บก.บริหาร The Matter เผยแพร่คำวินิจฉัยฉบับเต็ม! คกก.ข้อมูลข่าวสารฯ สั่งสำนักงาน ป.ป.ช. โชว์บัญชีทรัพย์สิน ‘บิ๊กตู่-วิษณุ’ นั่งเก้าอี้ครั้งที่ 2 หลังเลือกตั้งปี 62 ชี้เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบ ป้องปัญหาทุจริต-ขัดกันแห่งผลประโยชน์
.........................................................................
เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2564 นายพงศ์พิพัฒน์ บัญชานนท์ บรรณาธิการบริหารสำนักข่าว The MATTER โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเป็นสาธารณะ (Public) เผยแพร่คำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดิน และการบังคับใช้กฎหมาย กรณีมีคำวินิจฉัยให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กรณีเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นครั้งที่ 2 และนายวิษณุ เครืองาม กรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เป็นครั้งที่ 2 ภายหลังการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา ที่ยื่นเพื่อเป็นหลักฐาน
กรณีนี้นายพงศ์พิพัฒน์ ยื่นคำร้องตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ขอดูบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.อ.ประยุทธ์ และนายวิษณุ กรณีดำรงตำแหน่งครั้งที่ 2 อย่างไรก็ดีสำนักงาน ป.ป.ช. อ้างไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวได้ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ต่อมานายพงศ์พิพัฒน์ ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารฯ กระทั่งคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารฯมีคำวินิจฉัยให้สำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยข้อมูลดังกล่าว
คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีนี้แม้คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมีมติไม่เปิดเผย และไม่ส่งข้อมูลข่าวสารที่คณะกรรมการฯ มีคำสั่งเรียกข้อมูลตามมาตรา 32 ประกอบมาตรา 39 แห่ง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มาเพื่อประกอบการพิจารณา แต่ข้อเท็จจริงปรากฏในสำนวนเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยื่นบัญชีทรัพย์สินกรณีเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และนายวิษณุ ยื่นบัญชีทรัพย์สินกรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2557 (คณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ 1) โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินเป็นการทั่วไป
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ และนายวิษณุ พ้นตำแหน่งดังกล่าว และได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเดิมและตำแหน่งใหม่ภายใน 1 เดือน จึงไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีเข้ารับตำแหน่งใหม่ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่ไม่ห้ามที่จะยื่นเป็นหลักฐานตามมาตรา 105 วรรคสี่ แห่ง พ.ร.บ.ป.ป.ช.
นายพงศ์พิพัฒน์ ยื่นคำร้องขอเข้าตรวจดูบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว ที่ยื่นไว้ในปี 2562 แต่สำนักงาน ป.ป.ช. ปฏิเสธที่จะเปิดเผย ให้เหตุผลว่าเป็นข้อมูลซึ่งมีลักษณะเฉพาะของบุคคลที่ได้มาจากการปฏิบัติหน้าที่ ต้องห้ามมิให้เปิดเผยตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.ป.ป.ช.
