ในช่วงเวลาที่คนไทยจากหลากหลายประเทศเรียกร้องขอเดินทางกลับมาตุภูมิ ยังมีคนไทยอีกกลุ่มหนึ่งที่ประสบกับความยากลำบากมากพิเศษ เพราะตกค้างและถูกจับกุมอยู่ที่ประเทศอินเดีย นั่นก็คือบางส่วนของ "กลุ่มดะวะห์ตัฆลีบ" ที่ไปร่วมกิจกรรมทางศาสนา
กิจกรรมดะวะห์ที่อินเดีย มีขึ้นตั้งแต่ราวเดือน มี.ค.63 มีชาวไทยมุสลิมไปร่วมประมาณ 130 คน ต่อมาเกิดการระบาดของโควิด-19 ทำให้รัฐบาลอินเดียสั่งปิดประเทศ ล็อกดาวน์ทุกกิจการ ห้ามดำเนินกิจกรรมรวมตัวกันทุกประเภท
แต่กลุ่มดะวะห์ที่เรียกตัวเองว่า "ดะวะห์ตับลีฆ" ยังคงจัดชุมนุมของกลุ่มดะวะห์ต่อเนื่องมา จึงถูกทางการอินเดียนำกำลังเข้าสลายศูนย์มัรกัสนิซามุดีน กลางกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของอินเดีย เมื่อช่วงกลางเดือน เม.ย. และจับกุมหัวหน้ากลุ่มดะวะห์ชาวอินเดียดำเนินคดี ขณะที่สมาชิกดะวะห์ถูกส่งเข้าศูนย์กักกันสังเกตอาการ ในจำนวนนั้นมีคนไทยรวมอยู่ด้วย
ล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงนิวเดลี โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ ระบุว่ามีคนไทย 15 คนถูกกักขังระหว่างรอพิจารณาคดีใช้วีซ่าผิดประเภท คือ ใช้วีซ่าท่องเที่ยว แต่เข้าไปเผยแผ่ศาสนา มีโทษปรับประมาณ 500 ดอลลาร์ หรือราวๆ หมื่นกว่าบาทต่อคน
นายครูมะ นิบงบารู ผู้ประสานงานศูนย์มัรกัสยะลา (ศูนย์ดะวะห์) บอกกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า ทางมัรกัสยะลาทราบข้อมูลบ้างแล้ว จากการติดต่อทางไลน์กับกลุ่มดะวะห์ตับลีฆที่อยู่ในศูนย์มัรกัสนิซามุดีน กรุงนิวเดลี ซึ่งทางมัรกัสยะลาพร้อมยอมรับ และพร้อมปฏิบัติตามระเบียบกฎหมายของอินเดีย หาต้องเสียค่าปรับก็จะยอมเสียทุกขั้นตอน
"เราเพิ่งรับรู้ข่าวสาร แต่ยังไม่มีหนังสืออย่างเป็นทางการว่ากลุ่มดะวะห์ที่ใช้วีซ่าท่องเที่ยวเข้าอินเดียมีใครบ้าง มัรกัสยะลาพร้อมให้ความช่วยเหลือ หรือเสียค่าปรับต่างๆ ให้กับกลุ่มดะวะห์ เพื่อพาทุกท่านกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ" นายครูมะ กล่าว
สำหรับการทำงานของกลุ่มดะวะห์ตับลีฆ ถึงแม้ทางการอินเดียจะลงโทษผู้ใช้วีซ่าผิดประเภท ทั้งปรับเป็นเงิน และห้ามเข้าประเทศอินเดียเป็นเวลา 2 ปี แต่ก็ไม่กระทบกับงานเผยแผ่ศาสนา เพราะประเทศอื่นที่ไม่ปิดกั้น ดะวะห์ตับลีฆพร้อมก็เข้าไปทุกที่
"เชื้อดะวะห์ตับลีฆได้วางใน 125 ประเทศทั่วโลกแล้ว เป็นเวลากว่า 80 ปี ซึ่งตอนนี้ทุกประเทศทั่วโลกมีเชื้อดะวะห์ตับลีฆ เหมือนไวรัสโคโรนา 2019 ที่กำลังระบาดในปัจจุบันนี้เช่นเดียวกัน" นายครูมะ ระบุ
