“นิพนธ์” ประกาศนโยบายประชาธิปัตย์ ดันจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่มั่นคงทางอาหาร ภายใต้ยุทธศาสตร์ “เกษตรผลิต-พาณิชย์ตลาด” สร้างรายได้ พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ ก้าวข้ามความขัดแย้ง
ความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในวันเสาร์ที่ 6 ส.ค.65 ที่ จ.ปัตตานี นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดแถลงข่าวว่า ประชาธิปัตย์พร้อมที่จะประกาศผลักดันจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นพื้นที่ความมั่นคงทางอาหาร ภายใต้ยุทธศาสตร์ “เกษตรผลิต-พาณิชย์ตลาด” โดยตั้งใจจะให้ทุกจังหวัดของชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่ความมั่นคงทางอาหารเพื่อการบริโภคในพื้นที่ บริโภคภายในประเทศ และเป็นครัวของโลก เป็นครัวฮาลาล เปิดตลาดประชากรมุสลิมกว่า 2,000 ล้านคนทั่วโลก
นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า จากการศึกษาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับประชาชนในหลายพื้นที่พบว่า ความอุดมสมบูรณ์ของจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่ที่สามารถสร้างผลผลิตทางการเกษตรได้ จึงต้องส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาผลผลิตที่สอดคล้องความต้องการของตลาดอย่างหลากหลาย รวมทั้งด้านปศุสัตว์ พร้อมทั้งการจะพลิกนาร้างให้เป็นนาข้าว ซึ่งจากการสำรวจพบว่ามีเกือบ 300,000 ไร่ เราจะจัดระบบชลประทานให้เข้าไปถึงที่นาเหล่านี้ และสร้างผลตอบแทนทางการเกษตรที่เรียกว่า “นาข้าวเลี้ยงคนในพื้นที่” ให้ได้
“พื้นที่ที่เป็นประมงพื้นบ้าน หรือประมงชายฝั่งในลุ่มน้ำต่างๆ จะมีการส่งเสริมด้านการเพาะเลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นปลากะพง ปลากุเลา หรือปลาสายพันธุ์ต่างๆ ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมงได้พัฒนาสายพันธุ์ ซึ่งเราสามารถเพาะเลี้ยงเป็นเชิงพาณิชย์ได้ สิ่งเหล่านี้จะนำมาสู่การสร้างเศรษฐกิจมูลค่าเพิ่มให้กับพี่น้องชาวประมง รวมถึงปูม้า ปูทะเล และปูดำ พร้อมกับให้มีการอนุรักษ์ประมงชายฝั่ง นอกจากนั้นเรายังมีพื้นที่สวน ก็จะส่งเสริมให้พื้นที่เหล่านี้เป็นพื้นที่ไม้ผล และผลักดันให้เป็นที่ยอมรับของคนทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นทุเรียน ลองกอง มังคุด หรือจำปาดะ” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นายนิพนธ์ บอกอีกว่า จะนำพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปสู่พื้นที่ความมั่นคงทางด้านอาหาร เลี้ยงคนในประเทศไทย ตลอดจนสามารถเลี้ยงคนได้ทั่วโลกต่อไปในอนาคต สิ่งที่ต้องส่งเสริมตั้งแต่ต้นน้ำคือ การอบรมให้ความรู้ สนับสนุนการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อประกอบอาชีพที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลและพัฒนาในด้านต่างๆ ที่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นผลผลิตเพื่อการยังชีพ และแปรรูปเพื่อสนับสนุนการบริโภคทั้งในพื้นที่และในประเทศได้อย่างเพียงพอ รวมทั้งจะสามารถเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญให้กับหลายประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศมุสลิมที่จะเชื่อมั่นต่ออาหารที่ผลิตจากแหล่งผลิตที่ผู้ประกอบการเป็นมุสลิม หรืออาหารที่ฮาลาล ซึ่งปัจจุบันผลผลิตทั้งเพื่อการบริโภคและการส่งออกจากพื้นที่จังหวัดชายแดนมีมูลค่านับแสนล้านบาท และยังสามารถสร้างการเติบโตทั้งด้านการผลิต และการส่งออกได้อีกเป็นจำนวนมาก
“ผมได้หารือท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับ ท่านเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งทั้งสองท่านเห็นตรงกัน พร้อมให้การสนับสนุนและเสริมทั้งด้านการผลิตและการตลาด ภายใต้ยุทธศาสตร์ เกษตรผลิต-พาณิชย์ตลาด ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ดียิ่งขึ้น และพร้อมผลักดันในทุกช่องทางเพื่อให้นโยบายนี้ประสบความสำเร็จเ พื่อนำไปสู่การสร้างรายได้และเพิ่มคุณภาพชีวิตให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ ก้าวข้ามความขัดแย้ง เปลี่ยนพื้นที่ความไม่สงบเป็นพื้นที่ความมั่นคงด้านอาหารของประเทศไทย” นายนิพนธ์ กล่าว
@@ เปิด “ตลาดน้ำคลองแห” หวังกระตุ้นท่องเที่ยวหาดใหญ่
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันศุกร์ที่ 5 ส.ค. นายนิพนธ์ ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิด “ตลาดน้ำคลองแห” ภายใต้ชื่อ "เปิดเมืองฆ้องโบราณ สู่ตำนานโคกหลังนกคุ่ม" ณ บริเวณตลาดน้ำคลองแห ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา หัวหน้าส่วนราชการ นายกเทศมนตรีเมืองคลองแห คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
นายนิพนธ์ กล่าวว่า ตลาดน้ำคลองแห ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของ จ.สงขลา ที่ผ่านมาจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการปีละหลายล้านบาท แต่ต้องหยุดชะงักด้วยสถานการณ์โควิด
เมื่อสถานการณ์โรคระบาดเริ่มคลี่คลาย จึงขอแสดงความยินดีกับพี่น้องผู้ประกอบการที่จะได้กลับมาจำหน่ายสินค้าและให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวมาเลยเซียและสิงคโปร์เข้ามาวันละ 6-7 พันคนในช่วงวันหยุด
โดยตลาดน้ำคลองแห จะเปิดเป็นประจำทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ มีการจำหน่ายสินค้าและปรับรูปแบบตลาดน้ำคลองแหโฉมใหม่ มีจุดเช็คอินคู่เมืองคลองแหไม่น้อยกว่า 9 จุด อาทิ นกคุ่ม ฆ้อง ไหเงิน ไหทอง เรือสำเภา บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์จำลอง ซึ่งทั้งหมดมีที่มาจากตำนาน “โคกหลังนกคุ่ม” ที่ตั้งเด่นตระการตาบริเวณทางเข้าและภายในตลาดน้ำคลองแห พร้อมด้วยการตบแต่งตลาดให้มีความสวยงาม และย้อนยุคมากขึ้น