ตามหาตัว อดีต ผอ.โรงเรียนบ้านศาลเจ้าพ่อ อ.วังน้ำเขียว โคราช ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลทุจริตเบิกเงินสร้างห้องน้ำซ้ำซ้อน ก่อนโผล่ปัตตานี พบล่าสุดย้ายไปเป็น รอง ผอ.สพป.ปทุมธานี เขต 2 แล้ว ขณะที่ ป.ป.ช.ไม่ทบทวนมติ ขอให้ลงโทษทางวินัยภายใน 30 วัน
จากกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดทางวินัยและสั่งดำเนินคดีอาญา นางลภาภัทร พลสิทธิ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปัตตานี เขต 3 ในกรณีเบิกงบก่อสร้างห้องน้ำซ้ำซ้อน ทั้ง ที่ได้รับบริจาคมาจากภาคเอกชนอยู่แล้ว เหตุเกิดเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านศาลเจ้าพ่อ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา โดยอัยการได้มีคำสั่งฟ้องในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และล่าสุด ป.ป.ช.ส่งเรื่องให้ต้นสังกัดลงโทษทางวินัยแก่ นางลภาภัทร ตามมติเดิมภายใน 30 วัน นับแต่วันได้รับแจ้ง หลังจากเจ้าตัวพยายามยื่นคำร้องขอให้ทบทวนมตินั้น
หลังมีข่าวมติคณะกรรมการ ป.ป.ช.เผยแพร่ออกมา ทำให้เกิดคำถามว่า ขณะนี้ นางลภาภัทร รับราชการอยู่ที่ใด ยังอยู่ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปัตตานี เขต 3 (สพป.ปัตตานี เขต 3) อยู่หรือไม่
“ทีมข่าวอิศรา” ได้พยายามติดต่อ นางลภาภัทร พลสิทธิ์ รอง ผอ.สพป.ปัตตานี เขต 3 ตามเบอร์โทรศัพท์ที่เคยติดต่อก่อนหน้านี้ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังนายบุญล้อม โสภาพรม ผอ.สพป.เชียงราย เขต 2 ซึ่งเป็น อดีต ผอ.สพป.ปัตตานี เขต 3 สมัยที่นางลภาภัทร ย้ายมารับตำแหน่ง รอง ผอ.สพป.ปัตตานีเขต 3
นายบุญล้อม เปิดเผยว่า เรื่องของนางลภาภัทร พลสิทธิ์ นั้น ล่าสุดทราบว่าได้มีการย้ายไปอยู่ในตำแหน่ง รอง ผอ.สพป.ปทุมธานี เขต 2 เมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา ส่วนตัวมองเรื่องนี้ก็ควรจะย้ายคนที่ทำให้คนในพื้นที่สบายอกสบายใจเข้าไปทำงาน และควรเป็นที่ยอมรับของคนพื้นที่จะดีมาก
“สำหรับพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นมิติของเขตพื้นที่พิเศษ ก็ควรคัดกรองคนลงไปบ้าง คือ ทุกที่ก็ปฏิเสธหมด สำหรับคนไม่ดี ทุกพื้นที่ต้องการคนดี คนบริสุทธิ์ไปทำงาน แต่ระบบข้าราชการห้ามไม่ได้ เพราะถ้าคำสั่งออกไป ก็ต้องยอมรับกัน อย่างเคสที่เป็นอยู่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ แม้ว่าไม่ต้องการ ก็ต้องยอมรับตามคำสั่ง”
ด้านข้าราชการนักการศึกษาระดับ ผอ.รายหนึ่งในพื้นที่ กล่าวว่า พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่บาป เป็นแหล่งของคนบาปไปแล้ว ทำไม่ดีที่อื่นก็ส่งมาที่นี่ ไม่มีใครต้องการ แต่พอคำสั่งมาก็ต้องรับสภาพ ข้างบนไม่เคยฟังข้างล่างเลย ทหาร ตำรวจ หมอ ข้าราชการจากไหนบ้างที่ลงมาพื้นที่นี้ ทุกวงการมีคนไม่ดีแทรกเข้ามา มันจึงยิ่งสร้างเงื่อนไข ทั้งที่ทุกคนที่นี่ตะโกนบอกก็ไม่มีใครได้ยินเสียงพวกเรา ถ้าที่นี่สงบ ปัญหาคงมีมากกว่านี้แน่ เพราะขนาดมีระเบิด แต่ที่นี่ก็ยังมีมหกรรมต่างๆ มากมาย เพราะที่นี่เขามองว่า เป็นแหล่งหากิน แหล่งทำเงินได้
