เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา 'สินสมุทร เสนาอาจ' อดีตผอ.การประถมศึกษาหนองคาย เรียกรับเงินทำสัญญาซื้อขายเครื่องแบบนร.ชาย-หญิง บอกเลิกสัญญาโดยมิชอบ ล่าสุด ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนยกฟ้อง พวก 2 ราย โดนโทษ 6 ,12 ปี- ป.ป.ช.เห็นควรฎีกาสู้ต่อ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้ากรณีกล่าวหา นายสินสมุทร เสนาอาจ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการการประถมศึกษาจังหวัดหนองคาย กับพวก 2 ราย คือ นายสีออ น้อยวัน และนายรัตนศักดิ์ สาวจู เรียกรับเงินในการทำสัญญาซื้อขายเครื่องแบบนักเรียนชาย-หญิง กลุ่มที่ 3 และบอกเลิกสัญญาโดยมิชอบ
ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตาม ป.อ.มาตรา 149, 151, 157 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2560
ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2564 ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนตามศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ที่พิพากษาตัดสินว่า นายสีออ น้อยวัน จำเลยที่ 2 และ นายรัตนศักดิ์ สาวจู จำเลยที่ 3 มีความผิดตามมาตรา 151
ขณะที่ นายรัตนศักดิ์ สาวจู จำเลยที่ 3 ยังมีความผิดตามมาตรา 149 การกระทำของจำเลยที่ 3 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามมาตรา 91 ตามมาตรา 151
จำคุกคนละ 6 ปี
และตามมาตรา 149 จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 6 ปี รวมจำคุก จำเลยที่ 3 มีกำหนด 12 ปี
ยกฟ้อง นายสินสมุทร เสนาอาจ จำเลยที่ 1
ทั้งนี้ คดียังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งหมด มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2565 มีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่ฎีกาคำพิพากษาสำหรับจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ดังกล่าว
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือประหารชีวิต
มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อ่านข่าวในหมวดเดียวกัน