คุณผู้อ่านคงยังจำกันได้ “ทีมข่าวอิศรา” เคยนำเสนอข้อมูลจาก องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ที่ทำแคมเปญรณรงค์ ประเมินตัวเลขงบประมาณจาก “อาคารทิ้งร้าง” เพราะสร้างไม่เสร็จ ของหน่วยราชการต่างๆ คิดเป็นความเสียหายมากกว่า 1 แสนล้านบาท
แม้จะไม่เหนือความคาดหมาย ว่าสุดท้ายไทยกับกัมพูชาต้องรบกัน...
สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชาล่าสุด หลังทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดไปอีก 1 รายในเขตอธิปไตยไทยด้านช่องอานม้า
ข้อมูลจาก องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ที่ทำแคมเปญรณรงค์ใหม่ ประเมินตัวเลขงบประมาณจาก “อาคารทิ้งร้าง” เพราะสร้างไม่เสร็จ ของหน่วยราชการต่างๆ คิดเป็นความเสียหาย มากกว่า 1 แสนล้านบาท
การลงพื้นที่ชายแดนใต้ครั้งแรกของ “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ในหมวกของ “รักษาราชการแทน รมว.กลาโหม” แทนที่จะสร้างความมั่นใจในภารกิจดับไฟใต้ให้เกิดขึ้น กลับกลายเป็นการทำให้ความไม่เชื่อมั่นพุ่งสูงขึ้นมากกว่า
“ทีมข่าวอิศรา” แกะรอยกรณีพบเงินสดๆ 12 ล้านบาท ในกล่องข้างกองขยะในคอนโดมีเนียมย่านเมืองทองธานี เพราะเกี่ยวข้องกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างปฏิเสธไม่ได้ และยังน่าสงสัยว่าอาจเป็นเม็ดเงินที่เกี่ยวโยงกับโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ หรือ เมกะโปรเจค ที่มีความขัดแย้งในพื้นที่
สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงที่ผ่านมา ต้องนิยามว่า “ร้อนแรง และ ขยายวง”
วันก่อน “เสธ.แมว” พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการ สมช. และอดีตหัวหน้าคณะพูดคุยสันติภาพดับไฟใต้คนแรกที่เปิดโต๊ะคุยกับ BRN เสนอโมเดล “สร้างพื้นที่ปลอดภัย” สกัดไฟใต้ลามออกนอกสามจังหวัด
การปรับ ครม.เที่ยวล่าสุด “อุ๊งอิ๊ง 2” ไม่มีการตั้งตำแหน่ง รมว.กลาโหม ทำให้ชื่อของ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด (อดีต ผบ.ทสส.) ซึ่งมีข่าวกระเซ็นกระสายว่าเป็น “แคนดิเดตตัวจริง” ก่อนหน้านี้ ถูกพูดถึงอย่างจริงจัง
เหตุการณ์ระทึกขวัญ สกัดจับ 2 หนุ่มจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ที่ จ.พังงา ขณะขับรถยนต์เก๋ง ป้ายทะเบียนสุรินทร์ ภายในรถซุกซ่อนอุปกรณ์ประกอบระเบิดและดินระเบิด เมื่อวันที่ 23 ต่อเนื่องวันที่ 24 มิ.ย.68 นั้น