จับ 20 แรงงานประมงชาวลาว ลักลอบหนีโควิดจากมาเลย์เข้าไทยผิดกฎหมาย แฉจ่ายขบวนการนายหน้าหัวละ 8,000 บาท พาข้ามชายแดนถึงแค่ปัตตานี หากจะต่อไปถึงลาวต้องจ่ายเพิ่มอีก เผยเหตุโควิดทำตกงานเงินหมดและคิดถึงบ้าน จนท.เตรียมขยายผลตามจับกุมขบวนการนายหน้า
วันที่ 17 ธ.ค.63 ที่สถานีตำรวจภูธรมูโนะ ทางนายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงโกลก ร่วมกับพ.ต.อ.จำรัส รุ่งเรือง ผกก.สภ.มูโนะ พ.ต.ท.ธีระโชติ ปฐมวณิชกะ ผบ.ร้อย กก.ตชด.447 และเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ได้ร่วมกันแถลงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายในการเข้าจับกลุ่มแรงงานชาวลาว จำนวน 20 คน ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองผ่านเส้นทางธรรมชาติ ทั้งหมดเป็นแรงงานประมงอยู่ที่รัฐปะฮัง ประเทศมาเลเซีย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้พบกลุ่มชายกลุ่มดังกล่าวบริเวณริมคลองแม่น้ำสุไหงโก-ลก ม.3 บ.ปรือเตาะ ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อเตรียมขึ้นรถยนต์ 2 คันที่จอดรออยู่ จึงควบคุมตัวทั้งหมดพร้อมยึดรถยนต์ของกลาง นำมาที่สถานีตำรวจภูธรมูโนะ เพื่อขยายผลและคัดกรองโควิด-19
จากการสอบสวนทราบว่า เวลา 23.10 น.ของวันที่ 16 ธ.ค.63 เจ้าหน้าที่ร่วม 3 ฝ่ายได้สนธิกำลังออกตรวจสอบแนวชายแดนไทย- มาลเซีย ได้เจอกลุ่มชายกำลังเดินขึ้นจากริมคลองแม่น้ำสุไหงโก-ลก ตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย บริเวณ ม.3 บนปรือเดาะ ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อมาขึ้นรถยนต์ที่จอดรออยู่แล้วจำนวน 2 คัน เป็นรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่น วีออส สีเทา หมายเลขทะเบียน กล 1008 นครศรีธรรมราช และรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นสปอร์ตไลเดอร์ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน กย 328 สงขลา
ขณะเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบกลุ่มชายดังกล่าว ได้ทิ้งกระเป๋าเดินทางวิ่งหลบหนีเข้าไปในบริเวณป่าข้างทางที่รถจอดรออยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้ปิดล้อมบริเวณป่าที่ชายกลุ่มดังกล่าววิ่งหนีเข้าไปแล้วเรียกทั้งหมดออกมา จึงทราบว่ามีทั้งหมด 20 คน เป็นคนสัญชาติลาวมาจากประเทศมาลเซีย เพื่อเดินทางกลับไปยังประเทศลาว ส่วนคนขับรถยนต์ได้หลบหนีไปในขณะชุลมุน เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวแรงงานทั้งหมดพร้อมยึดรถยนต์ของกลางทั้ง 2 คัน มายังสถานีตำรวจภูธรมูโนะ
นายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงโกลก กล่าวว่า นายเจษฏา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้มีนโยบายสั่งการให้สกัดกั้นคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และไม่ผ่านกระบวนการคัดกรองโรค เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดโรค COVID-19 ได้สนองนโยบายจับกุมคนไทยลักลอบขนแรงงานเถื่อนโดยผิดกฎหมายพร้อมแรงงานประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนพยายามลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย
