'พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ' ส่อรอดข้อกล่าวหาสุดท้ายปมยืมนาฬิกาหรูเพื่อน หลังคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง ป.ป.ช. ตีตกเรื่องไม่เข้าข่ายรับทรัพย์สินมูลค่าเกิน 3,000 บาท จ่อชงที่ประชุมชุดใหญ่พิจารณาอีกครั้ง เผยข้อมูลใหม่ กรมศุลฯ ทำความตกลงระงับคดีขายนาฬิกา 20 เรือน คืนลูกสาว ปัฐวาท 19 ล้าน หลังไม่ทราบใครนำเข้ามาในประเทศ บิดาครอบครองมาตั้งแต่เมื่อไหร่
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะอนุกรรมการกลั่นกรองเรื่องกล่าวหาประจำสำนักไต่สวนการทุจริตภาคการเมืองและองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ได้ตีตกข้อกล่าวหา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ช่วงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี "ประยุทธ์ 1" รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด จากบุคคล นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมายกรณียืมนาฬิกาหรู จำนวน 25 เรือน ของเพื่อนมาใช้ ในประเด็นข้อกล่าวหาสุดท้าย ว่าการยืมนาฬิกาหรูแบบนี้ถือว่าเป็นการให้ทรัพย์สินที่มูลค่าเกินกว่า 3,000 บาทหรือไม่
เบื้องต้น พนักงานเจ้าหน้าที่มีความเห็นว่า ผู้ถูกร้องยืมนาฬิกา จำนวน 22 เรือน มาจากนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ และเมื่อใช้เสร็จก็ได้คืนเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเป็นการยืมใช้คงรูป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 640, 641 ดังนั้น การได้รับประโยชน์ใช้สอยจากนาฬิกาจึงเป็นประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมายที่ผู้ยืมพึงมีสิทธิได้รับ การกระทำของผู้ถูกร้องจึงไม่เป็นความผิด
ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 103 เห็นควรไม่รับเรื่อง
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการดำเนินการสอบสวนของคณะอนุกลั่นกรองฯ ที่ผ่านมา ได้มีการให้ขอทราบผลการดำเนินการของกรมศุลกากร ซึ่งมีการตรวจสอบแล้ว พบว่า น.ส.จุติพร สุขศรีวงศ์ ผู้รับมรดก เป็นผู้ครอบครองนาฬิกา จำนวน 20 เรือน แต่ไม่ทราบว่า ผู้ใดนำเข้ามาในประเทศไทย และไม่ทราบว่าบิดาครอบครองมาตั้งแต่เมื่อใด
นอกจากนี้ คณะอนุกลั่นกรองฯ ยังมีการขอเอกสารการเรียกเก็บภาษีนำเข้านาฬิกา จำนวน 20 เรือน ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้ว พบว่า กรมศุลกากร ได้ทำความตกลงระงับคดีและจำหน่ายนาฬิกาจำนวน 20 เรือน คืนให้แก่ น.ส.จุติพร ในราคารวมค่าภาษีอากรเป็นเงิน 19,979,523.96 บาท ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบประมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ. 2560
ขณะที่ คณะอนุกลั่นกรองฯ ได้ส่งประเด็นข้อกฎหมายให้สำนักการขัดกันแห่งผลประโยชน์วินิจฉัย ซึ่งสำนักการขัดกันฯ แจ้งว่า คณะอนุกรรมการป้องกันฯ ไม่มีอำนาจพิจารณาให้ความเห็นด้วย
ทั้งนี้ ความเห็นของคณะอนุกรรมการกลั่นกรองเรื่องกล่าวหาประจำสำนักไต่สวนการทุจริตภาคการเมืองและองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ที่ให้ตีตกข้อกล่าวหา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ดังกล่าว จะมีการเสนอเรื่องให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ พิจารณาอีกครั้ง