@@ เปิดเส้นทางคดี อดีต ผอ.ทุจริตเงินสร้างส้วม
สำหรับ นางลภาภัทร พลสิทธิ์ อดีตเคยเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านศาลเจ้าพ่อ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ซึ่งในช่วงเดือน เม.ย.61 ทางโรงเรียนบ้านศาลเจ้าพ่อ ได้มีเอกชนบริจาคเงิน 250,000 บาท ในการสร้างห้องส้วม 10 ห้อง หลังสร้างเสร็จ นางลภาภัทร ได้ทำโครงการขอเบิกงบในการสร้างห้องน้ำอีกรอบ เป็นเงิน 129,300 บาท จนเป็นที่มาของชื่อในเพจต้านคอร์รัปชั่นว่า “ผอ.กินส้วม”
หลังเกิดเรื่องถูก ป.ป.ช.เข้าตรวจสอบและชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง และดำเนินคดีอาญากับนางลภาภัทร และผู้เกี่ยวข้องอีก 2 คน ซึ่งเป็นครูที่ดูแลเกี่ยวกับการเงิน โดยโทษทางวินัย กระทรวงศึกษาธิการได้มีคำสั่งปลดครูที่ดูแลการเงินทั้ง 2 คนออกจากราชการในช่วงเดือน เม.ย.65 ส่วนการดำเนินคดีอาญา อัยการได้สั่งฟ้องให้ดำเนินคดีอาญากับ นางลภาภัทร และครูฝ่ายการเงินทั้ง 2 คน ในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์” ตามประมวลกฎหมายมาตรา 147 และให้นำตัวทั้ง 3 ไปรายงานตัวต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ในวันที่ 6 ต.ค.65
แต่ปรากฎว่า นางลภาภัทร ไม่โดนโทษทางวินัยเหมือนครูทั้ง 2 คน กลับมีการย้ายลงมาอยู่ที่ จ.ปัตตานี ในตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต 3 (รอง ผอ.สพป.ปัตตานี เขต 3) ตั้งแต่ในต้นเดือน ต.ค.64 ซึ่งทาง ผ.อ.สพป.ปัตตานี เขต 3 ในฐานะผู้บังคับบัญชาของ นางลภาภัทร ได้ชี้แจงว่า เป็นการสอบเลื่อนตำแหน่งมาไม่ใช่ย้ายหนีความผิดลงใต้
หลังจาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางวินัยแล้ว นางลภาภัทร จึงได้ยื่นอุทธรณ์ให้ทบทวนมติ ตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 99 เพื่อให้พิจารณาทบทวนมติภายใน 30 วัน แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบปล่อยเรื่องค้างมาหลายเดือน ไม่เร่งพิจารณา จนทำให้เกิดกระแสวิจารณ์ว่า “สำนวนคดีหาย”
จนล่าสุดเมื่อเร็วๆนี้ (ก.พ.66) ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) แจ้งผลการพิจารณาการยื่นอุทธรณ์ให้ทบทวนมติของนางลภาภัทร โดยที่ประชุมมีมติไม่ทบทวนมติเดิม ให้มีหนังสือชี้แจงให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และขอให้พิจารณาสั่งลงโทษทางวินัยนางลภาภัทร ตามมติเดิมภายใน 30 วัน นับตั้งแต่รับแจ้ง และให้ส่งสำเนาคำสั่งลงโทษดังกล่าวให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ทราบว่าดำเนินการได้ผลประการใด