปี -พวก 1 ราย โดน 7 ปี 12 เดือน -ริบเงิน 6,000,000 บาท ด้วย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้ากรณีกล่าวหา นายอภิชาติ ถนอมทรัพย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองคดี 2 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กับพวก คือ นายอเนก ใจพยุงตน เรียกรับเงินเพื่อช่วยเหลือทางคดีเกี่ยวกับการถอนอายัดทรัพย์สิน
ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตาม ป.อ.มาตรา 149, 157, 164 พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ.2542 มาตรา 103 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 66 (2) ประกอบ ป.อ.มาตรา 86 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2560
ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2564 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษาว่า นายอภิชาติ ถนอมทรัพย์ จำเลยที่1 มีความผิดตามมาตรา 149 , 157 และ 164 ประกอบมาตรา 83 พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 มาตรา 103 และ 122 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 66 (2)
ส่วนนายอเนก ใจพยุงตน จำเลยที่ 2 มีความผิดตามมาตรา 149 , 157 และ 164 ประกอบมาตรา 86 พ.ร.บ. ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 มาตรา 103 และ 122 และ พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 66 (2) ประกอบ ป.อ.มาตรา 83
เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม เป็นกระทงความผิดไปตามมาตรา 91 โดยแต่ละกระทงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 149 จำคุก 10 ปี และลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 157 จำคุก 2 ปี
ให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามมาตรา 149 ประกอบมาตรา 86 จำคุก 6 ปี 8 เดือน และลงโทษจำเลยที่ 2 ตามาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 จำคุก 1 ปี 4 เดือน
รวมจำคุก จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 12 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 7 ปี 12 เดือน
ให้ริบเงิน 6,000,000 บาท
ทั้งนี้ คดียังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งสอง มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2565 มีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางดังกล่าว
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือประหารชีวิต
มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานว่า เกี่ยวกับคดีนี้ เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2560 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้แถลงมติชี้มูลความผิด นายอภิชาติ ถนอมทรัพย์ อดีตผู้อำนวยการกองคดี 2 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และนายอเนก ใจพยุงตน กรณีร่วมกันเรียกเงิน จำนวน 20 ล้านบาท จากนายเกษม กลั่นยิ่ง และนายสุรเดช พรหมโชติ ผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ที่ถูกตรวจสอบทรัพย์สินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอบแทนในการช่วยเหลือทางคดีเกี่ยวกับการถอนอายัดทรัพย์สิน
จากการไต่สวนข้อเท็จจริงฟังได้ว่า สำนักงาน ปปง. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้นายอภิชาติ ถนอมทรัพย์ ผู้อำนวยการกองคดี 2 เป็นหัวหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน กรณีนายเกษม กลั่นยิ่ง และนายสุรเดช พรหมโชติ ผู้บริหารสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา สกสค. กับพวก มีพฤติการณ์ทุจริตเงินกองทุนของ สกสค.
ปรากฏว่าหลังจากที่คณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติให้อายัดทรัพย์สินของผู้ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราวแล้ว เมื่อประมาณกลางเดือนมิถุนายน 2558 นายอภิชาติ ถนอมทรัพย์ และนายอเนก ใจพยุงตน ซึ่งเป็นราษฎร ได้ร่วมกันเรียกเงิน จำนวน 20 ล้านบาท จากนายเกษม กลั่นยิ่ง และนายสุรเดช พรหมโชติ เพื่อเป็นการตอบแทนในการช่วยเหลือทางคดีเกี่ยวกับการถอนอายัดทรัพย์สิน จากนั้นมีการส่งมอบเงินให้นายอภิชาติ ถนอมทรัพย์ และนายอเนก ใจพยุงตน รวม 3 ครั้งๆ ละ 2 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 6 ล้านบาท ครั้งที่ 1 เมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2558 ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2558 และครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2558 ตามลำดับ
- ป.ป.ช.ฟันอดีต ผอ. ปปง.เรียกเงิน 20 ล.ช่วยถอนอายัดทรัพย์คดีเงินกู้ ช.พ.ค.
- ป.ป.ช.โชว์ข้อมูล ผอ.ปปง.เรียก20ล. ช่วยคดี สกสค. หลังโดนม.44 - เจ้าตัวขอเคลียร์'บิ๊กต๊อก'
- ‘บิ๊กตู่’ใช้ ม.44 ปลด ขรก.-นักการเมืองท้องถิ่นกราวรูด 59 คน-พ่วง 7 บอร์ด สสส.
- บริสุทธิ์จริงคืนตำแหน่งให้!ศอตช.แจงยิบเหตุชงปลด 'นักการเมือง-ขรก.-7สสส.'