“สุดารัตน์” นำพรรคไทยสร้างไทยลุยชายแดนใต้ ชูนโยบายปฏิรูปการศึกษาเรียนฟรีถึงปริญญาตรี แก้กฎหมายพิเศษให้มีความยุติธรรม เอาเศรษฐกิจนำการเมืองและการทหาร เน้นสร้างสันติภาพด้วยมือประชาชน ด้าน “นิพนธ์” ถกแกนนำ-สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ อ.หาดใหญ่ ชูจุดแข็งเป็นสถาบันทางการเมือง บุคลากรมีคุณภาพ พร้อมเปิดโอกาสคนรุ่นใหม่ร่วมพัฒนาประเทศ
ความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันศุกร์ที่ 19 ส.ค.65 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทยพร้อมคณะผู้บริหารพรรค ได้เดินทางลงพื้นที่ชายแดนใต้ ที่จังหวัดปัตตานีและจังหวัดยะลา เพื่อพบปะผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชน และนิสิตนักศึกษา พร้อมบรรยายในหัวข้อ “การเมืองกับความหวังของประชาชนในสภาวะปัญหาปัจจุบัน" และหัวข้อ “จัดการภาครัฐแนวใหม่ เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน” ที่มหาวิทยาลัยฟาฏอนี และมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากนักศึกษาของทั้งสองมหาวิทยาลัยอย่างคึกคัก
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทยมีหลักนโยบาย “ดูแลตั้งแต่เกิดจนแก่” สำหรับวัยนักเรียนนิสิตนักศึกษา จึงมีนโยบายปฏิรูปการศึกษาเรียนฟรีอย่างมีคุณภาพจนถึงปริญญาตรี เพื่อให้โอกาสและเป็นการลงทุนในการยกระดับคุณภาพการศึกษาด้านการเรียนการสอนกับเยาวชนของชาติ
“พรรคไทยสร้างไทย จะดำเนินการปรับหลักสูตรความรู้ของโลกยุคใหม่ ที่สามารถทำมาหากินได้และต้องลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เพื่อให้เด็กนักเรียนสามารถเข้าถึงครูอาจารย์ที่เก่งในแต่ละด้าน โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการเรียนการสอน รวมถึงให้อำนาจงบประมาณการศึกษากับเด็กนักเรียน โดยให้คูปองการศึกษา เพื่อให้เด็กนักเรียนสามารถเลือกเรียนในสถาบันที่ตนเองอยากเรียนได้ ซึ่งจะเป็นการเรียนฟรีจนถึงปริญญาตรี โดยการลดระยะเวลาการเรียนลงอีก 3-4 ปี ซึ่งทำให้เด็กไทยเรียนจบปริญญาตรีภายในอายุ 18-19 ปี”
นอกจากนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนใต้ว่า เป็นปัญหาที่สะสมมากว่า 18 ปี ซึ่งรัฐบาลใช้จ่ายงบประมาณไปเป็นจำนวนมหาศาลกว่า 3.3 แสนล้านบาท ล้วนเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับความมั่นคง หากแปรเปลี่ยนให้เป็นงบประมาณ เพื่อการพัฒนาจะเกิดประโยชน์มากกว่าและสามารถแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่ได้อย่างมหาศาล
ทั้งที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีศักยภาพในการพัฒนาสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว นักลงทุนจากพี่น้องมุสลิมทั่วโลก ได้ด้วยจุดขายของความเป็นอารยธรรม “ปาตานี” เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม รวมถึงออกแบบให้จังหวัดชายแดนใต้เป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าและอาหารฮาลาล โดยเฉพาะการผลิตและแปรรูปสินค้าเกษตร-อาหารอุตสาหกรรมการให้บริการการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นจุดแข็งในพื้นที่
“ความหวังของจังหวัดชายแดนใต้ ต้อง ‘สร้างสันติภาพด้วยมือประชาชน’ เน้นเศรษฐกิจ นำการเมืองและการทหาร ต้องปลดล็อคกฎหมายพิเศษด้านความมั่นคง 3 ฉบับทั้งกฎอัยการศึก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ที่บังคับใช้ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ ด้วยการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายทั้ง 3 ฉบับ เพื่อให้มีความยุติธรรม มีกลไกที่เป็นธรรม และที่สำคัญต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมกำหนดแนวทางในการดำเนินงาน เพื่อแสวงหาสันติภาพ บนพื้นฐานการยอมรับความแตกต่างทางวัฒธรรม และอัตลักษณ์ของคนในพื้นที่ โดยมุ่งเน้นความปลอดภัยของพี่น้องทั้งไทยพุทธ และมุสลิม” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว
@@ ปชป.ชูจุดแข็งสถาบันการเมือง – เปิดโอกาสคนรุ่นใหม่
