"...ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร คดีนี้ นับเป็นอีกหนึ่งคดีใหญ่ เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างระบบไฟฟ้าส่องสว่างสาธารณะ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่เกิดขึ้น และเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาสำคัญ ของเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ให้ใครเดินซ้ำรอยเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ได้ชัดเจนอีกกรณีหนึ่ง..."
นายสนิท วรกิจ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ท้ายเหมือง อำเภอท้ายเมือง จังหวัดพังงา กับพวก ที่เพิ่งถูกศาลอุทธรณ์ตัดสินพิพากษายืนโทษจำคุกเป็นเวลา 1 ปี ในคดีกำหนดราคากลางโครงการก่อสร้างระบบไฟฟ้าส่องสว่างสาธารณะหมู่ที่ 1, 2, 6 และ 7 สูงกว่าความเป็นจริงและตรวจรับงานจ้างไม่เป็นไปตามแบบรูปรายการ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา
ล่าสุด ถูกศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนลงโทษจำคุกเพิ่มอีก 1 ปี จากคดีกำหนดราคากลางโครงการก่อสร้างระบบไฟฟ้าส่องสว่างสาธารณะบริเวณหน้าโรงพยาบาลท้ายเหมือง ถึงหมู่ที่ 6 สูงกว่าความเป็นจริงและตรวจรับงานจ้างไม่เป็นไปตามแบบรูปรายการเช่นเดิม และให้นับโทษต่อกัน เมื่อรวมโทษทั้งสองคดี นายมาโนชญ์ เพิ่มทรัพย์ อดีตหัวหน้าส่วนโยธา ต้องรับโทษมากสุดรวมจำนวนถึง 14 ปี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายสนิท วรกิจ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ท้ายเหมือง อำเภอท้ายเมือง จังหวัดพังงา จำเลยที่ 1 พร้อมพวกอีก 12 ราย คือ นางอรทัย จิตสว่าง หรือเจี่ยสกุล อดีตปลัด อบต.ท้ายเหมือง จำเลยที่ 2 , นายมาโนชญ์ เพิ่มทรัพย์ อดีตหัวหน้าส่วนโยธา จำเลยที่ 3 , นายไพโรจน์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อดีตหัวหน้าส่วนโยธา จำเลยที่ 4 , นายมงคล เจี่ยสกุล อดีตวิศวกรโยธา จำเลยที่ 5 , นายธีระพงษ์ สงวนนาม อดีตผู้ช่วยช่างโยธา จำเลยที่ 6 , นายวีรศักดิ์ หรือนายวีระศักดิ์ ส่องแก้ว อดีตปลัด อบต.ลำภี จำเลย ที่ 7 , นายสมมาต โชติประดิษฐ์ อดีตหัวหน้าส่วนโยธา อบต.ทุ่งพร้าว จำเลยที่ 8 , นายพนม ภิญโญ อดีตนักวิชาการการศึกษา อบต.ท้ายเหมืองจำเลยที่ 9 , นายเกรียงศักดิ์ ทองสกุล จำเลยที่ 10 , นายณรงค์ แสงสวาท จำเลยที่ 11 และ นายธิติพันธ์ อัครธนารัฐชัย จำเลยที่ 12 กรณี กำหนดราคากลางโครงการก่อสร้างระบบไฟฟ้าส่องสว่างสาธารณะจากหน้าโรงพยาบาลท้ายเหมือง ถึงหมู่ที่ 6 สูงกว่าความเป็นจริงและตรวจรับงานจ้างไม่เป็นไปตามแบบรูปรายการ
ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตาม ป.อ. มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 86 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2559
สำหรับความคืบหน้าทางคดีนั้น เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 มีคำพิพากษาว่า
นายสนิท วรกิจ จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม มาตรา 157
นางอรทัย จิตสว่าง หรือเจี่ยสกุล จำเลยที่ 2 , นายมาโนชญ์ เพิ่มทรัพย์ จำเลยที่ 3 , นายไพโรจน์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต จำเลยที่ 4 , นายมงคล เจี่ยสกุล จำเลยที่ 5 , นายวีรศักดิ์ หรือนายวีระศักดิ์ ส่องแก้ว จำเลยที่ 7 นายสมมาต โชติประดิษฐ์ จำเลยที่ 8 , นายพนม ภิญโญ จำเลยที่ 9 , นายเกรียงศักดิ์ ทองสกุล จำเลยที่ 10 มีความผิดตามมาตรา 157 และ 162 (1), (4) ประกอบมาตรา 83