เรื่องราวของกลุ่มดะวะห์ และดะวะห์ตับลีฆ ที่มีประวัติความเป็นมาเกือบ 100 ปี และทำให้อินเดียกลายเป็นศูนย์กลางของดะวะห์ มีมัรกัส หรือศูนย์ดะวะห์ที่เป็นต้นแบบไปทั่วโลก อ่านได้ที่ รู้จัก "โยร์-ดะวะห์" ภารกิจแห่งศรัทธาของผู้เผยแผ่อิสลาม
อนึ่ง นายชุตินทร คงศักดิ์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงนิวเดลี ได้โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ส่วนตัวเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า กรณีกลุ่มคนไทยมุสลิมที่ไปร่วมกิจกรรมดาวะห์กับองค์กร Tablighi Jamaat ที่อินเดียนั้น สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงนิวเดลี ได้ติดตามสอบถามความคืบหน้าเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของกลุ่มคนไทยมุสลิมที่ไปร่วมกิจกรรมดาวะห์ที่อินเดียอย่างต่อเนื่อง
สถานะล่าสุด ทราบว่ามีจำนวนประมาณ 130 คน ที่ทางการอินเดียจัดให้เข้าพักในศูนย์กักกันโรค COVID-19 (quarantine) ต่าง ๆ ทั่วประเทศ มีผู้ติดเชื้อ COVID-19 3 คน (อยู่ที่โรงพยาบาลที่รัฐทมิฬนาดู) ฝากขังรอการพิจารณาคดี 15 ราย (7 รายที่รัฐอุตตรประเทศ 8 รายที่รัฐทมิฬนาดู)
เมื่อพ้นการกักกันโรคแล้ว ทุกคนจะถูกฝากขังเพื่อรอพิจารณาคดีโดยศาลตามกระบวนการยุติธรรมของอินเดีย ในข้อหาการใช้ visa ท่องเที่ยวในการเดินทางเข้าอินเดียเพื่อเผยแผ่ศาสนา อันเป็นการใช้ visa ผิดประเภท
ทั้งนี้ หากพิจารณาแล้ว ศาลเห็นว่ามีการทำผิดกฎหมายอินเดีย ชาวไทยมุสลิมแต่ละรายอาจถูกจองจำ เสียค่าปรับ 500 ดอลลาร์สหรัฐ/ราย เนรเทศออกนอกประเทศ และถูก Black List ห้ามเข้าอินเดียเป็นเวลา 2 ปี แต่ระยะเวลาในการพิจารณาคดี และบทลงโทษอาจแตกต่างกัน แล้วแต่ศาลของรัฐนั้น
สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ตรวจสอบกับศูนย์กักกันต่างๆ แล้ว ทราบจากศูนย์ฯว่า ได้จัดอาหาร เครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกให้แล้ว แต่สถานทูต สถานกงสุลจะพยายามเข้าไปเยี่ยมพี่น้องชาวไทยมุสลิมเท่าที่ทางการอินเดียจะอำนวยความสะดวกให้
ต่อมา อัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี ได้นำถุงยังชีพไปมอบพี่น้องชาวไทยมุสลิม 24 คน ที่ไปดาวะห์ที่อินเดีย และถูกกักกันโรค COVID-19 ที่ Narela Quarantine Centre ซึ่งเป็นศูนย์กักกันโรคฯ ใหญ่ที่สุดในนิวเดลี มีผู้ถูกกักกันอยู่กว่า 1,000 คน
-------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : ภาพ นายธีรภัทร มงคลนาวิน อัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี นำสิ่งของไปมอบให้ชาวไทยมุสลิมที่ศูนย์กักกันโรค และหน้าเว็บไซต์ข่าวทางการอินเดียดำเนินการกับศูนย์มัรกัสนิซามุดีน