ด้านความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 20 ส.ค.65 นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเวทีระดมแสดงความคิดเห็นเพื่อพัฒนาเมืองคลองแห โดยพบปะพูดคุยแกนนำและสมาชิกพรรค ปชป. อสม. และกลุ่มสตรีคลองแหในพื้นที่เขต 3 อำเภอหาดใหญ่ ณ ห้องประชุมโรงแรมหรรษาเจบี อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยมีนายสมยศ พลานด้วง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคปชป.เขต 3 สงขลา นายนิพัฒน์ อุดมอักษร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคปชป.เขต 2 ประธานสาขาพรรคและคณะกรรมสาขาพรรคเขตเลือกตั้งที่ 3 แกนนำ สมาชิกพรรค กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มสตรีคลองแห และประชาชนเข้าร่วมในเวทีระดมแสดงความคิดเห็นเพื่อพัฒนาเมืองคลองแหกว่า 500 คน
นายนิพนธ์ ได้กล่าวให้กำลังใจและให้ความมั่นใจกับผู้เข้าร่วมทำกิจกรรมว่า ตลอดเวลากว่า 76 ปีเข้าสู่ปีที่ 77 พรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมืองที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ เติบโตมาหลายยุคหลายสมัยและได้ทำนโยบายโครงการต่างๆมากมาย ตั้งแต่ยุคนายชวน หลีกภัยมาจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของนมโรงเรียน เงินผู้สูงอายุ เงินอสม. เงินกยศ. หรือการทำถนนสี่เลนทั่วประเทศ นอกจากนี้การดำเนินนโยบายของพรรคยังคำนึงถึงความยั่งยืนและสร้างความมั่นคงในการใช้ชีวิตของพี่น้องประชาชน อย่างนโยบายกองทุนการออมแห่งชาติ(กอช.)หรือบำนาญประชาชน ที่ตั้งขึ้นสมัยท่านอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ เหล่านี้เกิดจากนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ที่ต่อยอดให้ประเทศเดินไปสู่รัฐสวัสดิการ
ในปัจจุบันพรรคประชาธิปัตย์ได้เดินหน้าทำเรื่องของโครงการประกันรายได้ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา จึงทำให้พี่น้องเกษตรทุกคนมีความพึงพอใจกับนโยบายดังกล่าว เพราะนโยบายประกันรายได้ทำให้คุณภาพชีวิตของพี่น้องเกษตรกรดีขึ้น ที่สำคัญอีกประการคือการที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นสถานบันการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ ซึ่งคำว่าสถาบันนั้นจะไม่ยึดติดกับตัวบุคคล
นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของหัวหน้าจุรินทร์ เป็นผู้นำพรรคเพื่อเป็นความหวังของประเทศและเสนอทางเลือกที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน โดยโครงสร้างพรรคประชาธิปัตย์นั้นมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญมีประสบการณ์ทุกด้าน อย่างด้านระบบรัฐสภา ก็มีท่านชวน หลีกภัย ด้านการเมืองก็มีท่านบัญญัติ บรรทัดฐาน ด้านเศรษฐกิจ ก็มีท่านดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี เป็นต้น เหล่านี้แสดงให้เห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความพร้อมในทุกๆด้านกับการทำหน้าที่บริหารประเทศด้วยความรู้และประสบการณ์และเปิดโอกาสคนรุ่นใหม่ให้เข้ามีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการพัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์มีคนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพรรคตลอดเวลาและจะเพิ่มสัดส่วนมากขึ้นเรื่อยๆ
“ดีใจที่วันนี้สาขาพรรคเขต 3 ได้ทำกิจกรรมแบบนี้ จึงอยากเชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมเป็นสมาชิกกับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อที่จะร่วมกันแสดงความคิดเห็น เสนอแนะ แนวทางที่จะมุ่งมั่นร่วมกันพัฒนาในพื้นที่เมืองคลองแหว่า จะพัฒนาไปในทิศทางใดในวันข้างหน้า จึงต้องขอขอบคุณหัวหน้าสาขาพรรคและคณะกรรมการทุกท่านที่ร่วมกันจัดกิจกรรมอย่างนี้ เพราะนี่คือการสร้างรากฐานความมั่นคงให้กับพรรคประชาธิปัตย์ เปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ที่มีรากฐานที่มั่นคงแข็งแรง แม้จะโดนกระแสลมแรงก็ยังไม่ล้ม นอกจากมีใบไม้ที่ผลัดลงมาบ้าง แต่ก็พร้อมที่จะผลิใบใหม่ออกมาแทน ดังนั้นพวกเราจึงต้องเป็นกำลังสำคัญ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งนำพรรคไปสู่การเลือกตั้งและพวกเราจะเป็นส่วนหนึ่งในการที่จะทำสึนามิทางการเมืองในภาคใต้อีกครั้งหนึ่ง”