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรา เคยตั้งคำถามกับสำนักงาน ป.ป.ช. ว่า คดียืมนาฬิกามูลค่า 3 ล้านบาทต่อเนื่องกันเป็นเวลา 10 เดือนเป็นอย่างน้อยตั้งแต่ผู้ให้ยืมเสียชีวิต การยืมแบบนี้นั้นถือว่าเป็นการให้ทรัพย์สินที่มูลค่าเกินกว่า 3,000 บาทหรือไม่
ขณะที่ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ตอบคำถามว่า ในประเด็นการกล่าวหาเรื่อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในกรณีเรื่องการยืมนาฬิกาเพื่อนนั้น ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีการวินิจฉัยไปแล้วว่าการยืมทรัพย์สินตัวนั้นไม่ใช่ทรัพย์สินของเขาเอง เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องลงรายการในบัญชีทรัพย์สิน เรื่องนี้จบไปแล้ว
"ปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือว่าแล้วการยืมนั้นเป็นการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเกินกว่า 3,000 บาท ตามประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในมาตรา 103 ตามกฎหมายเดิมหรือไม่ เรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่เจ้าของเรื่องได้มีการตรวจสอบรายละเอียดรวมทั้งมูลค่า มีการขอทราบข้อเท็จจริงไปยังกรมศุลกากรกรณีที่มีบุตรสาวของทางผู้ให้ยืมนาฬิกาไปเสียค่าปรับนาฬิกา เพราะฉะนั้นขั้นตอนในกระบวนการเหล่านี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อเท็จจริงและมันจะมีข้อกฎหมายตามมาว่าการให้ยืมนั้นถือเป็นประโยชน์อื่นใดหรือไม่"
เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวด้วยว่า "นี่ถือเป็นประเด็นกฎหมายที่สำคัญ เพราะว่าการยืมมันจะมีอยู่สองกรณีคือยืมแบบมีมูลค่า เช่น เวลาที่เราไปเช่าสินค้าหรือเช่ารถยนต์ในทางธุรกิจ มันก็จะมีลักษณะของการประกอบธุรกิจซึ่งมันมีมูลค่าอยู่ แต่ในกรณีที่เพื่อนซึ่งให้ยืมกันเอง การคิดมูลค่า ตรงนี้นั้นจะสามารถคิดมูลค่าเป็นเงินได้หรือไม่ เพราะบางครั้งมันอาจจะเป็นเรื่องน้ำใจ หรือว่าเขามีสิ่งของซึ่งเขาอาจจะให้ยืมไปก่อนหรืออะไรต่าง ๆ นั้นตรงนี้ถือเป็นประเด็นที่ต้องวินิจฉัยพอสมควร"
"ในปัจจุบันเราก็ให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติม ความจริงนั้นมีการเข้าอนุกรรมการกลั่นกรองมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ประเด็นนั้นยังไม่ตกผลึก ก็เลยต้องให้มีการไปตรวจสอบว่าในประเด็นที่มีการเสียค่าปรับที่ศุลกากรนั้นมีมูลค่าเท่าไรกันแน่ ซึ่งเข้าใจว่าทางศุลกากรส่งรายละเอียดมาให้แล้ว แต่คงต้องตรวจสอบอีกว่าเรื่องนี้ไปถึงไหน สรุปหรือยัง" เลขาธิการ ป.ป.ช. ระบุ
อ่านประกอบ :
- ทำความเข้าใจช่องทางถอด กก.ป.ป.ช. ปมตีตกคดีนาฬิกาหรู-‘พรเพชร’ตัวแปรสำคัญ?
- 'ศรีสุวรรณ'ล่า 2 หมื่นชื่อชงถอดถอน 5 กก.ป.ป.ช.ข้างมากตีตกคดีนาฬิกา'บิ๊กป้อม'
- ชอตต่อชอต! เทียบคดีนาฬิกาหรู 'บิ๊กป้อม' - รถโฟล์คตู้ ‘สุพจน์’
- เบื้องหลัง กก.ป.ป.ช. เสียงข้างมาก ลงมติ 5:3 ตีตกคดีนาฬิกาหรู'บิ๊กป้อม' ยืมเพื่อนไม่ผิด!
- ยืมเพื่อนไม่ผิด! ป.ป.ช.มติ 5 ต่อ 3 ตีตกคดีนาฬิกาหรู'บิ๊กป้อม'
- ปิดม่านมหากาพย์นาฬิกาเพื่อน‘บิ๊กป้อม’ ป.ป.ช.ตีตก-เหลือปมรับทรัพย์สินเกิน 3 พัน?