สีไว เจริญสุก อายุ34 ปี แรงงานชาวลาว กล่าวว่า ตนเองเป็นแรงงานประมงมานานกว่า 17 ปี ทำงานบนเรือประมงขนาด 10 ตันกลอส ตนเองและเพื่อนๆ ออกเดินทางโดยรถบัสปรับอากาศ จากรัฐยะโฮร์ ประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค. มาถึงใกล้ๆชายแดนเวลา 20.00 น. ได้เสียค่าใช้จ่ายประมาณ 8,000 บาทต่อคนให้กับนายหน้า ซึ่งราคานี้เดินทางมาถึง จ.ปัตตานี หากจะเดินทางไปยังประเทศลาวก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก
ในการลักลอบข้ามมาฝั่งไทยได้มีการติดต่อผ่านนายหน้าที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งนายหน้าได้เดินทางมาหาที่แพปลาที่ตนเองและเพื่อนทำงานอยู่ ซึ่งตนเองก็ไม่ทราบว่า นายหน้าเป็นคนไทยหรือเป็นคนมาเลเซีย ซึ่งนายหน้าก็พูดไทยได้แล้วก็พูดภาษามาเลเซียได้ ที่ผ่านมาได้ติดต่อสถานกงศุลประเทศลาวไว้แล้วเพื่อนๆและตนเองรอนานกว่า 2 เดือน ทำให้เราจึงตัดสินใจเสียค่านายหน้าและยอมหลบหนีเข้าเมืองมาแบบผิดกฎหมาย
นายสีไว กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมานายจ้างได้เลิกว่าจ้าง ทำให้ตนเองและเพื่อนๆเดือดร้อนหนักมาก เนื่องจากเงินที่ทำงานมาก็น้อยลงไปเรื่อยๆแม้ว่าจะติดต่อสถานกงสุลประเทศลาว แต่ไม่มีเครื่องบินมารับ ทำให้ตัดสินใจเข้าเมืองผิดกฎหมายคิดว่าไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า เพราะอยู่ไปก็ไม่มีเงินและลำบากมากคิดถึงบ้างอยากกลับไปหาลูกเมียคิดถึงพ่อแม่ อย่างไรก็ตามถ้าหากว่าสถานการณ์โควิดดีขึ้น ก็ต้องมีความจำเป็นกลับไปทำงานที่เดิมเพราะว่าที่ประเทศตนเองไม่มีงานทำแล้วก็ค่าแรงก็ถูกมากยอมเสี่ยงไปทำงานที่เดิมดีกว่าเพราะว่ามีรายได้แน่นอนถ้าหากว่าออกเรือได้ก็รายได้ที่ 15,000-20,000 บาท ต่อเดือน
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศมาเลเซียมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อ 15 ธ.ค.63 มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 1,772 คน โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ติดเชื้อในพื้นที่รัฐกลันตัน (ติดชายแดน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส) จำนวน 3 คน และในพื้นที่รัฐตรังกานู (ติดกับรัฐกลันตัน) จำนวน 7 คน ทั้งนี้ มีผู้ติดเชื้อสะสมในมาเลเซียจำนวน 86,618 คน เสียชีวิตสะสม 422 คน ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ของไทย จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อสะสมยังคงเดิมอยู่ที่ 423 ราย
จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา จุดผ่านแดนถาวรในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปิดทุกด่าน จึงไม่มีคนไทยที่มีหลักฐานถูกต้องในมาเลเซียเดินทางกลับเข้ามาผ่านจุดผ่านแดนถาวรแต่อย่าง ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมแรงงานลักลอบข้ามแดนเข้ามาตามเส้นทางธรรมชาติได้หลายครั้ง อย่างก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ก็สามารถจับกุมกลุ่มแรงงานชาวเวียดนามชาว -หญิง รวม 20 คน ซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าวทำงานอยู่ในประเทศมาเลเซีย จ้างนายหน้านำพาหลบหนีโควิดผ่านเข้ามาในประเทศไทย เพื่อจะเดินทางต่อกลับไปยังประเทศของตนเช่นกัน