นายธีระพงษ์ สงวนนาม จำเลยที่ 6 นายณรงค์ แสงสวาท จำเลยที่ 11 นายธิติพันธ์ อัครธนารัฐชัย จำเลยที่ 12 มีความผิด ตามมาตรา 157 และ 162 (1), (4) ประกอบมาตรา 86
การกระทำของจำเลยที่ 3 ที่ 5 ถึงที่ 8 ที่ 11 และที่ 12 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามมาตรา 91 สำหรับความผิดตามมาตรา 157 และ 162 (1), (4) (เดิม) ประกอบมาตรา 83 มาตรา 157 และ 162 (1), (4) (เดิม) ประกอบมาตรา 86 เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวผิด ต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 157 (เดิม) ประกอบมาตรา 83 และ มาตรา 157 (เดิม) ประกอบ มาตรา 86 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามมาตรา 90
จำคุก นายสนิท วรกิจ จำเลยที่ 1 นางอรทัย จิตสว่าง หรือเจี่ยสกุล จำเลยที่ 2 นายไพโรจน์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต จำเลยที่ 4 คนละ 1 ปี
จำคุกนายพนม ภิญโญ จำเลยที่ 9 และนายเกรียงศักดิ์ ทองสกุล จำเลยที่ 10 จำเลยที่ 10 คนละ 3 ปี
นายมาโนชญ์ เพิ่มทรัพย์ จำเลยที่ 3 กระทำผิดสามกระทง กระทง แรกจำคุก 1 ปี กระทงที่ 2 และที่ 3 จำคุกกระทงละ 3 ปี รวมจำคุก 7 ปี
นายมงคล เจี่ยสกุล จำเลยที่ 5 นายวีรศักดิ์ หรือนายวีระศักดิ์ ส่องแก้ว จำเลยที่ 7 และนายสมมาต โชติประดิษฐ์ จำเลยที่ 8 กระทำผิดสอง กระทง จำคุกกระทงละ 3 ปี รวมจำคุกคนละ 6 ปี
นายธีระพงษ์ สงวนนาม จำเลยที่ 6 และ นายณรงค์ แสงสวาท จำเลยที่ 11 กระทำผิดสอง กระทง จำคุกกระทงละ 2 ปี รวมจำคุกคนละ 4 ปี
นายธิติพันธ์ อัครธนารัฐชัย จำเลยที่ 12 กระทำผิดสี่กระทง จำคุกกระทงละ 2 ปี รวม จำคุก 8 ปี
นับโทษจำคุก จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ที่ 7 และที่ 8 ต่อจากโทษ ในคดีหมายเลขแดงที่ อท 32/2562 ของศาลนี้ ข้อหาและคำขออื่น นอกจากนี้ให้ยก (ดูข้อมูลประกอบในตาราง)
ที่มา : สำนักข่าวอิศรา รวบรวมผลคำพิพากษาทั้งสองคดี
ต่อมาเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2564 ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาแก้เป็นว่า ลงโทษ นายธิติพันธ์ อัครธนารัฐชัย จำเลยที่ 12 สองกระทง รวมจำคุกคน ละ 4 ปี นอกจากที่ แก้ไขให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ขณะที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2565 ได้พิจารณาแล้วมีมติไม่เห็นพ้องในกรณีที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และเห็นควรฎีกาคำพิพากษาศาลดังกล่าว
อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับคดีนี้ สำนักข่าวอิศรา รายงานว่าไปแล้วว่า คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งหมด มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
แต่ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร คดีนี้ นับเป็นอีกหนึ่งคดีใหญ่ เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างระบบไฟฟ้าส่องสว่างสาธารณะ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่เกิดขึ้น และเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาสำคัญ ของเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ให้ใครเดินซ้ำรอยเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ได้ชัดเจนอีกกรณีหนึ่ง
อ่านข่าวในหมวดเดียวกัน