กรณีมีประเด็นต้องวินิจฉัยประเด็นเดียวคือ บัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.อ.ประยุทธ์ และของนายวิษณุ กรณีเข้ารับตำแหน่งใหม่เมื่อปี 2562 เปิดเผยให้เข้าตรวจดูได้หรือไม่
คณะกรรมการฯ เห็นว่า แม้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของบุคคลดังกล่าวเป็นข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของบุคคล อันจะทำให้ทราบถึงสถานะทางการเงินของบุคคล จึงเป็นข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล ตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ หน่วยงานรัฐจะเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่อยู่ในความควบคุมดูแลของตนต่อหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นหรือผู้อื่น โดยปราศจากความยินยอมเป็นหนังสือของเจ้าของข้อมูลที่ให้ไว้ล่วงหน้า หรือในขณะนั้นมิได้ ตามมาตรา 24 แห่ง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ
อย่างไรก็ดี มาตรา 234 (3) ของรัฐธรรมนูญ และมาตรา 28 (3) และมาตรา 102 (1) แห่ง พ.ร.บ.ป.ป.ช. กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ความมีอยู่จริงของทรัพย์สิน รวมทั้งตรวจสอบความเปลี่ยนแปลง และเมื่อ ป.ป.ช. ตรวจสอบเสร็จแล้ว จะต้องเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินให้ประชาชนทราบ
ส่วนการที่สำนักงาน ป.ป.ช. อ้างว่าไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายให้อำนาจคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ที่ยื่นไว้เป็นหลักฐานนั้น เห็นว่า การยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.อ.ประยุทธ์ และนายวิษณุ แม้จะยื่นไว้เพื่อเป็นหลักฐานก็ตาม แต่จุดมุ่งหมายสำคัญที่กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยื่นบัญชีทรัพย์สินเพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบความโปร่งใส ในการบริหารราชการแผ่นดินตามหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตลอดจนเป็นการป้องกันปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ และการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ข้อมูลข่าวสารดังกล่าวจึงเป็นข้อมูลสารธารณะที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. และสำนักงาน ป.ป.ช. มีหน้าที่โดยตรงในการเปิดเผยให้ประชาชนได้รับทราบตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 (3) ประกอบมาตรา 59
เมื่อพิจารณาหลักเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการที่กำหนดไว้ในมาตรา 15 แห่ง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ แล้ว มิใช่ข้อมูลข่าวสารที่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดที่หน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอาจมีคำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวได้ ประกอบกับนายพงศ์พิพัฒน์ แจ้งความประสงค์ในการขอเข้าตรวจดูบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเท่านั้น
“เมื่อพิเคราะห์ถึงการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของสำนักงาน ป.ป.ช. ประโยชน์สาธารณะที่ประชาชนจะได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน และประโยชน์ของเอกชนที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้ว เห็นว่า ข้อมูลข่าวสารดังกล่าวเปิดเผยให้เข้าตรวจดูได้” คณะกรรมการฯ ระบุ
ส่วนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.อ.ประยุทธ์ กรณีเข้ารับตำแหน่ง รมว.กลาโหม เนื่องจากปรากฎข้อเท็จจริงตามคำชี้แจงของสำนักงาน ป.ป.ช. ว่า พล.อ.ประยุทธ์ มิได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินกรณีเข้ารับตำแหน่ง รมว.กลาโหม ในปี 2562 ไว้เป็นหลักฐานต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีจึงไม่มีเอกสารอันเป็นวัตถุแห่งการพิจารณาวินิจฉัยที่คณะกรรมการฯ จะรับไว้พิจารณาได้ ดังนั้นจึงไม่มีประเด็นต้องวินิจฉัย อย่างไรก็ดีหากนายพงศ์พิพัฒน์ ไม่เชื่อว่าเป็นความจริง สามารถใช้สิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารฯ เพื่อขอให้ตรวจสอบความมีอยู่ของข้อมูลข่าวสารดังกล่าวได้
ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ คณะกรรมการวินิจฉัยฯ จึงวินิจฉัยให้สำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.อ.ประยุทธ์ และนายวิษณุ กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อปี 2562 โดยให้เข้าตรวจดูได้ตามคำร้องขอ เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อง หลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน พ.ศ. 2561
อ้างอิงเนื้อหา และภาพประกอบ จากเฟซบุ๊กนายพงศ์พิพัฒน์ บัญชานนท์ : https://www.facebook.com/whee.mati/posts/10157874936116010
อ่านประกอบ :
ทรัพย์สิน‘บิ๊กตู่-วิษณุ’7ปีก่อน-อัพเดตธุรกิจ ‘เมีย-ลูก’ กก.ข่าวสารฯสั่ง ป.ป.ช.ต้องโชว์?
ป.ป.ช.ต้องโชว์ทรัพย์สิน‘บิ๊กตู่-วิษณุ’รอบสอง! กก.ข่าวสารฯชี้เป็นเรื่องสาธารณะ
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/